แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
21 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 

นาริตะอันน่าปวดตับ(ภาคจบ)

ก่อนจะเล่าต่อ ขอย้อนไปตอนกระโดดออกจากรถบัสเพื่อวิ่งขึ้นบันไดขึ้นเครื่องสักหน่อยเถอะ... ให้ตายเหอะวะ วันนั้นไม่มีเวลาจะเปลี่ยนรองเท้าเป็นส้นเตี้ยเลย เพราะมัวแต่วิ่งไปวิ่งมาอยู่ในเทอร์มินัล พอขึ้นรถบัสแล้วก้อไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์นี้อีก

กล่าวคือ มันไม่ได้เข้าไปในตัวแอร์พอร์ตแล้วมีงวงช้างมารอท่า

แต่เราต้องนั่งรถมินิบัสจากเทอร์มินัลเพื่อไปสู่ตัวเครื่อง แล้ววิ่งขึ้นกระไดอันสูงลิบ ... ด้วยรองเท้าส้นสูงปาเข้าไป 2.5 นิ้ว บางคนล่อเข้าไป3 นิ้ว กระเป๋าที่นำพาไปด้วยก้อมีกระเป๋าลากล้อหนักร่วมเกือบ 20โล กระเป๋าถือแบบจุของอีก1ใบ ใครมีแล็บท๊อปอยู่ในนั้นให้บวกเข้าไปได้เลย 2.5โลอย่างต่ำ(กระเป๋าเด็กที่รอคอยคนนึงละ ) แล้วก้อสาวๆก้อยังจะมีแฮนด์แบ๊ค ไว้สะพายคล้องไหล่เก๋ไก๋ยามเดินให้ชาวบ้านในแอร์พอร์ตดู

ทั้งหมดทั้งรวมแล้วก้อ ... เป็นสิ่งที่ต้องนำพาขึ้นบันไดไปสู่ด้วยการลาก ถู และ กระชาก อย่างเต็มสตรีม พลังมีแค่ไหนงัดออกมาใช้หมดเพราะเมื่อออกจากรถมินิบัสมาแล้ว พวกเรายังเจอพายุลูกใหญ่ที่พัดพามาทั้งลมหนาวเย็นยะเยือกและเม็ดฝนเป้งๆซะยิ่งกว่าฝักบัวในห้องน้ำที่โรงแรมซะอีก (ยิ่งอยู่ชั้นสูงๆ น้ำยิ่งไหลเอื่อยๆประดุจแมวเยี่ยว... )


เหนื่อยอิ๋บอ๋ายเลยกว่าจะถูลู่ถูกังขึ้นเครื่องกันได้ ถ้าก้าวพลาดส้นเท้าพลิกตกบันไดตายห่า..น อีกเนี่ย จะได้ค่าประกันชีวิตมั้ยก้อไม่รู้ (เอ่า ถือว่าตายในหน้าที่นะนั่นน่ะ )


ขึ้นเครื่องมาละ ทีเนี้ย ... ผู้โดยสารแต่ละท่านเค้าก้อมองพวกเราตามันประกายเชียวแหละ ...แต่เด๋วก่อน เค้าไม่ได้มองด้วยประกายแห่งความหวังที่จะพึ่งพาพวกเราเลย

เค้ามองด้วยประกายตาอาฆาตว่า พวกเมิงงงง ทำให้กรูติดแหง่กอยู่ในเครื่องนี้ร่วม 24ช.ม แล้ววววว ซึ่งจริงๆแล้วหาใช่ความผิดของเราไม่ มีอย่างที่ไหน ลูกเรือและนักบินทั้งชุดนั่นน่ะมันไม่ได้บอกกล่าวอะไรผู้โดยสารเลยสักนิดว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไงทำไมต้องมาจอดแล้วนั่งรอพวกเราที่ฮาเนดะแทนที่จะได้ไปลงที่นาริตะ สรุปว่า ชุดนั้นออกไปแล้วพวกเราเสียบแทน ก้อเลย โดนด่าแทน ...


