Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
6 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 





แถม แถม



โปสเตอร์อีกแบบของหนังเรื่องนี้ครับ เอามาจากปกสมุดดีดนี่แหล่ะ เอามาให้ดูกันชัดๆ



ส่วนรูปนี้ได้จากโปสการ์ดที่จัดทำโดยมูลนิธิหนังไทยครับ(ซื้อมาในงานเดียวกันนั่นแหล่ะ...วันหลังค่อยเอาโปสการ์ดชุดนี้มาแปะหากินอีกที อิอิ) เค้าเขียนบอกว่าเป็นโปสเตอร์ แต่ผมดูแล้วยังกะปกหนังสือนิยายหรือบทหนังมากกว่า...
ว่าแต่ว่า...นาย ต.เง๊กช้วนนี่มันใครหว่า



อันนี้เป็นรูปโปสเตอร์หนังเรื่อง 'โชคสองชั้น' ที่ถูกทำเป็นหนึ่งในแสตมป์ชุด '100 ปีภาพยนตร์ในประเทศไทย' ครับ จิ๊กเค้ามาให้ดูกันเล่นๆ




เฮ้อ...จบแหล่ว รู้ตัวอีกทีก็ โอ้โห...พิมพ์มาทำไมซะยืดยาว -_-" ก็ถือซะว่าดูกันเล่นๆ อ่านกันเล่นๆ ก็แล้วกันนะครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมานะที่นี่นะครับ...ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่แวะมานะครับ


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล มูลนิธิหนังไทย,คอลัมน์ 'รู้ไปโม้ด' โดย น้าชาติ ประชาชื่น, 'หนังสือกำเนิดหนังไทย' โดย โดม สุขวงศ์ และเวปหมีน้อยออนไลน์ ครับ ข้าน้อยขอกราบงามๆ 1 ที






อ้อ..เกือบลืม สำหรับผู้ที่คิดจะกัด จะแซว (โดยเฉพาะขาประจำ--มีเหรอ?) ขอยืนยันไว้ก่อนตรงนี้ว่าเจ้าของบล็อคยังไม่แก่เฟ้ย...ครับ ขอบคุณกั๊บ อิอิ


























มารู้จัก 'โชคสองชั้น' หนังไทยเรื่องแรกของสยามประเทศ ที่สร้างโดยฝีมือคนไทยล้วนๆ ผ่านสมุดดีดกันครับ...

วันนี้มาพาเพื่อนๆ ย้อนอดีตกันอีกแล้วครับท่าน มาชวนไปดูหนังไทยเรื่องแรกที่สร้างและแสดงโดยฝีมือคนไทยล้วนๆ กันครับ

วันก่อนไปค้นๆ กล่องสมบัติกล่องเดิมดูเล่นๆ เผื่อได้อะไรมาอัพบล็อค ก็ไปเจอเจ้าสมุดดีดเล่มต้นเหตุนี้เข้า เห็นว่าน่าสนใจดี เลยคิดว่าเอามาฝากเพื่อนๆ ดูกันเล่นๆ ดีกว่า เผื่อยังไม่เคยเห็นกัน...



ถ้าจำไม่ผิดผมซื้อเจ้าสมุดดีดเล่มเล็กๆ เล่มนี้จากบูธในงานเทศกาล '100 ปี ภาพยนตร์ในประเทศไทย' เมื่อปี 2540 (วู้ววว...เกือบสิบปีแล้วเร๊อะเนี่ย)

เจ้าสมุดดีดเล่มนี้จัดทำโดย 'มูลนิธิหนังไทย' เป็นการภาพจากส่วนหนึ่งของหนังไทย ที่สร้างโดยฝีมือคนไทยล้วนๆ ที่มีเรื่องราว และออกฉายในเชิงพาณิชย์ (ก็เก็บสตางค์นั่นแหล่ะ) เรื่องแรกของคนไทย เรื่อง 'โชคสองชั้น' ครับ

แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมเลยหาข้อมูลประวัติความเป็นมาของหนังไทยมาฝากซักเล็กน้อยก่อนครับ อ่านกันเล่นหนุกๆ สำหรับคนที่ยังไม่ทราบครับ (ใครรู้แล้วหรือขี้เกียจอ่าน ก็ข้ามๆ ไปละกันเน้อ)




ประวัติความเป็นมาของภาพยนตร์ในประเทศไทย


หนังเรื่อง 'โชคสองชั้น' นี้จะนับเป็นหนังเรื่องแรกที่สร้างและแสดงโดยฝีมือคนไทยล้วนๆ ครับ แต่หนังไทยเรื่องแรกเลย ที่จริงแล้วคือเรื่อง 'นางสาวสุวรรณ' ซึ่งสร้างโดยฝรั่งชื่อ 'อเล็กซานเดอร์ แม็กเร' นักสร้างหนังชาวอเมริกันจากฮอลลีวู้ดครับ ออกฉายครั้งแรกในประเทศสยาม เมื่อปี พ.ศ.2466 สมัยรัชกาลที่ 6 (ตอนนั้นน่าจะยังเป็นประเทศสยามอยู่นะ ยังไม่เป็นประเทศไทย)

หนังเรื่อง 'นางสาวสุวรรณ' เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักของหนุ่มสาวในสมัยนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นสภาพชีวิตความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนสภาพบ้านเมือง วัดวาอาราม สถานที่ท่องเที่ยวชายทะเล ทรัพยากรป่าไม้ในภาคเหนืออีกด้วย

และต่อมา พ.ศ. 2468 ก็มีอีกเรื่องเป็นฝีมือฝาหรั่งอีกเช่นกัน ได้มีคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ดอีกคณะหนึ่งเดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยเรื่อง 'ช้าง' อันนี้เค้าไม่ไม่ได้เล่าเนื้อเรื่อง แต่ผมก็เดาๆ ด้วยความฉลาดว่าเรื่องก็คงเกี่ยวกับช้างน่ะแหล่ะ แหะ แหะ

และแล้วก็มาถึงคราวคนไทยบ้าง ในรัชกาลที่ 7 สภาวะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มตกต่ำ เงินในท้องพระคลังเหลือน้อยลงทุกที ก็ได้มีการพยายามแก้ปัญหาโดยให้ข้าราชการออกจากงานเป็นจำนวนมาก ได้มีคนไทยกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นอดีตข้าราชการโดนไล่ออก กำลังเตรียมการจะสร้างหนังเรื่องที่สร้าง และแสดงโดยฝีมือคนไทยขึ้นเองเป็นครั้งแรก ในนาม 'บริษัทถ่ายภาพยนตร์ไทย' โดยมี หลวงสุนทรอัศวราช (จำรัส สรวิสูตร) เป็นหัวหน้าคณะ ประกอบด้วยเพื่อนร่วมงาน คือ พันโทหลวงสารานุประพันธ์ (ขาว ปาจิณพยัคฆ์) พระอภิรักษ์ราชฤทธิ์ (อำนวย โรจนานนท์) นายพลพันหุ้มแพร (ไกลวัลย์ จันทนบุพผา) โดยกลุ่มคนทั้งหมดนี้ประกาศจะสร้างหนังเรื่องแรกที่เป็นฝีมือของคนไทยเรื่องแรกออกมา

แต่แล้ว 'บริษัทถ่ายภาพยนตร์ไทย' ก็ถูกตัดหน้าซะก่อน (เสียฟอร์ม) โดยผู้สร้างหนังอีกรายหนึ่ง คือ กลุ่มพี่น้องสกุลวสุวัต กับพรรคพวกในคณะหนังสือพิมพ์สยามราษฎร์และศรีกรุง ได้จัดตั้งเป็นคณะสร้างหนังเรื่องแสดงขึ้นบ้าง ในนาม 'กรุงเทพภาพยนตร์บริษัท' โดยประกาศสร้างหนังเรื่อง 'โชคสองชั้น' และสามารถสร้างสำเร็จนำออกฉายได้ก่อนบริษัทแรก เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2470 ณ โรงภาพยนตร์พัฒนากร

