มิวเซียมสยามชูของดีเมืองสุพรรณ “ขุนช้างขุนแผน”ปลุกตัวละครเก่า เล่าบทเรียนชีวิตสู่คนรุ่นใหม่
มิวเซียมสยามร่วมกับ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุพรรณบุรี จัดกิจกรรม Museum Family ตอนของดีเมืองสุพรรณ ภาค 1 เปิดเวทีเสวนา “อดีต ปัจจุบันอนาคตของวรรณคดีขุนช้างขุนแผน” ชวนผู้กำกับคอลัมนิสต์ร่วมตีความตัวละครเก่าสะท้อนต้นทุนทางวัฒนธรรมประจำถิ่นสู่การสร้างบทเรียนทางความคิดพร้อมสะท้อนการดำเนินชีวิตสู่คนรุ่นใหม่


ดร.ศุภกร ปุญญฤทธิ์ที่ปรึกษา มิวเซียมสยามเปิดเผยว่า การจัดกิจกรรม MuseumFamily ตอน ของดีเมืองสุพรรณ ภาค 1เป็นการสร้างการทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เพื่อช่วยกันออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนให้เหมาะสมและตรงความต้องการของคนรุ่นใหม่ซึ่งวรรณคดีขุนช้างขุนแผนถือเป็นของดีประจำจังหวัดสุพรรณบุรี เพราะในเนื้อหาแฝงไว้ด้วยคติสอนใจที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ทุกยุคสมัยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน และประชาชนในพื้นที่ได้เห็นถึงความสำคัญมรดกพื้นบ้านของตนเองเรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจากกิจกรรมที่สนุกสนานแต่แฝงด้วยความรู้เกิดความภาคภูมิใจ และแรงบันดาลใจในการสืบสานศิลปวัฒนธรรมให้คงอยู่ โดยหยิบยกประเด็นด้านวรรณกรรม เพลงพื้นบ้านเพลงลูกทุ่ง ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งมานำเสนอ ผ่านการสาธิต การแสดงและการเสวนาในประเด็นต่างๆ

การเสวนาในหัวข้อ
“อดีต ปัจจุบันอนาคตของวรรณคดีขุนช้างขุนแผน” ได้รับเกียรติจาก

นายนิวัติกองเพียรคอลัมนิสต์ชื่อดัง และ นายประดิษฐ ปราสาททอง เจ้าของรางวัลศิลปินศิลปาธรปี2547 ร่วมตีแผ่วรรณคดีในมุมมองที่แปลกใหม่ อาทิ เรื่องราวฉากรักของตัวละครและพฤติกรรมชวนคิดของตัวละครที่สะท้อนถึงทัศตคติของคนรุ่นเก่า

นายนิวัติ กองเพียรคอลัมนิสต์ผู้ประพันธ์หนังสือฉากรักในวรรณกรรม อธิบายว่าเนื้อหาในเรื่องขุนช้างขุนแผนที่คนจดจำได้มากที่สุดคือความเจ้าชู้และมีเสน่ห์ของขุนแผน ซึ่งหากตีความและคิดตามอย่างลึกซึ้ง จะเห็นคำสอนเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตที่สอดแทรกอยู่ในราวอันดุเด็ดเผ็ดมันทั้งเรื่องการครองตนให้อยู่ในศีลธรรม การทำความดีละเว้นความชั่วรวมถึงการดูแลซึ่งกันและกันของคนในครอบครัว

“วิธีสอนเด็กของคนโบราณจะสร้างเป็นนิทานแล้วเล่าให้ฟังอย่างเพลงกล่อมลูกหรือบทเสภา โดยจะเขียนขึ้นด้วยภาษาที่งดงามและสื่อความหมายถึงสิ่งที่ต้องการจะสอน ซึ่งนิทานหรือวรรณคดีต่างๆได้สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติ วิถีชีวิต เศรษฐกิจ สังคมและประวัติศาสตร์ของคนในแต่ละยุคสมัยเรื่องเล่าอันงดงามเหล่านี้จึงเป็นมรดกตกทอดอันล้ำค่าที่คนรุ่นใหม่จะใช้เรียนรู้รากเหง้าของตนเองและยังเป็นต้นทุนทางความคิดซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป”


ด้าน นายประดิษฐ ประสาททองศิลปินศิลปาธรปี 2547 กล่าวว่าคนไทยควรอ่านวรรณคดีไทยด้วยความสนุกสนานและตีความแตกประเด็น โดยการตั้งคำถามเปรียบเทียบเหตุการณ์กับยุคสมัยปัจจุบันเช่น ตัวละครตัวหนึ่งพูดโกหกเพื่อให้มารดาที่กระทำผิดมีชีวิตรอดในมุมหนึ่งอาจมองว่าเป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นถึงความกตัญญูแต่ในอีกมุมหนึ่งคือการปกป้องคนผิดให้พ้นจากบทลงโทษการตีความต่อยอดเหล่านี้จะช่วยให้เกิดประโยชน์ในเชิงสติปัญญา วิธีคิด มุมมองทัศนคติ จริยธรรม และการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขของคนในสังคมท่ามกลางความหลากหลายทางความคิด

“คนรุ่นใหม่ต้องสามารถนำมรดกทางวัฒนธรรมที่ตกทอดมาจากอดีตกลับมารับใช้สังคมปัจจุบันได้ เพราะภายใต้เรื่องราวและเหตุการณ์เดียวกันอาจมีประโยชน์แตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย แต่ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความคิดทัศนคติและวิถีชีวิตของคนในสังคมยุคนั้นๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวรรณคดีขุนช้างขุนแผนจึงไม่ต่างจากบทเรียนที่สร้างจากเหตุการณ์จริงซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือชี้นำการดำเนินชีวิตให้ไปสู่หนทางที่มีความสุขได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต”นายประดิษฐกล่าวปิดท้าย.




Create Date : 20 กันยายน 2558
Last Update : 20 กันยายน 2558 20:05:40 น.
Counter : 1082 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ควายน้อยดีใจได้ไปโรงเรียน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ฉันเขียนภาษาไทย
กันยายน 2558

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog