มีทั้งให้กำลังนักศึกษา และด่าทอนักศึกษา บ้างก็วิเคราะห์ว่า จับนักศึกษา
แล้วจะเกิดการลุกฮือของนักศึกษาและประชาชนทั่วประเทศ
เหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
ซึ่งในข้อเท็จจริง ได้หาเป็นเช่นนั้นไม่?
เมื่อไม่นานมานี้ นักวิชาการท่านหนึ่งเคยศึกษา
เรื่องขบวนการนักศึกษายุค 14 ตุลา
ด้วยการมองผ่านแว่นโครงสร้างเศรษฐกิจระดับโลก
ได้ค้นพบว่า พลังนักศึกษาจึงไม่ใช่แค่ คนหนุ่มสาว
ที่รับรู้ทฤษฎีตะวันตกและกระหายจะเปลี่ยนแปลงโลกตามตำรา
ขบวนการนักศึกษาเองก็ไม่ได้เป็นอิสระ มีเฉดสีที่มากมายในขบวนการ
ทั้งนักศึกษาที่อิงกับสถาบันกษัตริย์, นักศึกษาแนวเสรีนิยม
ที่ได้รับการสนับสนุนจาก CIA (หน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ)
,กลุ่มจัดตั้งของทหารฝ่ายตรงข้ามจอมพลถนอม-จอมพลประภาส
และกลุ่มนักศึกษาเอียงซ้าย ที่มีการจัดตั้งจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)
ประจักษ์ ก้องกีรติ ผู้เขียนหนังสือ
และแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ:การเมืองวัฒนธรรมของนักศึกษาและปัญญาชนก่อน 14 ตุลา ซึ่งจากการศึกษาค้นคว้าอย่างรอบด้าน เขาจึงสรุปได้ว่า
กรณี 14 ตุลาฯ ยิ่งผู้เขียนศึกษาค้นคว้ามากเท่าไร
ก็ยิ่งพบความซับซ้อนสับสน ลักลั่น ย้อนแย้ง
และอีเหละเขะขะของประวัติศาสตร์ 14 ตุลาฯ มากขึ้น
ภาพของการผสมปนเปของวาทกรรมต่างๆ ที่ขัดกัน
(กษัตริย์นิยม เสรีนิยม ประชาธิปไตยซ้ายเก่า ซ้ายใหม่ ชาตินิยม)
แต่มารวมอยู่ด้วยกันได้ในขบวนการนักศึกษาปัญญาชนในช่วงก่อน 14 ตุลาฯ
ดังนั้น การสรุปง่ายๆว่า 14 ตุลา เป็นการต่อสู้ของพลังนักศึกษาผู้บริสุทธิ์
และมีศรัทธาในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ได้ลุกขึ้นมาขับไล่เผด็จการ
ดูจะหยาบเกินไป และไม่ตอบโจทย์การศึกษาประวัติศาสตร์ในทัศนะใหม่
แม้แต่ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ก็เคยยอมรับว่า ขบวนการนักศึกษา
เมื่อ 40 ปีที่แล้ว มีความแตกต่าง อาจจะแบ่งได้ถึง 5 กระแส
กระแสวรรณกรรม-แสวงหา ได้แก่
กลุ่มนักเขียนที่ได้รับอิทธิพลมาจากวรรณกรรมตะวันตกกระแสหลัก
คือมุ่งหวังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งกระแสกลุ่มอิสระ คือพวกปัญญาชนนักคิด
ที่ชอบอ่านหนังสือปรัชญาการเมืองกระแสเสรีนิยม
คือพวกที่รักเพื่อนพ้องกระแสพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)
ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานคนไทยเชื้อสายจีน
ที่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจากครอบครัว
ดังนั้น ประกายไฟ 14 ตุลาที่ จุดติด
จึงมิใช่แค่ตำรวจจับธีรยุทธ บุญมี กับพวก
หากยังต้องอาศัยเงื่อนไขของสังคม เศรษฐกิจและการเมืองในเวลานั้น
ทำนองเดียวกัน การจับกุม นักศึกษา-นักกิจกรรม
ในวันนี้ สภาพทางสังคม เศรษฐกิจและการเมืองก็แตกต่างจาก 40 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรหยามหมิ่นจิตใจของ
นักอุดมคติหนุ่มสาว ที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย
และความเป็นธรรมเพื่อประชาชนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง
ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อชนชั้นนำกลุ่มใด
ไม่ว่ายุคใดสมัยใด นักอุดมคติ ยังปรากฏตัวให้เห็น
นับแต่ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ล่วงผ่านมาถึง 14 ตุลาคม 2516
และใน พ.ศ.ปัจจุบัน
คนหนุ่มสาวในนาม กลุ่มประชาธิปไตยใหม่
ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย เรามีคนหนุ่มสาวที่เร่าร้อน
รุ่นแล้วรุ่นเล่า ซึ่งยืนหยัดต่อสู้ด้วยความเชื่อมั่น
บนเส้นทางสายประชาธิปไตย/จบ
.................................................................................................................................