คำถาม F1 ส่งท้ายปี 2553
สวัสดีวันสิ้นปี 2553 ค่ะทุกคน...
เผลอแป๊บเดียว คนเขียนเขียนบล็อกมาจนถึงสิ้นปีแล้วหรือนี่? เวลาผ่านไปเร็วจังนะคะ เขียนมาเรื่อยๆ นับถึงตอนนี้เกือบจะ 8 เดือนเต็มอยู่แล้ว ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ทั้งขาประจำและขาจรทุกคนที่เข้ามาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแชร์ความสุขความสนุกให้แก่กันและกันตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มีบ้างที่เราต้องถกเถียงในความเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่สุดท้ายทุกคนก็ยังอยู่ในกรอบของวัตถุประสงค์ "การแชร์ไอเดีย" ถือเป็นสีสันหนึ่งของบล็อกนี้เลยค่ะ
คนเขียนเองก็มีความสุขมากๆ นับตั้งแต่วันแรกที่ได้ลงมือเขียน จากบล็อกหน้าแรกที่มีผู้ชมไม่กี่คน จนตอนนี้จำนวนกดคลิกอ่านเหยียบหลักร้อยเกือบทุกวัน ทำให้เราภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุขให้กับแฟนฟอร์มูล่าวันบ้านเรา เพราะเรารู้ดีว่าในประเทศไทยจะหาข่าวฟอร์มูล่าวันอ่านนั้นยากเต็มทน บางทีอ่านอย่างเดียวอยากคุยต่อแต่ก็ไม่รู้จะหันไปคุยกับใคร ตอนนี้เพื่อนๆ มีพื้นที่ตรงนี้แล้ว ก็ขอให้ทุกคนรักษามิตรภาพความเป็นแฟนฟอร์มูล่าวันต่อไปอย่างที่เคยเป็นมา ซึ่งคนเขียนเองจะพยายามทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดเพื่อทุกคน เป็นของขวัญจากใจของคนเขียนที่อยากมอบให้กับทุกคนไม่เฉพาะแต่วันปีใหม่ แต่อยากมอบให้ในทุกๆ วันเลยค่ะ^^
************************************
เมื่อวานได้คุยกับน้อง fascinator ในเอ็มเอสเอ็นแล้วน้องก็ส่งบทความในเว็บไซต์อีเอสพีเอ็นชิ้นหนึ่งมาให้อ่านและฝากให้เพื่อนๆ ได้อ่านด้วย เป็นการรวบรวมคำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับฟอร์มูล่าวันที่ทางเว็บไซต์ได้รับมาในปี 2010 แล้วคอลัมนิสต์ของเขาก็ไปหาคำตอบมาให้ ลองมาดูกันว่ามีคำถามอะไรกันบ้าง เราเลือกที่น่าสนใจมาให้อ่านกันค่ะ
ถาม: เมื่อปีที่แล้ว เซบาสเตียน เวทเทล ตั้งชื่อรถว่า "เคท" และ "เคท'ส เดอร์ตี้ ซิสเตอร์" (หลังจากทำแชสซีส์แรกพังไปที่ออสเตรเลีย -- คนเขียน) แล้วปีนี้เขาตั้งชื่อรถอีกหรือเปล่า?
ตอบ: ปีนี้เขาตั้งชื่อรถว่า "ลัสเชียส ลิซ" (Luscious Liz -- คนเขียนไม่กล้าแปลค่ะ เปิดดิกชันนารีกันเองนะคะ) ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าไม่ได้มีนัยอะไรทั้งสิ้นและหวังว่ารถคันนี้คงไม่ต้องการมี "น้องสาว" อีก และหลังจากผิดหวังใน 2 สนามแรกที่บาห์เรนและออสเตรเลีย "ลัสเชียส ลิซ" มาทำได้ดีในมาเลเซียเมื่อเวทเทลคว้าชัยชนะแรกของฤดูกาลได้
*ตรงนี้คนเขียนขอเสริมนิดหนึ่งค่ะ อีเอสพีเอ็นไม่ได้เขียนต่อไปว่า "ลัสเชียส ลิซ" ก็ไม่ได้อยู่กับเวทเทลแล้วหลังจากพบความผิดปกติของรถหลังการแข่งขันที่โมนาโค เขาได้แชสซีส์ใหม่โดยให้ชื่อว่า "แรนดี้ แมนดี้" (Randy Mandy -- ไม่ขอแปลเหมือนกันค่ะ) และเป็นคันนี้แหละที่ใช้เรื่อยมาจนคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ ส่วนเจ้า "ลัสเชียส ลิซ" หลังซ่อมแซมแล้วก็กลายเป็นพาหนะให้มาร์ก เว็บเบอร์ หลังนักขับออสซี่พาคันเก่าของตัวเองเหาะตีลังกาจนตกลงมาเสียหาย ที่บาเลนเซีย แต่เวทเทลบอกว่าชื่อ "ลัสเชียส ลิซ" เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะตัวเขาเท่านั้น ถ้ารถไปอยู่กับคนอื่นแล้วก็จะไม่ใช่ชื่อนี้อีกต่อไป
เซบาสเตียน เวทเทล กับแรนดี้ แมนดี้ คว้าแชมป์โลกด้วยกัน
ถาม: เซบาสเตียน เวทเทล ขึ้นนำคะแนนสะสมเพียงครั้งเดียวของฤดูกาลเมื่อจบสนามสนามสุดท้ายและคว้าแชมป์โลกไปครองในที่สุด ในอดีตเคยมีสถานการณ์แบบนี้หรือไม่?
