แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
Group Blog
 
<<
เมษายน 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
29 เมษายน 2549
 
All Blogs
 

เมื่อสมองร้องให้หยุดพัก ร่างจักเดินไปที่ๆใจบอก

บางครั้งทุกสิ่งทุกอย่างที่สมองเราสามารถรับรู้ เข้าใจ และคำนวณได้หมดถึงข้อดีข้อเสีย ความผิดความถูก ความควรความไม่ควร ... ก้อกลับไม่ใช่สิ่งที่ความรู้สึกยอมทำตามไปด้วย


เค้าเรียกว่า สมองสั่ง แต่ใจไม่ยอมฟัง ใช่มั้ยคะ


ด้วยความรู้สึกหม่นหมองในใจมานาน ประกอบกับเด็กที่รอคอยไปงานศพพ่อของเพื่อนมาเมื่อคืนนี้ รับรู้ได้ถึงความรู้สึกสูญเสียดังเช่นที่เมื่อก่อนนี้ตัวเราเองก้อเคยสูญเสีย แม้จะไม่ได้มีคำพูดใดๆปลอบใจให้เพื่อน เพียงแค่มองอยู่ห่างๆ แต่ในใจนั้นรู้ตัวเองดีว่า


ถึงเวลาที่เราจะต้องย้ายกลับเข้าโลกส่วนตัวของตัวเองอีกครั้งเสียแล้ว


เพราะว่าแท้จริงแล้วเด็กที่รอคอยไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย จะว่าขี้ขลาดก้อเอาเถิด... ถามว่าไปงานศพใครแล้วรู้สึกกระทบกระเทือนในจิตใจตัวเองมั้ย ... ก้อต้องตอบว่า ใช่ มันยังรู้สึกได้ถึงวันที่เราสูญเสีย แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ยอมออกมาโลกภายนอกอีกต่อไป


เพียงแค่มันยังเป็นภาพที่ติดตา จึงยังรู้สึกอยู่ในใจ

ในชีวิตนี้ เด็กที่รอคอยมั่นใจว่าผ่านความสูญเสียมาแล้วไม่น้อยหน้าใคร เพราะฉะนั้นในใจก้ออาจจะมีบาดแผลที่ทำให้รู้สึกเย็นชากับสรรพสิ่งในโลกบ้าง เลยอาจทำให้ดูเหมือนไม่แคร์ใครเพราะเราเชื่อในตัวเราว่าเรากระทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าอยากทำ

จะดีหรือไม่ดีบางทีก้อไม่ได้คิด เพราะรู้อยู่ว่าตัวเราเองก้อไม่ใช่คนดีวิเศษวิโสอะไร ที่ทำไปก้อเพราะสัญชาตญาณและความรู้สึกถึงบุญและบาป ได้แต่บอกและเตือนตัวเองว่า อย่ากระทำบาปเพิ่มถ้าหากเป็นไปได้ เพราะที่ได้สร้างไว้ มันก้อมากพอแล้ว

ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นคนแข็งแกร่งใดๆเลย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่าตัวเองแสดงออกว่าตัวเองเป็นคนยังไงจึงทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด (ไม่เกี่ยวกะพี่ปุ๋ยนะ เด็กที่รอคอยรู้ว่าพี่แกรู้ดีอยู่แล้ว ป่านนี้แล้วแกเข้าใจปรุโปร่งเลย ไม่มีเข้าใจผิดแล้ว ก๊ากกกก) ไม่ได้ไประรานใครก่อน แต่ใครมาทำเรา เราจึงตอบกลับไปบ้าง ... แต่ก้อไม่ได้ไปทำชั้นเชิงอะไร คิดยังไงก้อพูดไปอย่างนั้น

หรือไอ้ความเป็นคนตรงไปตรงมาของเรานี่ล่ะมั้งที่ทำให้เดือดร้อนอยู่เสมอ

แต่ก้อเอาเถิด ไม่ว่าใครจะคิดยังไงกับเราว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นเช่นไร ก้อไม่เกี่ยวหรือเป็นที่น่าสนใจกับเด็กที่รอคอยอีกแล้ว


เพราะคงจะกลับมาอยู่ในโลกของตัวเองอีกแล้วล่ะ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


