พาแอ่วเจียงใหม่ แว้บไปเจียงฮายเจ๊า..กา กา episode2 explose date: 15/JAN/05 วันที่สอง นัดรถตู้มารับตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ง่วงนอนมากๆ เมื่อคืนอากาศหนาว นอนไม่ต้องเปิดแอร์เลย (ฮ่าๆ ไม่เจอผีครับ) จุดหมายแรกของวันนี้คือ บ่อน้ำพุร้อนสันกำแพง ครับ... เมื่อไหร่จะสุกฟ่ะ...หิวว้อย รู้สึกจะเป็นธรรมเนียมแล้ว มาที่นี่ก็ต้องต้มไข่ ไข่เค้าก็ขายเป็นตะกร้าเล็กๆ ตะกร้าละ 20 บาท ก็มีทั้งไข่ไก่ ไข่นกกระทา ตะกร้ามีเชือกผูกไว้ เราก็เอาไม้มีตะขอเกี่ยวตะกร้าลงไปต้มในบ่อน้ำร้อน พวกเราก็แบ่งหน้าที่กันดี มีฝ่ายต้มไข่ไก่ ฝ่ายต้มไข่นกกระทา ฝ่ายปอก และแน่นอนผมอยู่ฝ่ายกิน แต่ดีจัง อากาศหนาวๆ ต้มไข่กินอุ่นๆ อร่อย อิ อิ (แต่นานๆตื่นเช้าๆที่ หิวชะมัด เลยซัดไข่ไปหลายฟอง) โชว์ไข่ซะหน่อย ฟองเล็กๆแค่เนี่ย แต่คลอเรสโตรอลเพียบ แต่ผมก็ยังซัดไปซะเกือบสิบฟอง แหะ แหะ (ก็มันหิวนิ) จากนั้นเราก็มุ่งสู่ วัดร่องขุ่น ที่ อ. ร่องขุ่น จ.เชียงราย วัดนี้เป็นวัดที่บูรณะ ออกแบบ หาและออกทุนสร้างโดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดัง พอจอดรถปุ๊บ ก็ได้ยินเสียง อ.เฉลิมชัย โหวกเหวก ด่าใครก็ไม่รู้ผ่านเครื่องขยายเสียง แฟนผมบอกว่าเป็นเสียงอัดไว้ เพราะตัวแกไม่ค่อยอยู่ แต่ผมฟังไปฟังมาทำไมมันด่าไม่ซ้ำเลยฟ่ะ ปรากฏว่าวันนี้ฟลุ๊ค อ.เฉลิมชัยแกอยู่วุ้ย โบสถ์วัดร่องขุ่น เป็นสีขาวล้วน สวยงามมากๆ การออกแบบดูออกเลยว่าเป็นสไตล์ อ.เฉลิมชัย เป็นอาคารหลังเดียวที่ค่อนข้างเสร็จสมบูรณ์ จากทั้งหมดที่จะมี 9 อาคาร สรุปว่าแกกำลังด่าคนที่มาใช้ห้องน้ำของวัดแล้วไม่รักษาความสะอาด โดยเฉพาะผู้หญิงที่ทิ้งผ้าอนามัยลงโถส้วม ด่าแรงจริงๆ แต่ก็ฮา (อาม่า อาซิ้ม ยืนขำกัน แล้วบอกว่า ไอ้นี่บ้า) มีสาปแช่งด้วย ประมาณใครไม่รักษาความสะอาดขอให้แมร่งเน่าทั้งสองรู (โอ้ว) พระประธานในโบสถ์ เป็นพระประธานเดิมของวัดร่องขุ่น เล่าประวัติเล็กน้อย วัดร่องขุ่น เป็นวัดเก่าแก่ของ อ.ร่องขุ่น บ้านเกิดของ อ.เฉลิมชัย พอมีตังค์แกเลยมาบูรณะต่อเติมสร้างขึ้นใหม่เป็นพุทธบูชา และให้เป็นสมบัติของชาติ แกวางแผนไว้ว่าจะสร้างเป็นอาคาร 9 หลัง 9 สไตล์ (ซึ่งแกออกแบบเองทุกอาคาร) ให้ประมาณเป็นเมืองสวรรค์ ใช้เวลาสร้างเสร็จสมบูรณ์ประมาณ 30 ปี (แกบอกไม่รีบจะเอาให้สวยระดับโลก ถ้าแกตายก่อนเสร็จ แกก็ฝึกลูกศิษย์ไว้รับช่วงต่อแล้ว) ค่าก่อสร้างส่วนใหญ่แกออกเองหมด แต่มีขายของที่ระลึก เป็นผลงานแก เป็นเสื้อยืด ปฏิทิน เอาเงินมาสมทบทุนสร้างด้วย และก็รับบริจาคด้วย แต่ห้ามเกินคนละหมื่นบาท (ได้เลยคร้าบ...