Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
29 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
กรรมที่มองไม่เห็น



กรรมที่มองไม่เห็น
โดย ท.เลียงพิบูลย์

จากหนังสือกฎแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๒


เหตุการณ์เกิดขึ้นกับบุคคลที่ได้รับเคราะห์กรรมนั้น ส่วนมากก็มักจะโทษโชคชะตา หรือที่ไม่เชื่อโชคชะตาก็มักจะพูดว่าเหตุบังเอิญ หรือไม่ก็โทษเพราะพรหมลิขิต แต่ไม่ค่อยจะมีใครโทษตัวเองที่สร้างกรรมไว้ ส่วนมากโยนให้เป็นบาปกับเคราะห์เพื่อให้พ้นตัว แล้วเหตุการณ์เหล่านั้นผ่านไปในความรู้สึกง่ายๆ ไม่มีผู้ใดที่จะหาต้นเหตุที่จะเกิดผลเคราะห์กรรม หากมนุษย์เชื่อกรรมแล้ว ค้นคว้าหาสาเหตุต้นเรื่อง “กรรม” ก็คงจะเห็นได้ว่าผลนั้นย่อมเกิดจากต้นเหตุ จะเปรียบเทียบก็ไม่ผิดอะไรกับเราปลูกข้าว ผลก็ออกมาเป็นเมล็ด จะเป็นพืชอื่นไปไม่ได้

นอกจากอดีตจะมีกรรมชั่วติตามมาสนอง ซึ่งข้าพเจ้าได้พยายามรวบรวมเรื่องที่เกิดขึ้นมา แล้วจะให้เห็นว่า “กฎแห่งกรรม” นี้ถ้าได้พิจารณาหาเหตุผลด้วยจิตใจเที่ยงธรรม ค้นคว้าให้ถึงแก่นแล้ว ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนเป็นกฎของสากลทั่วไป มิได้ยกเว้นชาติใดภาษาใด หรือศาสนาใดในโลก ซึ่งสัตว์โลกและมนุษย์เกิดมาก็ต้องตกอยู่ภายใต้ “กฎแห่งกรรม” ด้วยกันทุกรูปทุกนามบางทีเหตุการณ์ตัวอย่างที่เกิดขึ้นผ่านไป แล้วอาจจะช่วยชี้ให้เห็นความกระจ่างแจ้งขึ้นบ้าง เช่น

วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ไปหาคุณพี่ที่ฝั่งธนฯ เมื่อได้นั่งสนทนากันพอสมควรแล้ว คุณพี่ก็เล่าเรื่องซึ่งได้รับฟังมาจากโรงพยาบาลทหารเรือว่า มีนายทหารเรือไทยผู้หนึ่งได้เดินทางไปต่างประทศ และเป็นผู้ที่ได้เห็นมาด้วยตนเอง เล่าให้ฟังว่า กัปตันเรือเดินทะเลคนหนึ่งเป็นฝรั่ง เมื่อนำเรือเข้าจอดเทียบท่าแล้วได้มีแมวเจ้ากรรมตัวหนึ่งเข้าไปอยู่ในห้องกัปตัน และบังเอิญกัปตันผู้นั้นเป็นคนเกลียดแมวอย่างเข้ากระดูกดำ แทนที่กัปตันจะไล่แมวออกมาให้พ้นจากห้อง แล้วคิดว่าเหตุการณ์อะไรก็จะไม่เกิดขึ้น แต่กัปตันผู้นี้แกมีความโกรธความพยาบาทแมว คล้ายจะเป็นศัตรูคู่จองเวรกันมาก่อน