ระหว่างนั้นก้อเดินเช็คความเรียบร้อยไป(เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ก้อต้องทำ) นั่งฟังผู้โดยสารด่าไป(ไม่อยากก้อต้องฟังเพราะเสียงด่าระงมทั้งเคบิน) รอกัปตันเตรียมความพร้อมไป หากินน้ำไป คุยกันเองไป(ปรับทุกข์กันเองเพราะไม่มีใครเข้าใจเราอีกแล้วนอกจากพวกเรากันเอง...) ปิ๊งป่อง เสียงกดปุ่มเรียกพนักงานไปดูแล ก้อเดินไปดู แต่ไม่มีอะไรแค่โดนเรียกไปด่า แล้วเราก้อทำใจปลงไป ... เดินกลับมาจั๊มพ์ซี๊ทพอจะนั่งซะหน่อย เอ๊า... เรียกตรูไปด่าอีกและ ลุงญี่ปุ่นคนนี้แกช่างมีสปิริตดีจริงๆพลังการด่าไม่มีถอยเลย ด่าได้ด่าดี ด่าไม่มีหยุดหย่อน จะด่ากรูทำไมวะ ไม่ได้เป็นคนสร้างพายุซักหน่อย


กว่ากัปตันจะเอาเครื่องขึ้นหลังจากขอ clearance กับ air traffic controller ได้ ก้อปาเข้าไปหลายนาทีโข เด็กที่รอคอยหูชาจากผู้โดยสารเสร็จก้อต้องมาหูอื้อกับเครื่องที่เพิ่งเทคออฟต่อไปอย่างน่าอนาถ แต่เอาเหอะดีใจจะแย่ได้เทคออฟซะที เด๋วจะได้ไปลงนาริตะกันให้จบๆไปในคืนนี้ เรื่องอื่นไม่คิดมันแล้ว เหนื่อย!


มันก้อน่าจะเป็นยังงั้นแหละ

แต่ที่ไม่เป็นยังงั้นก้อคือว่า อีตอนเทคออฟไปแล้วเนี่ย ปกติมันใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 15 นาทีกว่าที่ทุกอย่างจะเข้ารูปเข้ารอย อยู่ในระดับความสูงที่กัปตันตั้งใจไต่ขึ้นมาอย่างปลอดภัย ... แต่ว่าหนนี้เด็กที่รอคอยรู้สึกว่าเราคงจะไม่มีโอกาสได้ปลดเข็มขัดนิรภัยตลอดเที่ยวบินนี้ล่ะมั้ง


เพราะเมื่อเครื่องขึ้นมายังไม่ทันจะเกินห้านาที ไอ้ที่เค้าเรียกกันว่า ตกหลุมอากาศ หรือเอาให้ตามศัพท์วิชาการการบินว่า turbulance เนี่ย มันรุนแรงขึ้น เรื่อยๆ ... เรื่อยๆ... และ เรื่อยๆ.... กระแทกบนกระแทกล่าง กระแทกหน้ากระแทกหลัง ทั้งโยกซ้ายทะแยงขวาซะจนเด็กที่รอคอยเองแม้จะคาดเข็มขัดไว้ แต่ก้อโดนเหวี่ยงแทบตกเก้าอี้(จริงๆก้อคือตกไปแล้ว แต่ได้เข็มขัดตรงช่วงไหล่มาดังเอาไว้เลยไม่ร่วงลงพื้น )

คราวนี้เสียงผู้โดยสารบ่นอะไรกันบ้างเด็กที่รอคอยก้อไม่รุ้แล้วล่ะ รู้อย่างเดียวว่า ตัวเองนั่งมองทัศนียภาพปีกเครื่องบินพร้อมกับรุ่นพี่อีกคนตลอดเวลาและพวกพี่ๆทุกๆคนที่นั่งประจำตามจุดต่างๆ ก้อเหมือนจะนิ่งเงียบอย่างมือโปรที่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนจนชิน ... หากแต่จริงๆแล้ว

สวดมนต์ในใจกันไม่รู้กี่จบแล้ว! นั่งเครื่องบินมายี่สิบปี ไม่เคยเจอแบบนี้เลย มันน่ากลัวจริงๆพระเจ้าจอร์จ!


