คงถึงเวลาแยกทาง: รอส บรอว์น & เมอร์เซเดส ก่อนหน้านี้เราได้ยินข่าวเป็นระยะถึงปัญหาการบริหารภายในทีมเมอร์เซเดสจนมีข่าวลือว่ารอส บรอว์น ทีมบอสวัย 58 ปีจะไปจากทีมเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ตอนนี้คงจะถึงเวลาจริงเสียแล้วค่ะ เมื่อเว็บไซต์ของบีบีซีรายงานว่าบรอว์นจะออกจากทีมหลังจบฤดูกาลนี้ แหล่งข่าวใกล้ชิดกับเมอร์เซเดสเปิดเผยกับบีบีซีว่าบรอว์นและทีมจากเยอรมันไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับบทบาทของบรอว์น พูดง่ายๆ ก็คือตำแหน่งทีมบอสของเขาไม่แน่นอนแล้วนั่นเอง เดิมทีนั้นเมื่อฤดูหนาวที่แล้ว เมอร์เซเดสได้เซ็นสัญญาแพดดี้ โลว์ อดีตผู้อำนวยการด้านเทคนิคของแม็คลาเรนเพื่อมาแทนบรอว์นโดยให้มีผลในทันที แต่ต่อมาเมอร์เซเดสเปลี่ยนแผน พวกเขาอยากให้การเปลี่ยนผ่านทีมบอสเป็นไปอย่างนุ่มนวลมากกว่า นิกี้ เลาด้า หนึ่งในทีมผู้บริหารชุดปัจจุบันจึงดึงบรอว์นให้อยู่กับทีมต่อไป โดยดูเหมือนอำนาจการดูแลทีมไม่เต็มมือเหมือนก่อน ซึ่งบรอว์นยืนยันที่จะขออยู่แบบมีอำนาจเต็มต่อไป แต่เมอร์เซเดสไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นแล้ว รอส บรอว์น มีข่าวว่าจะลาจากเมอร์เซเดสสิ้นปีนี้ แฟนๆ อาจจะสงสัยใช่มั้ยคะว่าทำไมเมอร์เซเดสจึงไม่ให้อำนาจเต็มกับบรอว์น เหตุผลก็คือทีมผู้บริหารชุดปัจจุบันของเมอร์เซเดส โดยนอกจากเลาด้าผู้ซึ่งมีตำแหน่งประธานที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร (non-executive chairman) ยังประกอบด้วยกรรมการบริหารอีกสองคน ได้แก่ โตโต้ โวล์ฟ และแพดดี้ โลว์ เชื่อว่าการมีทีมบอสเพียงคนเดียว "ตกเทรนด์" ไปแล้วสำหรับการแข่งขันฟอร์มูล่าวันยุคปัจจุบันที่แสนซับซ้อน โดยเมอร์เซเดสยื่นข้อเสนอให้บรอว์นรับบทบาทอื่นที่ไม่ต้องดูแลงานประจำวันของทีมเหมือนที่เป็นอยู่ เขาไม่รับข้อเสนอนี้และไม่มีทางอื่นนอกจากไปจากทีม ขณะนี้โวล์ฟ กรรมการบริหารดูแลทางด้านธุรกิจ รับผิดชอบหลักในด้านนโยบายและการเงินของทีม นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้อำนวยการด้านมอเตอร์สปอร์ตของเมอร์เซเดสด้วย ในขณะที่โลว์เป็นกรรมการบริหารดูแลทางด้านเทคนิค รับผิดชอบโดยตรงในด้านเทคนิคและการแข่งขัน ซึ่งในสมัยที่บรอว์นยังอยู่กับเฟอร์รารี่โดยร่วมงานกับฌอง ท็อดท์ ประธานเอฟไอเอคนปัจจุบัน เขาก็รับผิดชอบหน้าที่ที่คล้ายคลึงกับโวล์ฟและโลว์ในตอนนี้ สำหรับเมอร์เซเดส ขณะนี้พวกเขายังไม่มีความเห็นใดๆ ออกมา ส่วนอนาคตของบรอว์นนั้นก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ก่อนหน้านี้มีข่าวลือหนาหูว่าเขาจะกลับไปร่วมงานกับฮอนด้าอีกครั้งเมื่อค่ายดังจากญี่ปุ่นจะกลับมาผนึกกำลังกับแม็คลาเรนในปี 2015 แต่แหล่งข่าววงในไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริงเนื่องจากครั้งที่เขาเคยรับตำแหน่งทีมบอสให้กับทีมฟอร์มูล่าวันของฮอนด้านับตั้งแต่ปลายปี 2007-2008 เขาไม่ค่อยพอใจกับการบริหารงานของฮอนด้านัก รวมทั้งการที่ต้องเดินทางไปญี่ปุ่นบ่อยครั้ง หรือกระทั่งข่าวที่จะย้ายไปร่วมทีมแม็คลาเรน แหล่งข่าวก็ยังไม่เชื่อว่าจะเป็นความจริง ในอดีตบรอว์นเป็นกำลังหลักผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของมิชาเอล ชูมัคเกอร์ แชมป์โลก 7 สมัย ตั้งแต่สังกัดทีมเบเน็ตตองจนถึงเฟอร์รารี่ และประสบความสำเร็จอีกครั้งเมื่อกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในการซื้อทีมต่อจากฮอนด้าซึ่งประกาศถอนตัวจากฟอร์มูล่าวันในช่วงปลายปี 2008 เขาส่งทีมลงแข่งขันในฤดูกาล 2009 ภายใต้ชื่อ "บรอว์น จีพี" โดยประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เจนสัน บัตตัน นักขับของทีมคว้าแชมป์โลกประเภทนักขับและบรอว์น จีพี ครองแชมป์โลกประเภททีมผู้สร้างได้ในปีนั้นเอง ก่อนที่ต่อมาบรอว์นและสมาชิกได้ขายหุ้นทั้งหมดให้กับเมอร์เซเดสเพื่อกลับมาเข้าร่วมการแข่งขันอีกครั้ในปี 2010 โดยมีบรอว์นเป็นทีมบอสมาจนถึงปัจจุบัน *ข้อมูลจาก bbc.co.uk ภาพจาก formula1.com   Create Date : 29 ตุลาคม 2556 11 comments Last Update : 29 ตุลาคม 2556 23:43:41 น. Counter : 1939 Pageviews. Share Tweet