กลับปิดประตูขังไว้ไม่ยอมให้ออกจากห้อง หลังจากนั้นก็ใช้ท่านไม้ไล่ตี แมวเคราะห์ร้ายตัวนั้นก็วิ่งหนีวนเวียนอยู่ในห้องหาทางออกไม่ได้ เมื่อถูกตีอย่างเจ็บปวด ก็ยิ่งร้องวนเวียนวิ่งหนีอยู่ภายในห้องอย่างหัวซุกหัวซุน ด้วยความกลัวจนสุดขีด เป็นธรรมดาของสัตว์โลกไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ ตลอดทั้งมนุษย์เห็นจะมีความรู้สึกตรงกันก็คือ กลัวความตาย กลัวความเจ็บปวดด้วยกันทุกรูปทุกนาม

แมวตัวนั้นก็เช่นเดียวกัน หนีอย่างสุดชีวิต ทั้งร้องก้องคล้ายจะร้องขอชีวิตเพราะความเจ็บปวดที่ถูกตีหนัก มันเป็นเรื่องสลดใจกับผู้ได้พบเห็นเหตุการณ์ครั้งนั้น พวกลูกเรือกุลีและกะลาสีและพวกต้นเรือ ซึ่งต่างก็รู้ดีว่าไม่มีใครสามารถจะยับยั้งห้ามปรามกัปตันผู้นั้นได้ นอกจากกัปตันจะเป็นผู้มีอำนาจสิทธิ์ขาดในเรือแล้ว ยังเป็นคนมีใจคอดุร้าย ทำให้นายทหารเรือไทยผู้นั้นต้องทำจิตใจให้เป็นอุเบกขา เพราะสิ่งใดที่ไม่สามารถจะช่วยได้ ก็ต้องทำจิตใจให้ปกติไม่ยินดียินร้ายทำให้เป็นกลาง เพราะพวกลูกเรือกะลาสีเหล่านั้นรู้ดีว่า หากใครจะไปตบประตูขัดขวางก็เท่ากับไปยุให้กัปตันเพิ่มความบ้าโกรธมากขึ้น

นึกถึงคำโบราณของคนไทยเราว่า ใครฆ่าแมวก็บาปหนักเท่ากับฆ่าเณรผู้มีศีล แต่แล้วเสียงโครมครามและสียงแมววิ่งร้อง และวิ่งไล่ให้ห้องกัปตันก็เงียบลง ต่อมาประตูห้องกัปตันก็เปิดออก กัปตันเดินออกมาเหงื่อโทรมกาย หน้าตายังมีริ้วรอยความดุร้าย ในมือจับหางแมวหิ้วตัวห้อยออกมา ปรากฏว่าแมวตัวนั้นเลือดไหลออกทางปากทางจมูกตายอย่างสนิท ไม่ดิ้นรนได้อีก แต่แล้วกัปตันหิ้วเดินมาทางกราบเรือ เหวี่ยงศพแมวตัวนั้นโยนลงน้ำไป ท่ามกลางสายตาผู้พบเห็นอย่างติเตียน ต่างก็มีความรู้สึกสะอิดสะเอียนการกระทำของกัปตันในครั้งนั้น

เหตุการณ์มิได้หยุดเพียงนี้ เพราะหลังจากกัปตันได้ตีแมวตาย ในวันรุ่งขึ้นตัวกัปตันก็หายไป ไม่มีใครทราบว่าไปไหน เหตุการณ์ก็โกลาหล เพราะรองกัปตันก็ต้องทำงานแทนไปก่อน แต่แล้วต่อมาศพของกัปตันก็ลอยอืดขึ้นมาในบริเวณที่จอดเรือ นี่ก็เป็นเรื่องลึกลับอัศจรรย์ ตามสันนิษฐานว่ากัปตันตกน้ำตายอย่างธรรมดา เพราะดื่มเหล้าเมาจัด ทางการได้สอบสวนร่างกายไม่พบร่องรอยบอบช้ำ พอจะยกขึ้นมาพิสูจน์หาสาเหตุข้อสงสัยว่าถูกฆาตกรรม