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


ตลอดเที่ยวบินนั้นกัปตันมิได้ประกาศให้เลิกรัดเข็มขัดจริงๆอย่างที่คิดเอาไว้ แต่ถึงกระนั้นก้อยังคงมีคนพยายามลุกไปเข้าห้องน้ำกันอย่างน่านับถือ (คือไม่กลัวตายในส้วมบนเครื่องกันบ้างเรอะถ้าหากซัมซิงรองเนี่ย ) ได้แต่บอกเตือน ถ้ากลั้นไว้ได้อีกหน่อยก้อกลั้นเถิด แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก้อตัวใครตัวมันเถอะค่ะคุณพี่ ...


นู๋ก้อได้พยายามช่วยชีวิตคุณพี่แล้วง่ะ ...


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เป็นอันว่าพวกเราทั้งลำต้องนั่งฝ่าวิกฤตหลุมอากาศอยู่เป็นช.ม อย่างเสียวไส้ กัปตันเองก้อเสียวเหมือนกันเพราะมันสั่นทั้งเครื่องอย่างแรงจนเหมือนจะตกแล้ว สุดท้าย กัปตันประกาศซะอีกว่า ...


ท่านผู้โดยสารครับ เรามีความจำเป็นต้องนำเครื่องไปลงโอซาก้า เพราะขณะนี้เลยเวลาเที่ยงคืน สนามบินนาริตะ มัน...ปิ๊ดแหล่ว... โอ้โหหหหหหหหหห คราวนี้แหละ เสียงบ่นระงมสองกกหูเลย

ลุงญี่ปุ่นคนนั้นสิ แกไม่เลิก ... ไหนๆก้อไหนๆแกคงคิดแบบนี้ ด่ามันทิ้งท้ายซะหน่อยก้อคงจะดี แหม๊...น่ามะโห กดปุ่มเรียกเราไปนึกว่ามีอะไรสำคัญ เจือกเรียกไปด่า! เด็กที่รอคอยฉุนกึ้ก ยิ่งลุงแกปลดเข็มขัดลุกขึ้นมาด่าเนี่ย เด็กที่รอคอยเองใส่ส้นสูงด้วย ไม่ได้อยากจะลุกจากจั๊มพ์ซี๊ทเลยเพราะกลัวจะล้ม แต่ก้อต้องลุกไปเพื่อฟังอีลุงด่าไร้สาระ... อารมณ์เด็กที่รอคอยพุ่งปรี๊ดดดดส์!!!

แต่... เราก้อยังคงสวมหน้ากากคนดีศรีอยุธยาเลยบอกลุงแกไปว่า


ลุงคะ ... เชิญด่าตามสบาย นู๋เถียงไม่ได้เพราะนู๋ได้รับคำสั่งจากหัวหน้ามาแค่เท่าที่บอกลุง ...ด่าเสร็จแล้ว กรุณานั่งให้เรียบร้อยแล้วรัดเข็มขัดให้แน่นๆด้วยคะมันอันตรายค่ะอย่าลุกขึ้นมา ถ้าไม่มีอะไรแล้วนู๋ขอตัวก่อนค่ะ!


ได้ผลเว้ย ... ลุงแกอ่อนขึ้นมาเลย เห็นแกอึ้งๆไปแล้วก้อบอกว่า มันอึดอัดน่ะ อยู่แต่เครื่องมาตั้ง 24ช.มแล้ว คิดว่าจะได้ลงก้อไม่ได้ลง ต้องนั่งแกร่วอยู่ในนี้จะไปไหนก้อไปไม่ได้ ... ทีนี้ก้อเลยมีอีกสองสามชีวิตยกมือขอสนับสนุนประเด็นร้อนของลุงมั่ง ซึ่งทุกคนก้อเห็นใจเด็กที่รอคอยเป็นหนักหนาและนับถือน้ำใจที่โดนด่า(โดยไม่ใช่ความผิดเรา)แต่ก้อไม่ได้แสดงกิริยาไม่ดีต่อลูกค้า โถ... ขอบคุณนะคะ ...