อาบน้ำแต่งตัวเมื่อตอนใกล้เที่ยงวันนี้แล้วก้อโทรฯไปหาไอ้หมอ เพื่อถามทาง ... บางครั้งก้อไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันไม่ทำงานพิเศษเกี่ยวกับการจราจรในประเทศไทยเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะเด็กที่รอคอยเดือดร้อนเรื่องทิศทางทีไร โทรไปหารายนี้มักไม่ค่อยผิดหวัง


มันจำทางเก่ง และมักจะบอกทางถูกเสมอ โทรไปทีไรถ้าเด็กที่รอคอยขึ้นต้นด้วย "ฮัลโหล...ที่รักเรอะคะ?" ล่ะก้อ คุณหมอเค้าจะทราบดีด้วยสัญชาตญาณเลยว่า "...อ่ะ วันนี้จะไปไหนล่ะหล่อน?" แล้วก้อเตรียมตัวฟังและคิดเส้นทางให้ได้เลย โค๊ดลับเฉพาะสองเราค่ะ


วันนี้ก้อเช่นกัน โทรไปถามตอนเที่ยงๆ คุณหมอ ...ผู้ซึ่งจริงๆแล้วอยู่ในแผนกบริหารและการสอนแล้ว ... กำลังนั่งโซ้ย เอ๊ย..! รับประทานมื้อกลางวันอยู่อย่างเมามันส์ เมื่อเจ๊อะกับประโยคเดิมว่า ที่รัก เธอก้อมีอันได้เงยหน้าจากชามข้าวเพื่อมาบอกทางให้เด็กที่รอคอยว่า

"เธอนั่งรถไฟฟ้าไปถึงหัวลำโพงให้ได้ก่อนค่อยไปหาแท๊กซี่เอาข้างหน้าเอาละกัน ไหว้พระซะมั่งก้อดี พระท่านจะได้ช่วยลดความมืดบอดให้ดวงตามั่ง" ... เด็กที่รอคอยจึงเรียนเชิญเธอกลับไปรับประทานต่อ หาไม่ จะลงทุนวิ่งไปถึงนครปฐมแล้วเอาชามข้าวประแทกปากเธอ


การจราจรไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ถึงวัดโดยสวัสดิภาพเอาตอนบ่าย... พูดก้อพูดเถอะ วันไหนเจอคนขับแท๊กซี่ที่คุยดีและขับดีนี่ถือได้ว่าเป็นโชคดีราวกับวันมงคลเลยนะ วันไหนเจอไม่ดีนี่ อื้อหือ ....!! แทบอยากจะซื้อคอนโดที่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดินให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องไปนั่งแท๊กซี่นานๆอีก มันทรมานน่ะ!


วันนี้อากาศร้อนบรมเลยล่ะ เด็กที่รอคอยทาครีมกันแดดมาแล้วยังต้องทาทับอีกรอบเลย สังเกตว่าไม่ค่อยมีคนไทยเข้ามาดูเท่าไหร่(โชคดีชะมัด) ชาวต่างชาติหัวทองยังโอเคนะ ดูมีมารยาทมากกว่าคนเอเซียด้วยกันเสียอีก ข้ามประตูธรณีก้อเป็นด้วย

แต่พอเจอทัวร์คนจีนเข้าไปนี่... แม่โว้ยยยยย!! มันชนเรากระเด็นอย่างมิเกรงใจเลย เดินไปบ๊งเบ๊งกันไปให้ขวั่กแถมงัดกล้องถ่ายรูปมาถ่ายในที่ๆห้ามถ่ายอีก ดีนะที่เด็กที่รอคอยมีอันอยู่ในอารมณ์สงบของโลกส่วนตัว ไม่งั้นคงมีศึกข้ามชาติกันในวัดมั่งล่ะวะ (อ่า ... ยืนยันว่ารักสงบ และไม่ระรานใครค่ะ )




รูปปลากรอบ : วันนี้เด็กที่รอคอยลืมเอากล้องติดไปด้วย น่ามะโห... ถ่ายไว้ในมือถือก้อยังไม่ได้ซื้อสายมาต่อเครื่องเลย เอาไว้ไปเล่นที่ไหนที่มี wireless ค่อยโหลดให้ดูเนอะ?