นี่ถ้าถือตามหลักธรรมก็พอบอกได้ กรรมที่ได้รับผลทันตาเห็น หากมีผู้ที่ไม่รู้เรื่องกรรมก็บอกว่า กัปตันกินเหล้าเมาตกน้ำตายโดยบังเอิญ นี่เป็นธรรมดาเรื่องหนึ่งที่นายทหารเรือผู้เห็นเหตุการณ์ ท่านได้นำมาเล่าเป็นเรื่องที่น่าคิด

เมื่อฟังเรื่องราวกัปตันฝรั่งตกน้ำตาย กรรมสนองที่ได้ฆ่าแมว เพราะความอาฆาตพยาบาท ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงครั้งข้าพเจ้าได้ไปหาเพื่อนผู้คุ้นเคยกันมานาน และเป็นทันตแพทย์เนื่องจากสุขภาพของหมอไม่ค่อยจะปกตินัก ข้าพเจ้าจึงไปถามข่าวเยี่ยมเยียนในฐานะผู้ที่รักใคร่คุ้นเคยกันมานาน

ก่อนที่จะเข้าบ้านของหมอ ข้าพเจ้าก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังเดินสวนออกจากบ้าน พระรูปนั้นมีลูกศิษย์จูงนำเดินหน้าทำให้นึกว่าพระภิกษุรูปนั้นคงตาพิการหรือบอด คิดสงสัยตาท่านบอดทำไมถึงบวชได้ เมื่อได้เข้าไปในบ้านหมอผู้คุ้นเคยแล้ว เราจึงทักทายปราศรัยกันพอสมควร ข้าพเจ้าจึงเอ่ยถามหมอว่า

“นี่หมอ ผมเห็นพระองค์ที่ออกไปจากบ้านหมอเมื่อครู่นี้ สวนทางก่อนหน้าผมจะเข้ามานั้น ท่านตาบอดใช่ไหม จึงมีลูกศิษย์จูง”

หมอยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ ท่านเป็นมหา ๓ ประโยค ตาท่านบอดภายหลังเมื่อท่านบวชหลายปี”

ข้าพเจ้าสงสัยจึงถามต่อไป “ทำไมไม่หาหมอแผนปัจจุบันมารักษา ผมคิดว่าสามารถจะรักษาให้หายได้”

หมอหัวเราะแล้วพูดว่า “รักษาแล้วไม่หาย ท่านได้เล่าให้ผมฟังเรื่องในอดีตที่ท่านได้ทำกรรมไว้ และท่านได้รู้ตัวว่ากรรมตามสนอง ในชาตินี้ท่านก็ต้องใช้กรรมที่ท่านได้ทำไว้จนกว่าจะหมดหนี้”

ข้าพเจ้าฟังแล้วก็เกิดความสนใจ จึงขอร้องให้หมอช่วยเล่าเรื่องอดีตของท่านมาให้ข้าพเจ้าฟัง หมอก็ได้กรุณาเล่าให้ฟังมีใจความว่า “เมื่อครั้งท่านมหาสมัยเมื่อยังไม่บวช และอยู่ในวัยรุ่น บ้านของท่านอยู่ติดกับคลองมีกระไดท่าน้ำ เวลานั้นชาวบ้านส่วนมากไม่ชอบใส่รองเท้า ถนนยังไม่ดี หน้าฝนเละเป็นโคลน เมื่อไปไหนมาไหนกลับมาถึงบ้านก็ต้องไปที่กระไดท่าน้ำเพื่อล้างเท้าให้สะอาดก่อนจะขึ้นบ้านขึ้นเรือน

วันหนึ่งท่านได้กลับมาจากเที่ยว ก็ไปที่ท่าน้ำลงไปล้างเท้าเป็นเวลาที่มีปลาแขยงชุกชุม เมื่อมีคนลงมาล้างเท้าพวกปลาก็พากันมาตอด ท่านมีความโกรธมากตามอารมณ์ร้อนแรงของคนหนุ่ม ขาดสติมีความประมาทคิดแต่จะแก้เผ็ด ที่เจ้าพวกปลาแขยงมาตอดเท้า นึกพยาบาทคิดจะต้องทำให้หายแค้น จึงรีบขึ้นบนเรือนคว้าได้สวิงรีบลงมาเพราะอารมณ์โกรธ รีบลงไปตีนท่าทำเป็นล้างเท้า กระทุ่มน้ำพอเป็นพิธี พวกฝูงปลาแขยงต่างก็ว่ายเข้ามาตอดเท้า