ตอบ: มีแชมป์โลก 2 คนที่เคยเป็นแบบนี้ คนแรกคือจอห์น เซอร์ทีส์ นักขับชาวอังกฤษ ในปี 1964 สนามสุดท้ายของปีนั้นไปแข่งกันที่เม็กซิโก โดยเกรแฮม ฮิลล์ มี 39 คะแนน เซอร์ทีส์ มี 34 คะแนน และจิม คลาร์ก มี 30 คะแนน แข่งกันไปไม่นานรถของฮิลล์มีปัญหาและคลาร์กขึ้นนำการแข่งขันและดูเหมือนว่าเขาน่าจะคว้าแชมป์โลกได้ (เขาชนะมากกว่าฮิลล์และเซอร์ทีส์ด้วย) แต่แล้วก่อนจบการแข่งขันนิดเดียวเขาประสบปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องทำให้อันดับถอยลงไป เซอร์ทีส์ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 แต่นั่นคะแนนยังไม่เพียงพอที่จะแซงฮิลล์ได้ โชคดีที่คนที่อยู่ในอันดับที่ 2 คือลอเรนโซ่ บันดินี่ เพื่อนร่วมทีมเฟอร์รารี่ของเขาเอง บันดินี่เปิดให้เซอร์ทีส์แซงและส่งผลให้เขาเป็นคนแรกและคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์โลกได้ทั้งประเภท 4 ล้อและ 2 ล้อ
อีกคนที่สถานการณ์คล้ายกันคือเจมส์ ฮันท์ นักขับชาวอังกฤษเช่นกันที่ได้แชมป์โลกในปี 1976 ตลอดทั้งปีเขาไม่เคยขึ้นนำในคะแนนสะสมเลย แต่การได้อันดับที่ 3 ในการแข่งขันสนามสุดท้ายท่ามกลางสายฝนที่ญี่ปุ่นก็เพียงพอที่ทำให้เขามีคะแนนแซงหน้านิกี้ เลาด้า 1 คะแนนเมื่อจบการแข่งขัน อันที่จริงทั้งปีนั้นเลาด้านำในคะแนนสะสมมาตลอดก่อนจะประสบอุบัติเหตุร้ายแรงที่นัวร์บวร์กริง ทั้งเซอร์ทีส์ ฮันท์ และเวทเทล ยังเหมือนกันอีกอย่างหนึ่งคือพวกเขาไม่เคยขึ้นนำคะแนนสะสมประเภทนักขับเลยแม้กระทั่งปีก่อนๆ ที่ลงแข่งจนกระทั่งถึงวินาทีที่ได้เป็นแชมป์โลก
ถาม: ใครคือนักขับฟอร์มูล่าวันที่มีอายุงานสั้นที่สุด หน่วยวัดที่ได้ไม่กี่ร้อยหลาเท่านั้น!
ตอบ: เขาคือ มาร์โค อาปิเชลล่า ชาวอิตาเลียน ซึ่งมีโอกาสลงแข่งครั้งเดียวที่อิตาลีในปี 1993 โดยขับให้กับจอร์แดนแทน เธียร์รี่ เบาท์เซน ที่ออกไปเมื่อกลางฤดูกาล เขาควอลิฟายได้อันดับท้ายๆ และเมื่อสตาร์ทออกมาได้ประมาณ 800 เมตร เขาต้องเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไมได้กับอุบัติเหตุที่มี เจเจ เลห์โต้ และรูเบนส์ บาร์ริเคลโล่ เพื่อนร่วมทีมจอร์แดนของตนเองรวมอยู่ด้วย ช่วงล่างรถของอาปิเชลล่าเสียหายทำให้แข่งต่อไม่ได้และเขาก็ไม่มีโอกาสลงสนามอื่นอีก เส้นทางอาชีพนักขับฟอร์มูล่าวันของเขาจึงจบลงภายในเพียงไม่กี่วินาทีนั้น
ถาม: ใครที่เคยลงแข่งแล้วเสียตำแหน่งผู้นำการแข่งขันในรอบสุดท้ายซึ่งที่จริงจะจบด้วยชัยชนะอยู่แล้ว?
