|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
มุมมองเรื่อง..กฎหมาย กฎศีลธรรม กฎแห่งกรรม ของอ.สอนกฎหมาย
เตือนใจ เจริญพงษ์ วันนี้มีเรื่องน่าสนใจมาฝากคะ เป็นมุมมองเรื่อง..กฎหมาย กฎศีลธรรม กฎแห่งกรรม ของอ.สอนกฎหมาย คือ ....ดร.กำชัย จงจักรพันธ์ อดีต คณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ................................................................................................. อ่านแล้วคงทำให้คนที่คิดจะทำไม่ดี มีสติ...หวั่นเกรงการกระทำมิดีมิร้ายบ้าง ................................................................................................. ดังนี้ "กฎหมาย คือกฎ กติกาที่กำหนดความประพฤติของคนในสังคม และทำให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข กฎหมาย คือกฎ กติกาที่ทำให้สังคม ประเทศชาติมีความเจริญ เดินหน้าไปอย่างมีประสิทธิภาพ กฎหมาย คือกฎ กติกาที่ทำให้สังคมเกิดความเป็นธรรม ทำให้เกิดความยุติธรรม เพื่อให้ทุกคนเคารพกฎหมาย เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยดี กฎหมายจึงต้องชัดเจนและแน่นอน ให้รู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ และตามธรรมดาถ้ามีใครฝ่าฝืนไม่เชื่อฟังกฎหมาย ก็ต้องรับผิด ก็ต้องถูกลงโทษ คนในสังคมต้องรู้กฎหมาย ................................................................................................. ดังนั้นกฎหมายจึงได้เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร และเผยแพร่ให้รู้กันทั่วไป ประชาชนจึงปฏิเสธว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ .................................................................................................
กฎหมายจึงเป็นกฎกติกาของสังคม แต่เป็นกฎกติกาที่มีมาตรฐานต่ำที่สุด ที่บอกให้รู้ว่าจะทำอะไรก็ได้แต่อย่าให้เลยข้ามมาผิดกฎหมาย กฎหมายจึงเปรียบเหมือนตาข่ายที่ตาไม่ถี่นักที่เอาไว้จับคนที่ทำผิด โดยเหตุที่กฎหมายมีโทษ จึงต้องระมัดระวังให้แน่ใจว่า ผู้นั้นทำผิดกฎหมายจริง ถ้าไม่แน่ใจ หรือมีความสงสัยตามสมควร ............................................................................................... กฎหมายก็ถือหลักว่า ปล่อยคนชั่วสิบคน ดีกว่าลงโทษคนบริสุทธิ์เพียงคนเดียว เบื้องหลังหลักนี้ก็คือ ถ้าเป็นคนชั่ว หลุดคราวนี้ คราวหน้าต้องทำผิดอีกแน่ ก็มีโอกาสที่กฎหมายจะนำตัวมาลงโทษได้ ดีกว่าถ้าพลาดพลั้งไปนำเอาคนบริสุทธิ์มารับโทษ ทั้งที่เขาไม่ได้กระทำความผิด ก็จะสร้างตราบาปและความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง ...............................................................................................
แน่นอนกฎหมาย ไม่สมบูรณ์แบบ 100 % แน่นอนกฎหมายอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้สังคมเราเป็นสังคมที่น่าอยู่อย่างใจนึก แต่อย่างน้อยกฎหมายก็ช่วยทำให้สังคมเรา ไม่กลายเป็นสังคมอนาธิปไตย ................................................................................................ ตัวอย่างในสภาพวิกฤตความแตกแยกทางความคิดความเห็นในปัจจุบัน ในสภาพที่ผู้คนโกรธแค้น เกลียดชังกัน แบ่งฝักแบ่งฝ่าย มุ่งอาฆาตมาดร้ายต่อกัน ... แต่ถ้าเรามีกฎหมายที่ดี และเราเคารพกฎหมาย เราบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค อย่างจริงจัง อย่างเด็ดขาด ... การฆ่ากัน การยิงกัน การเผาบ้านเมือง .. สิ่งเหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้น ประเทศต้องไม่ไร้ขื่อแป เช่นนี้แม้เราจะเห็นต่างกันมากเพียงใด ทะเลาะกันมากเพียงใด เราก็ยังอยู่ในกรอบที่พอรับได้ ................................................................................................ เพราะทุกคนเคารพกฎหมาย กฎศีลธรรม ก็คือกฎ กติกาที่กำหนดความประพฤติของคนในสังคมอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากกฎหมายในสาระสำคัญก็คือ เป็นกฎ กติกา ที่มีความชัดเจน แน่นอน น้อยกว่า ................................................................................................. เส้นแบ่งในการชี้ว่าผิดกฎศีลธรรมแล้วหรือยัง ขึ้นอยู่กับมาตรฐานทางจิตใจของแต่ละคน ยิ่งไปกว่านั้นหากทำผิดกฎศีลธรรมแล้ว สภาพการบังคับ การลงโทษก็ไม่ชัดเจนเหมือนกฎหมาย ................................................................................................ นั่นหมายความว่า การกระทำบางอย่าง สำหรับบางคนบางคนกลุ่มอาจถือว่านี่เป็นการผิดกฎศีลธรรมแล้ว แต่สำหรับบางคนบางกลุ่มอาจเห็นว่า ไม่ผิด ไม่เป็นไร และเมื่อหากถือว่าผิดแล้ว บางคนก็อาจบอกว่า เรื่องเล็กน้อยไม่เป็นไร มองข้าม บางคนอาจติฉิน นินทา บางคนอาจประณาม ไม่คบค้า ไม่ให้ความเคารพ ฯลฯ ................................................................................................ โดยทั่วไปกฎศีลธรรมมีความละเอียดอ่อนกว่ากฎหมาย คือเป็นตาข่าวที่มีตาถี่กว่ากฎหมายนั่นเอง ...............................................................................................