เมิงอ่ะไม่รุ้อะไร กรูแทบจะวิ่งเข้าไปในครัวแล้วหยิบถาดมาฟาดกบาลเมิงอยู่แล้ว .... หน็อย! รอดไป!!

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


ที่ต้องไปลงโอซาก้าแบบเนี้ย ใจจริงก้อสงสารผู้โดยสารอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะพวกเราเองเมื่อเครื่องลงไปแล้วก้อคงจะมีโอกาสได้เข้าพักโรงแรมแถวๆนั้น แต่คนเหล่านี้ที่ไม่ได้มีแพลนว่าจะมาเยือนโอซาก้านี่น่ะสิ ... เค้าจะไปอยู่กันที่ไหนระหว่างนั้น? ได้แต่หวังว่าคงมีทางออกที่ดีให้เค้าเพราะเราเองก้อยังเอาตัวไม่รอดเลย


แต่แล้ว ในระหว่างที่ทุกคนทำใจว่าเราจะต้องไปโอซาก้ากัน (เด็กที่รอคอยนี่นึกในใจเลย ... ภายในเวลาไม่เกินหกช.ม ตรูไปมาสามที่เลยเร๊อะ นาริตะ ฮาเนดะ โอซาก้า...) กัปตันก้อประกาศอีกครั้งด้วยน้ำเสียงมีชัยชนะว่า

ท่านผู้โดยสารครับ กระผมมีความยินดีที่จะแจ้งให้ท่านทราบว่า เราสามารถนำเครื่องไปลงที่นาริตะได้ครับ! และเราจะถึงที่นั่นกันภายในเวลาประมาณ 15 นาที ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งในความอดทนรอของท่าน


โห ... เตี่ย เตี่ยทำได้!! โคตรจะน่ายกย่องเลยอ่ะ! เตี่ยแกมาบอกทีหลังว่าแกขอ emergency landing กับทางสนามบินนาริตะซึ่งจริงๆแล้วมีเคอร์ฟิวส์แค่ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น พอสนามบินปิดแบบนี้ก้อแปลว่า มันจะไม่เหลือ facility อะไรไว้ช่วยเหลือพวกเราเท่าไหร่นัก แต่กัปตันคนนี้ยอดมาก ตัดสินใจได้ดี และ ลงนุ่มมากกกกกกกกก เด็กที่รอคอยยังบอกแกเลยตอนยกโขยงนั่งรถบัสกลับมาที่โรงแรมด้วยกันว่า One of the best landings,EVER!!! เตี่ยดีใจใหญ่เลย ฮิๆๆๆ ทำดีต้องชมครับท่าน ทำดีต้องชม


อ่ะ .... สรุปว่าวันนั้นก้อลงนาริตะจนได้ ... กว่าจะได้ลง เหนื่อยอิ๊บอ๋าย พอล้อทัชดาวน์ปั๊บ ผู้โดยสารพร้อมใจกันตบมือให้อย่างพร้อมเพรียง แหม่... น่าประทับใจซะไม่เมียะ!

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

แต่กว่าที่พวกเราจะได้ออกมาจากสนามบินในคืนนั้นก้อปาเข้าไปเกือบเช้าแล้วล่ะค่ะ ตั้งกะสองทุ่มกว่ายันตี5กว่าๆนี่ พวกเราได้แต่วนเวียนอยุ่ในละแวกนั้นไม่ได้กลับเมืองไทยตามกำหนด เล่นเอาทั้งเหนื่อยทั้งล้า และกราวด์สตาฟประจำสนามบินนาริตะที่เป็นคนวิ่งนั่นวิ่งนี่ให้ก้อนำเอาขนมมากมายมาให้พวกเราอย่างรู้ใจว่า คงจะซ่กลงมาแน่ๆเลย ... กินไอติมตอนตีห้า เด็กที่รอคอยก้อเพิ่งจะเคยนี่แหละ