ได้เดินเล่นคนเดียว ก้อสบายใจดีเหมือนกันนะคะ เอ่อ...แต่ปกติ ก้อเดินคนเดียวเสมออยู่แล้ว ก๊ากกกก แก้ข่าวนิ๊ดส์นึง ... เด็กที่รอคอยเดินเที่ยวแบบนี้คนเดียวเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะมันเดินได้นานดี ไปกะคนที่เค้าไม่ได้อยากไปก้อทรมานกันเปล่าๆ ...

วันนี้ก้อเลยด้อมๆมองๆ ดูเค้าซ่อมแซมงานเขียนภาพผนังวัดอยู่พักใหญ่ๆ แล้วก้อเดินอ่านรามเกียรติ์ตั้งแต่ภาพแรก ไปจนถึงภาพที่เท่าไหร่ก้อไม่รู้ สนุกดีเหมือนกัน ถ้าไปกะคนอื่นคงจะไม่ได้มีโอกาสแบบนี้เพราะมันร้อนแล้วก้อคงไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่





ถามว่าอ่านรู้เรื่องมั้ย ... ก้อ รู้มั่ง ไม่รู้มั่งอ่ะ แต่ตอนอ่านนี่ทำท่าเก๊กว่าอ่านเข้าใจ ตอนเด็กๆนี่ เด็กที่รอคอยไม่เคยได้เรียนนะ เคยแต่ได้ยินเค้าเล่าขานกันมา ก้อจำได้แค่ หนุมาน พระรามพระลักษณ์ นางสีดา ทศกัณฑ์เนี่ยแหละ วันนี้ก้อได้รู้มาว่า เค้าเคยเขียนนามของหนุมาน ว่า หนุมาณ ตามภาษาเก่า และคำไทยหลายๆคำก้อเคยสะกดไม่เหมือนปัจจุบันนี้ ...


ส่วนตัวละครอื่นที่เพิ่มเติมมาวันนี้ก้อมี นางสุวรรณมัจฉา ลิ้นชิวหา สตบุษ อะไรนี่มั้ง... มีอีกสองสามชื่อ แต่ลืมไปละ







เดินไป ยิ้มให้ยักษ์ไป นั่งพักไป ไหว้พระไป ... แล้วก้อนั่งคิดอะไรไปเรื่อย จากที่เคยอยากรู้ว่ามันเป็นมายังไง มันควรจะไปในทิศทางไหน ... ก้อกลับเป็นนั่งทำความเข้าใจในสิ่งที่มันเป็นอยู่ และเริ่มปล่อยวางได้ จะเป็นยังไง ก้อเอาเถิดตามสบาย ... เมื่อก่อนเราอยู่มาได้ บัดนี้เราก้อต้องอยู่ต่อไปได้ ใครดีกับเราจงดีตอบ ใครร้ายกับเรา เลี่ยงได้ก้อเลี่ยงไปอโหสิให้แล้วปล่อยเค้าไปตามเวรตามกรรมของเค้า


อย่าเอาตัวเราเข้าไปเกี่ยวกับบ่วงกรรมของเค้าได้ ก้อจะเป็นการดีที่สุด ต้องหมั่นท่องไว้


ใครจะร้ายเพราะเคยโดนอะไรมาบ้าง และไม่คิดจะดีกับใครอีกเพราะความคิดของเค้าเปลี่ยนไป ก้อเอาเถิด...

เด็กที่รอคอยคงเป็นพวกชอบทำให้ตัวเองเดือดร้อน คงจะไม่มีทางเหมือนเค้าได้ คงจะเรียนรู้ แต่ก้อยังไม่รู้จักที่จะเปลี่ยนตัวเองไปตามโลก เรายังคงยืนยันที่จะเป็นตัวเราอย่างนี้ต่อไป ในวันนี้โลกได้หมุนไปเร็วจนรู้สึกว่า น้ำใจคนเน่าลงไปมาก เราเองไปอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้มา? ในยามที่เราเจ็บปวด เราคงเพียงแค่หยุดอยู่เฉยๆ ให้โลกมันหมุนไปกระมัง