'โชคสองชั้น' ได้การยอมรับให้เป็นภาพยนตร์ประเภทดำเนินเรื่องเพื่อการค้าเรื่องแรกที่สร้างโดยคนไทยทั้งหมด โดย นายมานิต วสุวัต เป็นผู้อำนวยการสร้างและผู้ประดิษฐ์ศิลป์ (คงประมาณกำกับศิลป์ตอนนี้ละเน๊าะ แหม..เรียกซะเพราะเชียว..ผู้ประดิษฐ์ศิลป์) หลวงบุณยมานพพานิช (นักประพันธ์ผู้มีนามปากกาว่า 'แสงทอง' นักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียงในยุคนั้น) ทำหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ หลวงกลการเจนจิต ทำหน้าที่ถ่ายภาพ นายกระเศียร รับหน้าที่ตัดต่อ และ หลวงอนุรักษ์รัถการ ข้าราชการแห่งกรมรถไฟหลวง ทำหน้าที่กำกับการแสดง

เหตุที่ 'กรุงเทพภาพยนตร์บริษัท' สามารถสร้างภาพยนตร์ได้สำเร็จก่อน เพราะมีความพร้อมมากกว่า น้องชายของนายมานิตสองคน หลวงกลการเจนจิตกับนายกระเศียร ก็เคยทำงานประจำในกองภาพยนตร์เผยแผ่ข่าวของกรมรถไฟหลวง โดยหลวงกลการเจนจิต ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าช่างถ่ายและภาพยนตร์ และกลุ่มของนายมานิต วสุวัต ได้ทดลองถ่ายทำภาพยนตร์ เชิงข่าวสารคดีมาเรื่อยๆ เช่น ภาพยนตร์บันทึกการแสดงยุทธกีฬาทหารบก ภาพยนตร์สารคดีนำเที่ยวนำชมน้ำตกไทรโยค พอได้มาทำหนังใหญ่ที่มีเรื่องราวจึงสามารถทำได้สำเร็จก่อน (สรุป...เก๋ากว่าว่างั้น)




ภาพยนตร์เรื่อง 'โชคสองชั้น'




'โชคสองชั้น' เป็นหนังเงียบ 35 มิลลิเมตร ขาว-ดำ มีความยาวฟิล์มทั้งหมด 9 ม้วน ออกฉายครั้งแรกเมื่อ วันที่ 30 กรกฎาคม พุทธศักราช 2470 หรือในรัชสมัยรัชกาลที่ 7 ณ โรงภาพยนตร์พัฒนากร

'โชคสองชั้น' ได้การยอมรับให้เป็นภาพยนตร์ไทยที่มีการดำเนินเรื่อง และฉายเพื่อการค้าเรื่องแรก ที่สร้างโดยคนไทยทั้งหมด ซึ่งสร้างโดย 'กรุงเทพภาพยนตร์บริษัท'



ทีมงาน
นายมานิต วสุวัต อำนวยการสร้างและประดิษฐ์ศิลป์ หลวงบุณยมานพพานิช บทภาพยนตร์ หลวงกลการเจนจิต ถ่ายภาพ นายกระเศียร ตัดต่อ หลวงอนุรักษ์รัถการ กำกับการแสดง



นักแสดง


มานพ ประภารักษ์ แสดงเป็น กมล


ม.ล. สุดจิตร์ อิศรางกูร แสดงเป็น วลี


หลวงภรตกรรมโกศล แสดงเป็น วิง


เนื่อเรื่องย่อ
เรื่องราวของ 'โชคสองชั้น' เป็นเรื่องราวของ กมล นายอำเภอหนุ่มที่ได้รับมอบหมายให้มาจับโจรร้ายที่หลบหนีมาซ่อนตัวในกรุงเทพฯ ในระหว่างที่อยู่กรุงเทพฯ กมล ก็ได้มาพักที่บ้านของพระยาคนหนึ่ง และแล้วพระเอกของเราก็ไปพบรักกับ วลี นางเอกสาวที่มีหนุ่มหมายปองอยู่แล้ว และหนุ่มที่ว่านี้ชื่อ วิง และนายวิงนี่เองก็คือก็คือคนร้ายที่พระเอกตามหาอยู่