รับรองไม่เกินคร้าบ) แกบอกว่าไม่อยากให้ใครบริจาคมากๆ แล้วต้องมาเกรงใจกัน แกปัญญาหาเงินเองได้(โว้ย) แต่วัดสวยดีนะ มีโอกาสก็ลองไปกันดูครับ 'ตุง' ธงของทางเหนือ สัญญลักษณ์ของดอยตุง ออกจากวัดร่องขุ่น เราก็มุ่งสู่เป้าหมายหลักของวันนี้คือ พระตำหนักดอยตุง ซึ่งเป็นพระตำหนักของสมเด็จย่าของพวกเรานั่นเอง พอถึงจุดหมาย พวกเราจึงรู้ว่า ไอ้ไข่ที่กินไปเมื่อเช้านี่ มันไม่ได้ถึงครึ่งท้องเลย จึงลงมติเป็นเอกฉันท์ให้หาอาหารเติมใส่ท้องให้เต็มกันก่อน ที่ดอยตุงนี่มันจะที่กินอยู่สองที่ติดๆกัน ที่นึงจะคล้ายๆ โรงอาหาร คนเยอะๆ และอีกที่จะเป็นดูเป็นร้านอาหารหรูกว่าหน่อย เนื่องจากความเป็นไฮโซฯ ของพวกเราจึงเข้ากินที่ร้านอาหาร อุ อุ...แต่ขอโทษ พ่อแม่พี่น้องครับอาหารแมร่งไม่อร่อยเล้ย โดยเฉพาะ ไอ้เจ้า 'เห็ดฮังการี' ได้โปรดอย่าสั่งเป็นอันขาด ชื่อก็ฟังดูดี (ผมสั่งเองแหล่ะ) แต่รสชาดสุนัขไม่รับทาน (ผมเลยต้องทาน แหะ แหะ) รู้งี้ลดความไฮโซฯ ลงแล้วกินที่โรงอาหารดีฝ่า... หลังจากทนกล้ำกลืน เกี่ยงกันกินแต่ช่วยกันด่า จนอิ่มท้อง ก็ไปซื้อตั๋วชมสถานที่ มันจะแบ่งเป็นสามโซน คือ โซนตัวพระตำหนักฯ โซนสวนพฤกษศาสตร์ โซนพิพิธภัณฑ์ จะเลือกซื้อดูโซนไหนก็ได้ หรือดูทั้งหมดเลยก็ได้ ผมเลือกดูทั้งหมด ตั๋วจะประมาณร้อยกว่าบาท (มั้ง..ลืมแล้ว) แล้วเราก็เดินขึ้นเขาไปดูตัวพระตำหนักฯ เป็นอันดับแรก ด้านหน้าพระตำหนักฯ (ครอปคนออกไปนิด ไม่ผ่านเซ็นเซอร์) (จากตรงนี้ ถ้าผมใช้ราชาศัพท์ผิด หรือข้อมูลผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ) ภายนอกพระตำหนักฯ จัดเป็นสวนสวยงามดี ถ่ายรูปกันได้ตามสบาย แต่ถ้าจะเข้าดูภายในพระตำหนักฯ สามารถเข้าชมได้เป็นรอบ รอบละ 15 นาที พระตำหนักสร้างจากไม้สักทองทั้งหลัง เดินผ่านเข้าไปยังห้องโถง (ห้องโถงนี้เป็นห้องโถงที่เวลามีผู้มาขอเข้าเฝ้า สมเด็จย่ามักจะออกพบที่นี่) เค้าก็ให้นั่งรอ จะมีเจ้าหน้าที่มาบอกให้กราบเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จย่า และเล่าประวัติพระตำหนักฯให้ฟัง (ใครอยากทราบประวัติ ก็ไปหาตามเวปเอาเองเน้อ ผมจำบ่ได้) จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะปล่อยเราเดินชมตามสบาย แต่ห้ามถ่ายรูปภายในเด็ดขาด เราก็ได้แต่ ชะเง้อชะแง้ดูห้องต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะกั้นไม่ให้ผ่าน เนื่องจากพระเทพฯ ยังทรงมาประทับอยู่ โดยรวมจะรักษาสภาพให้เหมือนก่อนสมเด็จย่าสวรรคต (บนโต๊ะอาหารยังมีผ้าครอชติชที่สมเด็จย่าทำค้างไว้วางอยู่เลย) นับว่าตกแต่งสวยดี แต่ผมชอบที่สุดคือ เพดานห้องโถง ที่ประดับเป็นหมู่ดาวตามจักรราศี (เค้าบอกว่าสมเด็จย่าทรงสนพระทัยในดาราศาสตร์มาก) คือถ้าปิดไฟอื่นๆ แล้วเปิดเฉพาะไฟเพดานจะประมาณท้องฟ้าจำลองนั่นแหล่ะ แต่จะเปิดไฟเพดานนี้เฉพาะมีแขกสำคัญๆ มาเข้าเฝ้าเท่านั้น ดอกไม้โปรดของสมเด็จย่า จะพบปลูกไว้ทั่วบริเวณพระตำหนักฯ ถามชื่อมาเหมือนกัน แต่ด้วยความโง่ภาษาอังกฤษ เลยลืมไปด้วยความสมัครใจ ลงจากพระตำหนักฯ เราก็ไปต่อที่โซนสวนพฤกษศาสตร์ มีจัดเป็นสวนแบบต่างๆ มีไม้ดอกไม้ประดับแปลกๆ มากมาย และห้องทดลองขยายพันธุ์พืชด้วย แต่ด้วยหญิงสาวแกงค์นี้เป็นหญิงสาวที่ไม่ค่อยสนใจดอกไม้ใบหญ้าเท่าไหร่ จึงถ่ายๆ รูปแล้ว ไปต่อที่โซนพิพิธภัณฑ์ ในพิพิธภัณฑ์ไฮเทคดี แสงสีเสียงเพียบ มีห้องประวัติสมเด็จย่า พระราชกรณียกิจต่างๆ ของสะสม พระบรมฉายาลักษณ์ ฯลฯ แต่ที่ผมชอบที่สุดคือ มัลติมีเดีย 3 มิติ แสดงประวัติการเข้ามาพัฒนาดอยตุงตั้งแต่จากแหล่งปลูกฝิ่นจนกระทั่งเป็นอย่างในปัจจุบันนี้ เสียดายว่าเค้าห้ามถ่ายรูปอีกเช่นกัน ขวดอะไรไม่รู้ แต่น่าจะเป็นพวกขวดสำหรับเพาะพันธุ์ดอกไม้อะไรซักอย่าง (แหงล่ะ..เพราะมันตั้งอยู่ในโรงเพาะพันธุ์พืช) กว่าจะออกจากดอยตุงได้ก็สี่โมงกว่าๆ โดนคนขับรถตู้เหน็บเล็กน้อย เพราะจุดหมายต่อไปคือข้ามไปฝั่งพม่า ซื้อซีดี ดีวีดี (ผี) ที่ อ.แม่สาย ซึ่งสะพานข้ามแดนจะปิด 6 โมง นั่นหมายถึงคนขับรถตู้ต้องสวมตีนผีขับ ให้พวกเราไปซื้อแผ่นผีให้ทัน โดยไม่มีใครเป็นผีไปซะก่อน... ในที่สุดก็ไปถึงแม่สายประมาณ 5 โมงครึ่ง ก็ต้องรีบวิ่งไปทำเรื่องผ่านแดน ข้ามไปพม่า ข้ามปุ๊บก็เจอแหล่งขายซีดีปั๊บ ตอนแรกผมนึกว่ามันจะมั่วๆ เหมือนจตุจักรบ้านเรา แต่ปรากฏว่าเป็นห้องแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยดี จากนั้นกลุ่มคนโฉดที่ไม่เคยไปคอนเสิร์ตรณรงค์ลิขสิทธิ์ทางปัญญาใดๆ ให้โดนลูกหลงจากเด็กช่างกลตีกัน ก็แยกย้ายกันหาผีเข้าตัว คนอื่นๆ ส่วนใหญ่จะซื้อ ซีดี กับ MP3 แต่ผมเองได้ตั้งใจจะมาซื้อดีวีดีหนังอยู่แล้ว เลยได้ Godfather ภาค 1-3 (Box Set), Collateral และ Bourne Supremacy มาในราคาแผ่นละ 80 บาท ดีอย่างที่เค้ามีเครื่องเปิดให้ลองแผ่นตรงนั้นเลย (ไม่เหมือนซื้อที่กรุงเทพฯ ต้องอาศัยดวงอย่างเดียว) ภาพชัดมากๆ ซับฯแปลดีมากๆ กล่องสวยมากๆ โดยเฉพาะ Godfather ภาค 1-3 (Box Set) คุ้มเกินคุ้ม ได้ผีกันมาเพียบแล้ว (ถ้าตำรวจค้นก็คุกแหงๆ) คราวนี้ก็ตีรถยาว (หลับตลอดทาง) กลับมากินข้าวที่ ร้านเฮือนสถาปนิก ที่เชียงใหม่ ร้านน่ารักดี อาหารก็โอเค ที่จริงผมเองอยากไปกินพวกขันโตก อาหารเหนือมากกว่า แต่ที่เสียงส่วนใหญ่โหวตมาร้านนี้เพราะมีคนบอกมาว่านักร้องหล่อ ไปดูก็ไม่เห็นดีกว่าเราตรงไหน ก็แต่ หล่อ สูง ผมยาว ขาว ตี๋ เด่อ... (อืมม...ดีกว่าทุกอย่างเลยฟ่ะ -_-") เชียร์ส...ก๊า (มือดำๆ อยู่มือเดียวคงไม่ต้องบอกว่าของใคร) ก็สนุกสนานดี เติมแอลกอฮอล์กันเล็กๆ น้อยๆ ด้วยกามิกาเซ่ ปากทั้งกินทั้งเมาท์กันจนอิ่มสบายท้อง ก็กลับโรงแรม ...วันนี้สงสัยเหนื่อยกันมาก ไม่มีใครชวนเล่นไพ่อีก ผมเองพอถึงห้อง อาบน้ำเสร็จก็หลับเป็นตาย เก็บแรงไว้ลุยต่อวันสุดท้าย...   Create Date : 15 มีนาคม 2548 9 comments Last Update : 15 มีนาคม 2548 9:54:30 น. Counter : 845 Pageviews. Share Tweet