ตอบ: ที่จริงคงมีหลายคน แต่คนที่ปวดใจที่สุดเห็นจะเป็นไนเจล แมนเซล ขวัญใจชาวอังกฤษ ในการแข่งขันรายการแคนาเดียน กรังด์ปรีซ์ ปี 1991 เขาแซงริคคาร์โด ปาเตรเซ่ คนได้โพลและเป็นเพื่อนร่วมทีมวิลเลียมส์ของเขาเองได้แล้วดูเหมือนจะนำอย่างสบายๆ จนกระทั่งรอบสุดท้ายเขาได้รับเสียงเชียร์เสียงปรบมือจากแฟนๆ มากมาย แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นขณะเขาเข้าโค้งแฮร์พินและเบาเครื่องเพื่อโบกมือให้ทุกคนอย่างมีความสุข ทำให้รอบเครื่องต่ำเกินไปจนเครื่องดับในทันที (บางข่าวบอกว่าแมนเซลไปโดนสวิตช์การจุดระเบิดของเครื่องขณะโบกมือ หรือบางคนก็บอกว่าระบบอิเล็กทรอนิกส์มีปัญหา จะมีก็แต่ตัวเขากับทีมวิลเลียมส์นั่นแหละที่รู้ความจริง!) เนลสัน ปิเกต์ ของเบเน็ตตองจึงรับส้มหล่นเต็มๆ แซงเข้าเส้นชัยไปก่อนแทน ส่วนแมนเซลหมดกำลังใจเกินกว่าจะทำให้รถสตาร์ทได้ใหม่ และถูกนับเวลาให้จบในอันดับที่ 6
ไนเจล แมนเซล เซ็งชีวิตหลังเครื่องดับก่อนจะเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1
ถาม: แล้วใครล่ะที่ชนะได้ทั้งๆ ที่รอบสุดท้ายยังอยู่ในอันดับที่ 4?
ตอบ: คนโชคดีคนนั้นคือจิม คลาร์ก เขาชนะในรายการเบลเจี้ยน กรังด์ปรีซ์ ที่สปา ในปี 1964 ทั้งที่เริ่มรอบสุดท้ายของการแข่งขันเขายังอยู่ในอันดับที่ 4 ขณะแดน เกอร์นี่ย์ นำอยู่เมื่อเหลือการแข่งขันอีกประมาณหนึ่งส่วนแปดไมล์จะเข้าเส้นชัย แต่เกิดน้ำมันหมดเสียก่อน เกรแฮม ฮิลล์ ที่ตามมากำลังจะได้รับชัยชนะแทน แต่โชคไม่เข้าข้าง ตัวปั๊มเชื้อเพลิงแตก คนที่อยู่อันดับที่ 3 คือบรูซ แม็คลาเรน ได้เลื่อนมาข้างหน้าแทนแต่รถเขากลับน้ำมันหมดทั้งๆ ที่เห็นเส้นชัยอยู่ตรงหน้า สุดท้ายเป็นคลาร์กที่เข้าเส้นชัยไปโดยที่เขาไม่เห็นเลยว่าใครบ้างต้องจอดรถก่อนเขา ทางกรรมการเองก็งงไม่น้อยกับลำดับการเข้าเส้นชัย โบกธงตราหมากรุกไปก็ไม่แน่ใจว่าใครได้ที่ 1 และดราม่ายังไม่หมดแค่นั้น เมื่อคลาร์กขับผ่านเส้นชัยไปได้ครึ่งทางน้ำมันก็หมดเช่นกัน เขาจอดรถใกล้กับเกอร์นี่ย์และลงไปแสดงความเห็นอกเห็นใจ ในตอนนั้นเองที่ทั้ง 2 คนได้ยินจากลำโพงสนามประกาศว่าคลาร์กเป็นผู้ชนะสนามนี้
ยังมีเรื่องสนุกๆ ให้ติดตามกันอีก พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ ค่ะ
*ข้อมูลและภาพจาก espnf1.com/f1
Create Date : 31 ธันวาคม 2553 |
|
4 comments |
Last Update : 31 ธันวาคม 2553 11:24:14 น. |
Counter : 1401 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ อ่านสนุกมาก
กระผมกลับมาจากบ้านนอกแล้ว แต่ก็คงตะลอนๆทัวร์อยู่รอบๆกรุงเทพฯอีกเช่นเคย ฮ่าๆๆ
วันนี้วันส่งท้ายปีเก่า กับปีที่แสนสนุกของ F1
ถือโอกาสนี้ สวัสดีีปีใหม่เพื่อนๆทุกคนอีกครั้ง และขอบคุณ คุณ finishline เจ้าของบ้านผู้แสนขยัน ปีหน้าก็ขอให้เป็นปีที่ดีๆของเพื่อนๆทุกๆคนนะครับ