ต่อมานายวิงรู้ว่ากมลจะมาจับตนจึงวางแผนกำจัดซะ แต่พระเอกของเราก็ไหวทัน (ตามฟอร์ม) จึงต่อสู้กัน ระหว่างนั้นคนร้ายฉุดนางเอกขึ้นรถหนีไป กมลจึงขึ้นรถไล่กวดกัน กระทั่งต่อสู้กันและพระเอกก็ชนะในที่สุด ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรื่อง 'โชคสองชั้น' คือพระเอกได้โชคสองชั้นมันสองเด้งทั้งจับคนร้ายได้และได้พบรักกับนางเอกอีกด้วย...และแล้วเรื่องก็เอวัง จบลงด้วยประการฉะนี้แล



สมุดดีด 'โชคสองชั้น'


ฟิล์มภาพยนตร์ของหนังเรื่อง 'โชคสองชั้น' ได้ปะปนอยู่กับฟิล์มหนังของกรมรถไฟหลวง ซึ่งหอภาพยนตร์แห่งชาติได้ค้นพบ และอนุรักษ์โดยการชำระพิมพ์สำเนาใหม่เอาไว้ได้เพียง 42 ฟุต คิดเป็นภาพนิ่งได้ทั้งหมด 1,319 ภาพ กินเวลาฉายประมาณ 1 นาที แต่ก็เป็น 1 นาที ที่มีคุณค่า เพราะทำให้เห็นถึงศักยภาพการทำหนังไทยในยุคแรกเริ่ม ได้เห็นลีลาการแสดง การตัดต่อ เทคนิคการสร้าง ฯลฯ ของคนในสมัยนั้น

ซึ่งจาก 1,319 ภาพ นั้น มูลนิธิหนังไทยก็ได้คัดมาทำสมุดดีดเล่นนี้ 36 ภาพ เป็นฉากที่ วลี นางเอกของเราโดนนายวิงผู้ร้ายฉุดขึ้นรถ (เหมือนๆ จะโดนจุ๊บด้วย...เลิฟซีนเล็กๆ อิอิ) ส่วน กมล พระเอกของเราก็ยงโย่ยงหยกอยู่บนรถอีกคันตามมาติดๆ

ตอนแรกผมก็คิดไม่ตกว่าจะเอาสมุดดีดเล่มนี้มาให้เพื่อนๆ ดูยังไงดี จะเอารูป 36 รูปมาแปะให้ดูก็ใช่ที่ ไม่ได้อารมณ์สมุดดีด สุดท้ายเลยเอา 36 ภาพมาต่อกันเป็นภาพเคลื่อนไหวซะเลย

เมื่อต่อกันแล้วเลยได้คลิปซึ่งมีความยาวมากกกกกกก ถึงประมาณ 4 วินาที -_-" เพราะฉนั้นอย่ากะพริบตานะครับ เพราะมันจะจบก่อนท่านกะพริบตาเสร็จซะอีก แหะๆ (ล้อเล่นน่ะ...ผมแก้ปัญหาโดยให้มันเล่นวนซะเลย)

ส่วนใครดูแล้วขัดใจ อยากเห็นของจริง ดูเต็มๆ 1 นาที ก็คงต้องไปดูที่หอภาพยนตร์แห่งชาติก็แล้วกันนะครับ...























Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 16 กรกฎาคม 2551 3:54:17 น. 19 comments
Counter : 2254 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่ได้จับมาใส่สมอง(โล่งๆ)ของผมครับ

happy monday ครับผม


โดย: mouse4006 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:21:29 น.  