ก้อเสียเปรียบเค้านะ

แต่ก้อคงยินยอมที่จะเสียเปรียบ ... เพราะนี่คือธาตุแท้ของเรา อาจจะเพราะว่าคนบางคนเกิดมาเพื่อเสียเปรียบ บางครั้งที่พบกับเรื่องที่เจ็บปวด ก้อต้องปลอบใจตัวเอง นึกถึงคนอื่นๆที่เค้าอาจจะเจอเรื่องแบบเดียวกับเราแล้วผ่านพ้นมาได้ จากเดิมที่เคยทุกข์ทรมานแสนสาหัส บ้านไม่มีจะอยู่ เงินไม่มีในมือ ข้าวไม่มีจะกิน เพื่อนฝูงคนรู้จักไม่มีเหลือเลยสักคน ... ก้ออยู่มาได้ ถึงแม้จะล้มลุกคลุกคลาน ร้องไห้คร่ำครวญอยู่หลายครั้งหลายหน แต่ก้อไม่เคยจะย่อท้อต่อชีวิตอย่างแท้จริงสักครั้ง บางครั้งอยากโกรธแค้นโลกทั้งโลก ...แต่ก้อคิดเสมอว่า ยังมีความหวังในวันหน้า ถึงแม้วันนี้เศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมาแล้วก้อตาม


แต่วันที่ความสุขจะมาถึง ก้อน่าจะมีอยู่จริง เพราะฉะนั้น จึงไม่เคยคิดทอดทิ้งความหวัง ความทุกข์นี้คงจะอยู่กับเราชั่วขณะหนึ่ง ที่ถึงแม้จะยาวนานอยู่มิใช่น้อย


แต่มันก้อต้องผ่านพ้น ... เพราะโลกยังหมุนอยู่ ตามที่มันควรจะเป็น และ เพราะความหวัง คือสิ่งสุดท้ายสิ่งเดียวที่มนุษย์ทุกคนยังมีแอบเก็บเอาไว้ในมุมมืดของจิตใจ



นี่แหละ ... ที่ๆหัวใจบอกให้ไปในวันนี้ และที่ๆคงจะอาศัยอยู่ไปอีกระยะนึงอย่างไม่มีกำหนด



โลกของเด็กที่รอคอย













 

Create Date : 29 เมษายน 2549
10 comments
Last Update : 29 เมษายน 2549 4:14:36 น.
Counter : 1105 Pageviews.

 

ออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวเองเหรอครับ
ผมเคยเป็นเมื่อหลายปีก่อนนะ
ไปเรียนดำน้ำแล้วบินไปสิมิลันกะกรุ๊ปทัวร์ที่ผมไม่รู้จักใครซักคน

ขอให้ดทรคสบายใจเร็วๆ...จะได้เลี้ยงข้าวเพื่อนๆซะที

 

โดย: เซียวเปียกลี้ 29 เมษายน 2549 15:30:24 น.  

 

 

โดย: Xiaoling 29 เมษายน 2549 15:59:47 น.  

 

อยากเรียนดำน้ำเหมือนกันคุณเซียวฯ แต่ว่าป่านนี้มันขึ้นราคากระฉูดกันแล้วล่ะสิ ตะก่อนมันราวๆ 5 พันเอง เด๋วนี้ เกิน 7 พันหรือเปล่าก้อไม่รู้


เกิดเป็นผู้ชายนี่มันสบายดีนะ เด็กที่รอคอยว่า


สมมติว่าเด็กที่รอคอยจะหายไปไหนใช่มะ ... คงไม่ไปหรอก ต่างจังหวัดอ่ะ เพราะรู้สึกกลัวมากกว่าที่จะไปย้ำต๊อกคนเดียวที่เมืองนอก จริงๆนะ ถ้าหากว่าวันนึงเด็กที่รอคอยบอกว่าจะหลบหายไปเพื่อกู้จิตใจตัวเองล่ะก้อ คงต้องพลิกแผ่นดินหากันหน่อยล่ะ แค่พวก ทะเล หรือภูเขาในเมืองไทย เอาไม่อยู่แน่ๆ ... ไปทีก้อไปนานด้วย กรณีที่ไม่เหลือกำลังใจใดๆทั้งสิ้น


แต่ถ้าหนีไปเพราะไม่มีตังค์เลี้ยงหนมนี่ คิดว่า คงซ่อนตัวอยู่แถวนี้แหละ ฮ่าๆๆ



คุณ xiaoling หวัดดีค่า

 

โดย: เด็กที่รอคอย 30 เมษายน 2549 16:36:51 น.  