ทันใดนั้นท่านก็เอาสวิงช้อนปลาขึ้นมาได้ ๖ - ๗ ตัว คิดว่าจะทุบตีให้มันตายก็ง่ายเกินไป ยังไม่สมกับอารมณ์แค้นและความโกรธ จะต้องทรมานให้สาสมจึงจะสมแค้น จึงรีบวิ่งขึ้นเรือนหาด้ายเข็ม รีบจัดแจงลงมาที่ท่าน้ำ แล้วก็เอาเข็มแทงลูกนัยน์ตาทั้งสองข้างทุกตัวแล้วก็ปล่อยลงน้ำไป เมื่อทำแก่ปลาเหล่านั้นได้ก็คลายความโกรธลงบ้าง ในใจนึกสมน้ำหน้าที่มันมาตอดเท้า

ครั้นหลายปีต่อมาเมื่ออายุครบบวช ก็เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ได้ศึกษาเล่าเรียนในทางธรรมสอบได้เป็นมหาเปรียญ ๓ ประโยค ท่านก็เริ่มเจ็บตาข้างหนึ่ง แม้จะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย ทั้งเจ็บทั้งปวดแสนสาหัส แทบจะทนไม่ไหว เมื่อให้แพทย์แผนปัจจุบันตรวจก็บอกว่าต้องผ่า มิฉะนั้นก็ไม่มีโอกาสหาย ที่สุดหมอก็ได้ผ่าตา แต่ก็ไม่สามารถจะรักษาได้ ที่สุดตาก็บอดลง

ท่านก็นึกรู้ได้ทันทีนั้นว่า กรรมที่ท่านได้มีจิตอาฆาตพยาบาทกับปลาแขยงในสมัยวัยรุ่นนั้น บัดนี้กรรมได้ติดตามมาทันแล้ว ต่อมาไม่นานตาที่ยังใช้ได้ดีข้างหนึ่งก็เกิดปวดขึ้นมา รู้สึกว่าความเจ็บปวดมากมายแทบจะปะทุออกมาต้องไปหาแพทย์ แพทย์ก็ลงความเห็นว่าไม่มีทางอื่นจะต้องผ่าอีกเมื่อไม่มีทางอื่นเลือก ท่านก็ยอมเสี่ยงอีกครั้งหนึ่ง ที่สุดตาของท่านก็บอดสนิททั้งสองข้าง ท่านจึงนึกว่าโรคกรรมเวรนี้ หมอเก่งเพียงไรก็ไม่สามารถจะรักษาหายได้”

นี่ก็ชี้ให้เห็นว่ากรรมใดที่พวกเราก่อขึ้น ด้วยอำนาจจิตคิดพยาบาทอาฆาต ย่อมจะก่อให้เกิดผลขึ้นมาได้ เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังหมอเล่าแล้วรู้สึกเศร้าใจที่มนุษย์อีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่เชื่อกรรม ฉะนั้น โลกในยุคปัจจุบันนี้จึงมีการฆ่าฟันเอาชีวิตกันง่าย เพราะไม่เกรงกรรมไม่เกรงเวร เกรงบาป จิตใจจึงเหี้ยมโหดชั่วร้ายหากมีผู้เชื่อกรรม เชื่อบุญ เชื่อบาปแล้วโลกที่เราอยู่นี้ก็จะเกิดความสงบขึ้นอีกมาก

เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังหมอเล่ามาแล้ว ก็เกิดความสนใจมากจึงบอกว่า “หมอจะกรุณาช่วยติดต่อขออนุญาตท่านมหา เพื่อให้ผมได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นได้ไหม”