 
ดีค่ะ ชอบดูอะไรที่เก่าๆ


โดย: Aisha วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:18:52 น.  

 
ของผมหายไปแล้วครับ เป็นสมุดภาพเล่มเล็กๆ เล็กกว่าบัตรโทรศัพท์หน่อย จำได้ว่าไปเที่ยวที่งานอุตสาหกรรมอะไรก็จำไม่ได้ที่แหลมฉบัง ตอนต้นมีนาคม 38เขามีการฉายหนังด้วย เจอเขาวางขายก็เลยซื้อมา


โดย: ฉั่วเป่งใช้ IP: 58.9.138.187 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:08:08 น.  

 
ต้องบอกว่าเก่ามากๆ เลยล่ะค่ะ เห็นภาพข้างบนที่เป็นรูปของสมุดภาพแล้วมันทำให้รู้สึกขลังขึ้นมาทันทีเลยนะค่ะ ของเก่าเก็บแบบนี้ได้เอาออกมาดูแล้วทำให้เราสุขใจได้อย่างประหลาดเหมือนกันนะค่ะ

มีความสุขค่ะคุณกัปตัน


โดย: JewNid วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:37:38 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆคับ น่าสนใจมากๆเลยครับ


โดย: Hematite วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:05:47 น.  

 
คนแก่ชอบร้อนตัว....

ปล.เพลงเพราะจังอ่าพี่กัปตัน ชอบๆ
ถูกใจวัยรุ่นมั๊กๆ


โดย: ขาจร (THE BEGINNING ) วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:02:51 น.  

 
^
^
^
ทำไมเจ้าคนนี้มันเซ้นส์ดีเหลือหลาย

บล็อคที่ไม่เอ่ยถึงเนี่ยไม่ค่อยโผล่มาหรอก พอพาดพึงถึงนิดหน่อยโผล่มาเชียว อย่างว่าของมันแรง อิอิ (ล้อเล่นนะเบลล์สุดสวย)


โดย: captainfakenature วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:19:21 น.  

 
เยี่ยมมากเลยครับ โอกาสหน้าผมจะเข้าให้บ่อยๆ


โดย: สุทิน IP: 203.170.234.5 วันที่: 4 มิถุนายน 2549 เวลา:23:44:06 น.  

 
ยินดีครับคุณสุทิน


โดย: captainfakenature วันที่: 24 กรกฎาคม 2549 เวลา:2:09:55 น.  

 


โดย: เด็กดอนเมือง IP: 124.121.163.114 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:3:39:29 น.  

 
ขอบคุณมาก ๆที่ทำเว็บดีๆให้ได้ดูและมีภาพคลาสสิคสวยๆให้เก็บไว้นะ


โดย: เด็กดอนเมือง IP: 124.121.163.114 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:3:40:41 น.  

 
ขอบคุณที่ได้รับทราบสิ่งดีๆที่บรรพบุรุษเคยทำไว้ ขอบคุณมากคะ


โดย: สุภาวดี สรวิสูตร IP: 58.8.98.170 วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:19:54:18 น.  

 
เรื่องนี้สนุกจัง


โดย: นนนี่ IP: 203.118.105.2 วันที่: 29 ธันวาคม 2550 เวลา:23:25:11 น.  

 
อยากอ่านเรื่องย่อของดรรชนีไฉไลบ้างน่ะดรรชนีไฉไล


โดย: คนหลวมตัวแต่หน้าตาดี IP: 203.113.81.100 วันที่: 21 มกราคม 2551 เวลา:18:36:20 น.  

 
อยากอ่านเรื่องย่อของดรรชนีไฉไลบ้างน่ะดรรชนีไฉไล


โดย: คนหลวมตัวแต่หน้าตาดี IP: 203.113.81.100 วันที่: 21 มกราคม 2551 เวลา:18:37:49 น.  