กฎศีลธรรมนี้ หมายความรวมถึง ขนมธรรมเนียม จารีตประเพณี รวมตลอดถึงคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณของวิชาชีพ และหมู่ชนต่าง ๆ แนวปฏิบัติที่ดี การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลและส่วนรวม ด้วย กฎศีลธรรมนี้ เป็นกฎ กติกาที่จะช่วยทำให้สังคมเราน่าอยู่อย่างมาก และถ้าทุกคนปฏิบัติตามกฎศีลธรรมอย่างดี กฎหมายก็แทบไม่มีความจำเป็นเลย เพราะหากคนอยู่ในศีลธรรม มีคุณธรรม จริยธรรม รักษาจรรยาบรรณ ประพฤติดี ประพฤติชอบ ไม่ทำตนในลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน ฯลฯ ก็เท่ากับไม่ทำผิดกฎหมายอย่างแน่นอน เพราะกฎศีลธรรมนี้ เป็นตาข่ายที่ละเอียดกว่ากฎหมายอยู่แล้ว ................................................................................................. พูดง่าย ๆ คนที่ไม่ดี ที่รอดพ้นกฎหมายไปได้ ก็อาจติดกฎศีลธรรม แม้ไม่ต้องติดคุกติดตะรางตามอำนาจของกฎหมาย แต่ผู้กระทำไม่ดี คนชั่ว คนเลว ก็อาจติดคุกในใจของตน รู้สึกเศร้าใจ เสียใจ ละอาจใจ หมดความภาคภูมิใจ กระดากใจ ฯลฯ อยู่บ้าง เพราะตนเองทำผิดกฎศีลธรรม เรียกว่าเป็นไฟในใจ นอกจากนี้ยังอาจถูกสังคม ติฉิน นินทา ประณาม ก่นด่า ................................................................................................
แต่แน่หละ หลายคนก็อาจจะบอกว่า คนไม่ดีจำนวนหนึ่ง ใจเขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรหรอก ประกอบกับสังคมไทย เป็นสังคมที่เคารพคนมีตำแหน่งหน้าที่ ยศถาบรรดาศักดิ์ จะเป็นคนเลวหรือไม่ จะเป็นคนที่ผิดศีลธรรมหรือไม่ ช่างมันฉันไม่แคร์ พร้อมที่จะยกกระเช้าแสดงความยินดี พร้อมที่จะพินอบพิเทา สวัสดี ติดตาม ฯลฯ ยิ่งเป็นการส่งเสริมให้พวกคนไม่ดี ได้ใจ ...............................................................................................
สำหรับการติฉินนินทาโดยชาวบ้าน ก็ไม่กลัว เพราะไม่ได้ยิน คนที่นินทา เขาไม่เคยนินทาให้เข้าหูอยู่แล้ว คนพวกนี้จะทำอย่างไร ก็ต้องแก้ที่ตัวเรา เราทุก ๆ คนประกอบกันขึ้นเป็นสังคม ถ้าเรายืนหยัดยืนยันชื่นชมคนที่กระทำกรรมดี สนับสนุนคนดี ปฏิเสธคนกระทำกรรมเลว ไม่ยกย่องคนเลว ไม่คบหาคนเลว มันก็เป็น Social Sanction ที่อาจทำให้อะไร ๆ ในสังคมดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ................................................................................................
อย่างไรก็ตาม แม้หลายคน บางคน จะรอดพ้นทั้งกฎหมาย ทั้งกฎศีลธรรม แต่คงไม่พ้นกฎแห่งกรรมที่คนแต่ละคนก่อขึ้น หากเราชื่อว่า บุญ บาป มีจริง ดีชั่วมีจริง กรรมดี กรรมชั่ว ของแต่ละคนก็คงจะติดตามบุคคลนั้นไปตลอด ................................................................................................. แต่ถ้าไม่เชื่ออะไรเลย .... ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกันครับ ................................................................................................ อ่านแล้ว...ก็เห็นด้วยจัง อยากให้...เด็ก...เยาวชน...ผู้ใหญ่ เข้าถึงเรื่องนี้จริงๆๆจังๆๆคะ ..................................................................................................
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2554 14:44:18 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1422 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: นักเรียนเก่า IP: 123.242.153.99 วันที่: 11 เมษายน 2554 เวลา:10:59:45 น. |
|
| |
|
justice0009 |
|
|
|
|
จำได้ว่าอาจารย์ที่ตรวจข้อสอบ
ใจดีทุกคน
บางที
กลับมาดูผลการเรียนแล้ว
ยังนึกกับตัวเองว่า
น่าจะตอบให้ดีกว่านี้