หมอยิ้มแล้วบอกว่า “ผมยินดีจะติดต่อขออนุญาตให้ คิดว่าท่านคงไม่ขัดข้อง เพราะท่านเองก็รู้ตัวแล้วว่า ท่านกำลังรับใช้กรรม และก็ไม่อยากให้ผู้อื่นได้สร้างกรรมเช่นนี้ต่อไป”

หมอพูดแล้วก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี แม้หมอจะมีสุขภาพในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก แต่กำลังใจของหมอยังดี แล้วหมอก็พูดต่อไปว่า “เมื่อก่อนผมก็ไม่เชื่อเวรกรรม ผมเคยล่าสัตว์ทำบาปมามาก แต่บัดนี้ผมเชื่อแล้วไม่มีอะไรสงสัยอีก ผมเองก็เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ไม่รู้จักหาย ไม่มีความสุขความสบาย นึกเบื่อชีวิต เงินทองทรัพย์สินก็ไม่ช่วยอะไรได้มากนัก เช่น ท่านมหาเป็นตัวอย่าง

เวลานี้ผมคิดได้ว่าเราเกิดมาในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ประเสริฐที่สุดในโลก แต่เราก็ยังไม่รู้จักศาสนาดีเมื่อคิดแล้วก็นึกละอายในใจว่า เรานี้ไม่น่าจะเสียชาติเกิดเลย ใช้ชีวิตเวลาวัยหนุ่มให้หมดในการล้างบาป เมื่อบั้นปลายรู้ตัวก็ควรจะทำอะไรในทางบุญกุศลสมกับได้เกิดมาในพุทธศาสนาบ้าง

ฉะนั้น บั้นปลายในชีวิตของผม ถ้ายังสามารถทำอะไรได้ก็อยากจะทำอะไรให้เกิดประโยชน์เป็นแก่นสาร เมื่อเรายังมีลมหายใจยามมีชีวิต จะได้ทันตาเห็น เพราะผมมองเห็นแล้วเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย บางครั้งก็ทำให้คิดว่าทรัพย์สินเงินทองเมื่อเราไม่ใชให้เกิดประโยชน์ยามมีชีวิตอยู่ เมื่อเราจะตายทรัพย์สินก็ไม่สามารถจะถ่ายชีวิตเราได้ แล้วเราหาทรัพย์สินตั้งแต่หนุ่มจนแก่เพื่อประโยชน์อะไร

ตัวอย่างความไม่เที่ยงตามพระท่านว่า ที่เราพอจะเห็นได้ มีมากมายที่รู้ทั่วไปของโลก ในยุคนี้ก็เห็นจะมี นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะเป็น ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนต่อไปสมัยหน้า ซึ่งกำลังอยู่ในท่ามกลางประชาชน เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีที่ชนะได้คะแนนเสียงข้างมากจากประชาชนที่นิยมตัวเขา แม้ตัวเองก็กำลังมีความตื่นเต้นดีใจ เพราะมองเห็นตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ กำลังรอเวลาคอยอยู่ข้างหน้า แต่ทางพระท่านบอกว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ที่ไหนมีสุขที่นั่นมีทุกข์

ท่ามกลางประชาชน โห่ร้องกึกก้องไปทั้งเมือง เพื่อแสดงความยินดี และรับขวัญนายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ อย่างลิงโลดทั่วท้องถนน ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นข้างตัวนายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ หลายนัด

ทำให้ผู้ชนะเลือกตั้งซึ่งกำลังตื่นเต้นดีใจ ก็ดับวูบลงอย่างไม่รู้ตัว ท่ามกลางผู้คนแสดงความโลดเต้น โห่ร้องก็เงียบลงทันที เพราะตกตะลึงพึงเพริดสิ่งที่ทั่วทั้งโลกไม่มีใครเคยนึกฝันว่า จะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น แต่ก็เกิดขึ้นแล้วไม่ใช่ความฝันเป็นความจริงเสียงร้องโห่กึกก้อง แผ่นดินแทบจะถล่มทลายลง ของพวกสนับสนุนโห่ร้องรับขวัญ