งึมๆๆ ข้างล่างสุดนี่น่ากินอ่ะ อิอิ   โดย: prncess 15 มีนาคม 2548 8:57:47 น.

เห็นแล้วอยากปิ๊กบ้านขนาดเลย   โดย: นุทศรี 15 มีนาคม 2548 9:28:48 น.

แหม..คุณ prncess เห็นแอลกอฮอล์เป็นไม่ได้เลยนะครับ : ) คุณศรเมฆาพาแก๊งค์ลูกหมูมาเยี่ยมด้วย ม่วนอ๊กม่วนใจ๋ คุณนุทศรีเป็นสาวเหนือหรือครับ..ดีจังวันหลังไปเยี่ยมบ้าน   โดย: captainfakenature 15 มีนาคม 2548 21:52:03 น.

พี่กัปตัน ทำให้แอร์เห็นวิวของทางเหนือ ได้สวยมาก ๆ เลย มะเคยไป แต่เพราะพี่แอร์แทบเหมือนได้เที่ยวด้วยตัวเองแล้วนะเนี่ย   โดย: nagoyalover 19 มีนาคม 2548 21:33:51 น.

น่าเที่ยวมากเลย ชอบจัง เชียงรายๆๆๆ ชอบหนุ่มเหนือ ชอบบรรยากาศ ชอบทุกอย่างเลยค่า ชอบรูปด้วย   โดย: THE BEGINNING 20 มีนาคม 2548 2:10:53 น.

เนตที่บ้านเพิ่งใช้ได้เก็บกดมาหลายวัน -_-" น้องแอร์วันหลังเดี๋ยวพี่พาไปดูของจริงเล้ย..แต่แอร์ออกตังค์นะ... ...แต่อย่างว่านะบล๊อคพี่ก็ต้องโชว์วิว โชว์ของเป็นหลัก ก็มันไม่อยากโชว์คนอ่ะ ก็เพราะคนมันไม่น่ารักเหมือนคนในบล๊อคน้องแอร์นี่หน่า (มีหยอดเล็กน้อยเผื่อฟลุ๊ค อุ อุ) น้องเบลล์มีความหลังอะไรกับหนุ่มเหนือรึเปล่าน้อ ขอบคุณที่ชอบรูปนะครับ   โดย: captainfakenature 21 มีนาคม 2548 2:47:52 น.

ภาพแรกนั้นน้ำพุร้อน แม่ขะจานค่ะ ทางผ่านไปเชียงรายค่ะ เล่าเรื่องได้ดีค่ะ ชอบอ่าน ยังไม่เคยไปวัดร่องขุ่นเลยค่ะ   โดย: อยู่ไกลบ้าน 27 มีนาคม 2548 20:08:18 น.

โดย: d^ftyพดัเเร IP: 203.113.71.68 23 กันยายน 2549 21:56:22 น.

ดอกเจอราเนี่ยม จ้า สีสวยแดงสด   โดย: แมงป่อง IP: 58.137.46.50 11 กุมภาพันธ์ 2551 15:23:34 น.