 

ฮึมม์ ผมเคยเจอแหม่มสาวมะริกันคนนึงตอนไปดำนำที่สิมิลันนี่แหละครับ

เธอบอกว่าที่ทำงานเธอซึ่งก็คือตึกที่โดนพุ่งชนเมื่อ911นี่แหละเลยตกงาน เธอรอดเพราะวันนั้นไม่ได้เข้าตึกแต่ก็ตกงาน เลยตระเวนไปเที่ยวตั้งกะอียิปต์ ธิเบต เวียตนาม ไทยแลนด์....ฯลฯ

ผมได้แต่ทำตาปริบๆบอกเธอไปว่า
"Oh, I wish I'll lost my job too!"

 

โดย: เซียวเปียกลี้ 1 พฤษภาคม 2549 0:08:05 น.  

 

อ้าว...ธ่อ แหม่มน่าสงสารจัง แต่ก้อยังดีทีที่รอดชีวิตมา นิ? วันที่เกิดเกตุนั่น เด็กที่รอคอยยังอยู่ดีมีสุขอยู่เลย จำได้ว่านั่งแช๊ตอยู่กะเพื่อนหน้าจอคอมฯโดยทีวีอยู่ด้านหลัง


เหมือนในหนังเลย ... คืออยู่ดีๆก้อมีภาพข่าวด่วนตัดเข้ามา แล้วก้อมีเสียงวุ่นวายไปหมด เด็กที่รอคอยก้อหันมามองทีวีด้วยอาการไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอดูแล้วก้อได้แต่อุทาน ... my god..... ! เพราะให้ตายเหอะ ไม่อยากเชื่อเลยนี่มันเรื่องจริงแน่เรอะ?

จากนั้นก้อเริ่มๆนึกว่าเรามีคนรู้จักที่นู่นมั้ย โทรไปหา แล้วก้อนั่งดูทีวีออกข่าวด่วนไปตลอดหลาย ช.ม นึกภาวนาให้มันไม่เป็นอะไรมาก แต่คุณเอ๊ย... นั่นน่ะเป็นครั้งแรกที่เห็นคนโดดตึกลงมาต่อหน้าต่อตาโดยไม่ใช่แค่เป็นหนัง มันคือเหตุการณ์จริงที่ช่วยอะไรเค้าไม่ได้ และเค้าก้อเลือกที่จะโดดเพราะทนความร้อนในตึกไม่ไหว ...... นับว่าครั้งนั้นเป็นการก่อการร้ายที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายเลย ทำให้มีส่วนกระทบกับความหวังและอาชีพของเด็กที่รอคอยด้วยสิ...


ว่าแต่คุณเซียวฯได้ไปดำที่ไหนมามั่งคะ หรือถ้ามีในบล๊อคช่วยชี้ทางให้ทีเด็กที่รอคอยจะแว่บไปอ่าน อยากดำน้ำเป็นมั่งง่ะ

 

โดย: เด็กที่รอคอย 1 พฤษภาคม 2549 12:29:58 น.  

 

ดำน้ำก็เหมือนขับรถแหละครับ
มีอุปกรณ์ครบ ใจกล้าพอ ก็ดำได้แล้ว
แต่อันตรายมาก

ถ้าอยากดำจริงๆ แนะนำให้ไปอาบแดด
ง่า...ไปเรียนตามโรงเรียนสอนที่ดูน่าเชื่อถือน่ะครับ
อย่าไปตามไดวฟ์เซ็นเตอร์เล็กๆ

จุดใหญ่ผมเคยไปดำแล้วพอเอามาอวดได้ก็มี โลซิน(นราธิวาส) สิมิลัน แล้วก็เกาะเต่าน่ะครับ หลังจากนั้นเศรษฐกิจยอบแยบ บวกสารพันมรสุมที่รุมเร้า เลยเหงือกหดอยู่เนี่ยครับ

ว่างๆว่าจะไปดำที่พารากอน การันตีเห็นฉลามแน่นอน

 

โดย: เซียวเปียกลี้ 1 พฤษภาคม 2549 15:27:30 น.  