ความหวังว่านายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ จะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่อายุน้อย สำหรับตำแหน่งอันสูงส่งของสหรัฐอเมริกาในอนาคตก็ดับลง เหมือนแสงสว่างอันมีรัศมีแก่กล้า แสงสุกใสไม่มีแสงใดมาเทียบเท่าก็ดับมืดลงทันที

ทางพุทธศาสนาก็ชี้ให้เห็นแล้วว่า ทุกสิ่งเป็นของไม่เที่ยง อย่ามัวทะนงหลงตัวว่ายังหนุ่มสาว ยังแข็งแรงไม่ตายง่าย ชีวิตกับความตายไม่แน่นอน ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า สิ่งที่แน่ก็คือทุกคนต้องผจญทุกข์ แม้นายเคนเนดี้เป็นคนหนุ่ม มีเกียรติสูงที่จะมีอนาคตอีกไกล แต่ก็ตายอย่างไม่ทันรู้ตัว จะมีเงินมากมายหลายสิบล้าน แต่เงินเหล่านั้นก็ไม่สามารถจะช่วยแลกซื้อชีวิตของนายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ คืนมาได้

เมื่อพิจารณาดูแล้วก็คงจะเป็นกรรมในอดีต เห็นชัดแจ้งตามหลักธรรม ทำให้ผมเกิดความรู้สึกตัวคิดได้ เวลานี้ผมจัดการเลี้ยงพระทำบุญ ทำทาน ถวายอาหารคาวหวานให้ท่านมาฉันที่บ้านทุกวันอาทิตย์ เอาเงินทองทรัพย์สินมาแลกเป็นบุญกุศลเพื่อจะได้บารมี มีทานติดตามวิญญาณ เมื่อสังขารดับสูญไปแล้ว แต่วิญญาณเป็นอมตะไม่สูญสิ้น และผมก็มีโอกาสได้สนทนากับพระท่าน ทำให้จิตใจผมสบายขึ้น และคิดจะทำประโยชน์อะไรให้แก่ส่วนรวมต่อไป”

เมื่อได้ทราบว่า เวลานี้หมอได้เริ่มก่อการสร้างกุศล ทำให้ข้าพเจ้าพลอยปลื้มปีติ เพราะหมอเป็นผู้มั่งคั่งผู้หนึ่ง สามารถจะทำประโยชน์สร้างกุศลในทางศาสนาได้มาก จึงบอกว่า

“ผมขอแสดงความยินดีด้วย ที่หมอได้เกิดความรู้สึกในทางดีในบั้นปลายของชีวิต ขออนุโมทนาด้วยความจริงใจ ขอให้ช่วยกันสร้างประโยชน์ในเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ และได้เห็นผลงานของเราเพื่อจะได้เป็นกรรมดี เกิดกุศลบารมีติดตามไปสู่ที่สุคติในชาติต่อไป เพราะเรายังไม่มีโอกาสบรรลุนิพพาน ยังต้องวนเวียนว่ายตายเกิดยังไม่รู้สิ้นสุด ผู้ไม่ประมาทย่อมคิดได้”



......................... เอวัง .........................



Create Date : 29 กรกฎาคม 2550
Last Update : 29 กรกฎาคม 2550 12:33:53 น. 0 comments
Counter : 666 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

K_chang
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เฟิร์นคับ เป็นคนภูเก็ต แต่ต้องมาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ งานอดิเรกก็มีบ้าง แต่ที่ติดอยู่ตอนนี้คือการทำบล็อก
และก็คงจะไม่เลิกง่ายๆซะด้วย

ยินดีต้อนรับเข้าสู่K_chang BLOG นะคับ…
Kittipong Jarusathorn
Instagram

Google
free counters
New Comments
Friends' blogs
[Add K_chang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.