มีอีกข่าวหนึ่งมาฝากนะคะ แต่ต้องขอโทษด้วยที่ จขบ. ไม่เชี่ยวชาญเรื่องทางเทคนิค เลยไม่สามารถแปลให้อ่านได้ //www.bbc.co.uk/sport/0/formula1/24659085 //nextgen-auto.com/FIA-checks-Red-Bull-for-bending-floor,68571.html รู้แต่ว่ามาจากข้อสงสัยของผู้เชี่ยวชาญ F1 ของ BBC ที่สงสัยว่ารถเร้ดบูลของเซบาสเตียน เวทเทล จะทำอะไรพิเศษกับฟลอร์หน้าของรถในส่วนที่เรียกว่า tea tray ซึ่งกรรมการด้านเทคนิคลองตรวจสอบแล้วหลังการแข่งขันที่อินเดียก็ไม่พบว่าผิดกฎแต่อย่างใดค่ะ ใครถนัดและสามารถอธิบายได้ก็ขอรบกวนด้วยนะคะ และอีกเรื่องที่จะรบกวนคือลิงค์ดูย้อนหลังสนามอินเดีย รู้สึกว่าจะมีเพื่อนของเราขอไว้ 2-3 ท่านนะคะ -- ขอบคุณล่วงหน้ามากๆ ค่า ^^   โดย: finishline 29 ตุลาคม 2556 23:49:12 น.