 

 

โดย: กฟพ IP: 58.8.103.204 2 พฤษภาคม 2549 0:57:36 น.  

 

อาราม มือสั่น โตะใจกับข่าวคราวของคุณอ้อนมากไปหน่อย เลยพิมพ์พลาด คริๆ

มิน่าๆ กลับมาสถิตย์ที่เมืองไทยนี่เอง หุๆ

คริๆ " และแล้วสายลมแห่งชะตากรรมก้อเริ่มพัดพาอีก
ครั้ง "

ขอให้สนุกและมีความสุขมากๆคับ ชัยโย โห่ฮิ้ว

 

โดย: darknight IP: 58.8.103.204 2 พฤษภาคม 2549 1:00:56 น.  

 

เห... คุณอัศวินดำหายไปนานมากเลยกำลังนึกถึงอยู่พอดี ถ้าเป็นไปได้ก้อแวะมาคุยกันบ่อยๆสิคะ นานๆจะเจอทีน่ะหมู่นี้(เอ่อ...ที่จริงเป็นชาติแล้ว ใช่มะ ) มีเพื่อนคุยในบล๊อคนี้ที่พอจะถูกคอเด็กที่รอคอยก้อรู้สึกดีใจนะ เพราะว่าในชีวิตจริงแล้วเราคุยอย่างที่เรารู้สึกกับคนทั่วไปไม่ค่อยได้น่ะ เขาหาว่าเราบ้า(และเราก้อบ้าจริงๆ )

อธิบายยังไงดีล่ะ อันนี้ก้อพูดโดยรวมนะ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เด็กที่รอคอยรู้จักอยู่ก่อนแล้ว หรือใครที่ไม่ค่อยได้รู้จักกันแต่ได้มาพูดคุยแล้วถูกคอในบล๊อค .... คือแพูดไปแล้วก้อจะรู้สึกว่าเราเฟค แต่ก้อแล้วแต่จะคิดนะ

เด็กที่รอคอยคิดว่าเพื่อนฝูงในเน็ตที่เพิ่งได้รู้จักกันก้อต้องมีทั้งดีจริง ดีครึ่งๆ หรือดีไม่แท้ คละๆกันไป ขนาดเพื่อนที่คบกันมานานแต่เด็กยังมีทั้งดีและไม่ดี และถึงแม้เค้าจะไม่ดีนักแต่ในเวลาที่เราเดือดร้อนเค้าก้อมาปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่โดยไม่หวังอะไรก้อมี เพราะงั้นเพื่อนในบล๊อคที่เรารู้สึกดีที่ได้คุยด้วย ก้อจะบอกว่าอยากให้มาคุยกันบ่อยๆ ไม่ว่าใครก้อตาม เพราะมันก้อเหมือนเป็นโลกๆเล็กๆโลกนึงที่จะได้รู้จักเพื่อนเพิ่มขึ้น

ส่วนจะดี หรือไม่ดี เฟครึไม่เฟค เมื่อปิดคอมไปแล้วมันก้อจบกันแค่นั้น (เอาตามความเป้นจริงนะ) แต่ถ้ามีเพื่อนดีๆเพิ่มขึ้นมาอีกด้วยความจริง นั่นก้อถือว่าเป็นกำไรชีวิตไป จะได้เจอกันในชีวิตจริงหรือไม่ ก้อคงอยู่ที่โชคชะตา อาจจะเคยด้วยซ้ำที่เดินชนไหล่กันในชีวิตจริงโดยี่ไม่รู้ว่านี่แหละคือคนที่เราคุยด้วยในเน็ต อันนี้มันก้อเป็นสิ่งที่ อืมม... .... ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีเหมือนกัน แต่คิดว่าคงพอจะมีใครรู้สึกแบบนี้มั่งแหละน่า



เอ้า พูดมาซะยืดยาว ยังไม่ได้ตอบกลับ ... ขอบคุณมากคุณอัศวินดำ ก้อไม่รู้เหมือนกันนะว่าทุกอย่างจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีหรือเปล่า เท่าที่รู้ ก้อโดนพวกรุ่นพี่เขม่นเอา เอ็ดเอาหลายรอบแล้ว ร้สึกเหมือนกันว่าอาจจะโชคไม่ค่อยดี แต่เราก้อจะไม่ถอยล่ะ ถ้าเรียบร้อยดีก้อได้กลับมาอยู่ที่นี่ ได้ปวดหัวกับชาวไทยอีกพักใหญ่ๆ... พูดแล้วก้อรู้สึก ตื่นเต้นปนเซ็งๆเหมือนกันนะ แฮ่ะๆๆ ...