 
คนหลวมตัวคนที่ 12 ขอบอกว่า


ขอบคุณที่ได้รับทราบสิ่งดีๆที่บรรพบุรุษเคยทำไว้ ขอบคุณมากคะ

โดย: สุภาวดี สรวิสูตร IP: 58.8.98.170 วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:19:54:18 น.
.....................

ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ บรรพบุรุษพี่ก้องต่างหากล่ะ
ใช้นามสกุลของเขา ก็อย่าทำลายเพราะ
ทำความเสื่อมเสีย ชอบทำตัวแย่ ๆ เที่ยว
ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ขี้อิจฉาริษยา ยุแยง
ตะแคงรั่ว ทิ่มแทงคนอื่นลับหลัง หรือกัด
เขาไปทั่ว เพียงเพราะตาร้อนริษยาเขา
Be nice and be kind to others! Keep your mind open and think


โดย: bebe IP: 124.121.245.152 วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:18:24:25 น.  

 
คนที่พิมพ์ความเห็นที่ 16 เป็นใคร??

ส่งเมลล์มาหาผมหน่อยนะ

vancs@hotmail.com

พิมพ์อะไรก็ให้มันดีๆหน่อย

อ่านแล้วไอ้ที่เขียนทั้งหมดนั้นก็คงเป็นสิ่งที่ตัวคุณเองเป็นเช่นกัน ไม่อย่างนั้นก็คงเขียนออกมาได้เยี่ยงงคนเช่นนั้นจริงๆ

ผมอ่านแล้วรู้สงสารคุณมากๆ ที่มีความคิดเช่นนี้ เมื่อครั้งยังเด็กคงเก็บกดหรือขาดความอบอุ่นอะไรสักอย่างเป็นแน่

แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้บ่อยๆแล้วกัน ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเกิดมาเป็นคนประเภทนี้อีก

ยิ่งอ่านแล้วยิ่งสงสาร..

ยังก็แล้วแต่อย่าลืมส่งเมลล์กลับมาหาผมนะครับ อยากรู้จักเป็นการส่วนตัวมากๆ

ถ้าเราได้คุยกัน เจอกัน ก็คงจะดีนะครับ

จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรื่องอื่นๆกันอีกมากมายครับ

รออยู่นะครับ


โดย: man IP: 86.14.137.108 วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:23:40:23 น.  

 
ผมขอบคุณนะครับที่เจ้าของ blog นำเรื่องราวดีๆเช่นนี้มาให้อ่านกันครับ

ผมสนใจเรื่องหนัง ภาพยนตร์อยู่แล้ว ยิ่งได้อ่านก็ยิ่งรู้สึกดีครับ

อ้อ แล้วขอบคุณที่นำเพลงเพราะๆมาลง blog ด้วยนะครับ


โดย: man IP: 86.14.137.108 วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:0:09:56 น.  

 
คห ที่ 17 มีปัญหาอะไรกับ คห ที่ 16 หรือครับ จึงได้โพสต์ตำหนิเขาขนาดนั้น หรือว่าคุณเป็นอย่างที่เขาเขียน ถ้าไม่ใช่เรื่องของตัวคุณก็ไม่น่าใส่-เกือก เร๊ย หรือไม่ก็เป็นตัวของคุณสุภาวดีเอง ที่ถูกเขาว่า (ปลอมเป็นชายเหรอโหน่ง?)
อยากคุยกับผมจริง ๆ โพสต์ลงหน้านี้ได้เลย
แต่ผมคงจะไม่ตอแยอีก เชิญตามสบาย


โดย: โหน่ง - ก้อง IP: 202.28.45.20 วันที่: 31 มกราคม 2553 เวลา:22:50:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

deadromeo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





สวัสดีครับ ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมนะครับ ไม่รู้จะแนะนำตัวเองยังไง เอาเป็นว่าค่อยๆรู้จักกันไปที่ละนิดๆละกันนะครับ--





Google





หาทุกซอกทุกมุมในพันทิปก็มีมั้ง



Friends' blogs
[Add deadromeo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.