จนใกล้จะหกโมงเช้ารถบัสก้อมารับกลับโรงแรมเดิม ... หมดสภาพความเป็นคน เดินขึ้นรถกันอย่างไร้วิญญาณ ระหว่างนั้นก้อมองภาพรอบๆสนามบินไปด้วย เห็นแล้วก้อสงสารคนที่มานอนรออยู่กับพื้นเป็นระยะๆเพราะไฟล์ทถูกแคนเซิ่ล เรายังดีกว่าเค้าที่ยังมีที่พักให้กลับไปนอน แต่คนพวกนี้สิเค้าไม่มีที่ไปอีกแล้วได้แต่นอนเฝ้าแอร์พอร์ตกันยังกับที่เคยเห้นในหนังเลย

นึกถึงว่าเป็นตัวเองเนี่ย เด็กที่รอคอย...ไม่อยากเลยล่ะ ....


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


เรื่องราวครั้งนี้จริงๆแล้วยังมีอีกมากมายแต่จะขอเล่าคร่าวๆเพียงเท่านี้ ... ไม่รู้ว่าคราวหน้าจะมีอะไรมาให้เร้าใจอีกรึเปล่า แต่ก้อหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบเจออะไรธรรมดากับเค้าบ้าง หาไม่ เด็กที่รอคอยคงได้อายุสั้นยิ่งไปกว่าเดิมแหงๆ ...


เคยมีหมอดู ดูเอาไว้ว่า เด็กที่รอคอยอยู่ไม่นานหรอก หนึ่งในจำนวนนั้นดูว่า เด็กที่รอคอยตายแบบไม่ธรรมดา ... เอ๊า เป็นไงไม่ธรรมดา ตกบันไดตายเงี้ยเรอะ

"ไม่หรอก... ประมาณว่าเกี่ยวกะเครื่องจักรใหญ่ๆ ผ๊มว่า ตกเครื่องบินตายก้ออาจจะมีส่วน" (แต่มีรุ่นพี่บางคนทายว่า อย่างแก สงสัยโดนเค้าถีบตกเครื่องบินมั้งเลยตายไม่ธรรมดา ...ดู๊!!)


เออไม่แน่ว่ะ อาจจะทายแม่นก้อได้นะ คุณหมอดู!




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2549
4 comments
Last Update : 21 ตุลาคม 2549 3:04:21 น.
Counter : 923 Pageviews.

 

เอ๊ะ อ้อนอ่านอาสุกะกะบลูซอนเนทละป่าว
ถ้าอ่าน คลิกโลด ถ้าไม่ ช่างมันเหอะ 555
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pookpui&month=10-2006&group=7&date=25&blog=2

 

โดย: =p o o k p u i= 26 ตุลาคม 2549 10:12:21 น.  

 

โฮ่ กว่าจะจบ ลุ้นซ้า~

 

โดย: เซียวฯ IP: 203.154.145.10 26 ตุลาคม 2549 20:58:56 น.  

 

โหย อ้อน แฟ้มบุคคลปรบมือให้เลย คนทำงานสาขานี้อึดกันมากๆ อ่านแล้วโคตรเสียว โดยเฉพาะตอนหลุมอากาศนั่น

 

โดย: วีวี่ IP: 58.147.104.229 29 ตุลาคม 2549 0:13:13 น.  

 

ขำก็ขำ

น่ากลัวก็น่ากลัว

เอ่ออออออ

 

โดย: la-la-bell 29 ตุลาคม 2549 19:27:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เด็กที่รอคอย
Location :
กรุงเทพ Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




จะเป็นกรวดหรือเพชร ถ้าไปนึกรักมันเข้าแล้วหายไปเมื่อไรก็เสียดาย ยิ่งรักมากก็ยิ่งเสียดายมาก บางคนถึงกับเสียคนไปก็มี


"ถ้าเราไม่อยากทุกข์มากไม่อยากเสียคน ก็อย่าไปรักอะไรให้มากนัก ถึงจะรักก็ต้องรู้กำพืดว่ามันเป็นเพชร หรือเป็นกรวด"


ถ้ารู้ราคาจริงๆของมันเสียแล้วถึงมันจะหายไป เราก็จะไม่เสียดายมากนัก

(จาก "สี่แผ่นดิน" โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช)

สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539
ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง
ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ
ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add เด็กที่รอคอย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.