ขนาดเราไม่ฝรั่งจ๋านะเนี่ย... แต่ก้อเหมือนเป็นคนต่างชาติไปแล้ว 80% ก้อลำบากอยู่เหมือนกันในการปรับตัว ใครจะคิดล่ะว่า สายลมแห่งโชคชะตา จะพัดรุนแรงจนชีวิตที่เคยมีเคยเป็นต้องเบี่ยงทิศทางซะขนาดนี้ คิดแล้วก้อ .... เฮ้ออออ.....


ว่าแต่ กฟพ ที่ลงนามแฝงไว้นี่มันย่อมาจากอะไรนะ กลับมาอธิบายทีซิ




คุณเซียว<<< โอ้แหมนี่...ที่อวดๆมานั่นน่ะ ไอ้คุณหมอสหายสนิทของเด็กที่รอคอยก้อไปบ่อยๆนะ อยากจะไปร่วมแจมกับเทบแย่ อีตอนที่สึนามิมาน่ะ คุณหมอเธอได้ไปช่วยดำน้ำเก็บซากขยะใต้ทะเลตามเกาะต่างๆที่โดนคลื่นซัดเอา พวกเกาะ9 อะไรเนี่ยอ่ะค่ะที่เค้าว่าเสียหายมากๆ อยากจะไปใจจะขาด แต่เรามันดำไม่เป็น ... คอยดูเหอะ จะพยายามเรียนให้จงได้ ว่าแต่ ไม่ทราบมีที่ไหนแนะนำที่มีครูสอนดีๆ ราคาย่อมเยามั้ยคะ


ป.ล. เคยเดินลงไปดูลาดเลาแล้วล่ะไม่ได้เข้าไป พอเห็นราคาบัตรเข้าชม ก้อเดินขึ้นบันไดเลื่อน แล้วกลับบ้านไปเช่า Jaws มาดูแทน...แหม ดูไอ้หลามที่พาราก้อนทีนึง ค่าตั๋วมันข้าวกินได้หลายมื้อง่ะ เค้าสู้มะไหว

 

โดย: เด็กที่รอคอย 5 พฤษภาคม 2549 14:32:43 น.  

 

ครูที่สอนผมแล้วผมรู้สึกว่าแกต้องมีเหงือกซ่อนไว้ที่ไหนซักแห่งน่ะ เค้าเลิกสอนไปแล้วครับ
แกเป็นพวกซื่อๆที่รักการดำน้ำจริงๆ พอเจอพวกที่เห็นการดำน้ำเป็นธุรกิจ+บรรดาครูที่คิดแต่จะหลอกฟันสาวๆ แกเลยเลิกครับ

แต่ผมบอกได้เลยครับว่าเอาแค่เรียนให้ดำเป็นน่ะ ไม่ยากหรอกครับ ที่ไหนก็สอนได้ ที่สำคัญคือ ต้องดูว่าเค้าจะโกงเรามั๊ย และเค้าแคร์ความปลอดภัยของเราแค่ไหนครับ

 

โดย: เซียวเปียกลี้ 6 พฤษภาคม 2549 12:14:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เด็กที่รอคอย
Location :
กรุงเทพ Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




จะเป็นกรวดหรือเพชร ถ้าไปนึกรักมันเข้าแล้วหายไปเมื่อไรก็เสียดาย ยิ่งรักมากก็ยิ่งเสียดายมาก บางคนถึงกับเสียคนไปก็มี


"ถ้าเราไม่อยากทุกข์มากไม่อยากเสียคน ก็อย่าไปรักอะไรให้มากนัก ถึงจะรักก็ต้องรู้กำพืดว่ามันเป็นเพชร หรือเป็นกรวด"


ถ้ารู้ราคาจริงๆของมันเสียแล้วถึงมันจะหายไป เราก็จะไม่เสียดายมากนัก

(จาก "สี่แผ่นดิน" โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช)

สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539
ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง
ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ
ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add เด็กที่รอคอย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.