//kat.ph/ มีแต่ลิ้งโหลดครับ ส่วนพื้นรถของ Red Bull คร่าว ๆ ทาง Gary Anderson แกสงสัยว่า Red Bull จะใช้วัสดุที่ถ่ายโอนความร้อนได้เร็วแทน ทำให้เวลาพื้นรถเกิดความร้อนมันจะขยายตัวออกมาและรักษาระยะห่างระหว่างพื้นรถกับแทร็คครับ เพราะเวลารถวิ่งยางมันจะร้อนขึ้นทำให้ยางขยายตัวและพื้นรถจะยกตัวสูงขึ้นจากแทร็คทำให้ดาวน์ฟอร์ซเปลี่ยน และที่กรรมการตรวจสอบหลังการแข่งขันหาไม่พบเพราะว่าเจ้าชิ้นส่วนนั้นมันเย็นตัวลงแล้วมันเลยกลายเป็นวัสดุแข็งไม่ยืดหยุ่น ซึ่งไม่ผิดกฎครับ   โดย: Fascinator IP: 124.122.128.26 30 ตุลาคม 2556 0:19:02 น.

ขอบคุณ fas คุงมากค่ะที่ช่วยอธิบาย ^^   โดย: finishline 30 ตุลาคม 2556 1:14:45 น.

ขอบคุณสำหรับข่าวค่ะ ปล.แล้วแฮมแฮม จะเอาไงต่อน๊า   โดย: iam pinuma IP: 118.172.211.120 30 ตุลาคม 2556 8:21:40 น.

โตโต้ โวล์ฟ เห็นแกแถวๆ สนามรายการ DTM ทุกสนามเลยมั้ง   โดย: Dead Man IP: 113.53.23.119 30 ตุลาคม 2556 9:48:03 น.

คนเก่งแบบนี้ อยากว่างแต่ก็คงว่างได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็มีทีมอื่นมาขอให้ไปทำงานให้ แฮมจะไปไหนได้ล่ะทีนี้ Ferrari ก็ไม่น่า Red Bull ก็ยังไม่ใช่ คิดไม่ออกเหมือนกัน   โดย: runtaro IP: 58.8.152.64 30 ตุลาคม 2556 12:48:06 น.

ขอบคุณมากครับ   โดย: ลุ่มน้ำตาปี IP: 118.173.193.6 30 ตุลาคม 2556 14:19:23 น.

แอบเป็นห่วงแฮมเบาๆ แต่เราเชื่อในความสามารถของแฮมนะ ต้องมีที่นั่งกับซัมทีมแหละน่า เรื่องพื้นรถของเรดบูล เราแอบสงสัยต่อว่า มันเกี่ยวข้องกับการทำให้เกียร์บ็อกซ์เจ๊งป่าวคะ เหมือนกับว่ามันร้อนจนพังไรงี้ แหะๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องเทคนิคเท่าไหร่ แล้วทำไมรถของมารคถึงเจ๊งบ่อยกว่าอ่ะคะ เกี่ยวกับการเซ็ตอัพตัวรถที่ต่างกับรถเวทเทลมั้ยคะ(สองคนคงมีสไตล์การขับต่างกัน?)   โดย: แฮมเทล IP: 182.53.243.165 30 ตุลาคม 2556 22:29:25 น.

พื้นรถกับเกียร์บ็อกซ์ไม่เกี่ยวกันครับ แต่ถ้าถามว่ารถน้ามาร์คทำไมถึงพังบ่อยกว่า อืมมมมมม....อันนี้คงเป็นเรื่องดวง + ปัจจัยหลายอย่างในทีมน่ะครับ   โดย: Fascinator IP: 124.122.245.193 31 ตุลาคม 2556 9:41:48 น.

ปัจจัยอะไร อย่ามาใส่ร้ายทีมเรานะ 555   โดย: runtaro IP: 58.8.28.229 31 ตุลาคม 2556 9:49:41 น.

เรื่องทุนและเวลาไงคร้าบ *-*   โดย: Fascinator IP: 58.11.158.207 1 พฤศจิกายน 2556 8:26:53 น.