2015 F1 Testing: Barcelona#1 Day 4
ผลการทดสอบรถก่อนเปิดฤดูกาลครั้งที่ 2 วันที่ 4: อาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ ณ สนามบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน
ไฮไลท์
โรแมง โกรส์ฌอง ในรถโลตัสกับเครื่องเมอร์เซเดส ทำเวลาเร็วที่สุดในการทดสอบวันสุดท้ายที่บาร์เซโลน่ารอบแรก เขาทำเวลาด้วยยางซูเปอร์ซอฟต์แซงหน้าเวลาของนิโค รอสเบิร์ก ที่ใช้ยางมีเดียมไปเพียง 0.254 วินาที โดยรอสเบิร์กหมุนลงบ่อกรวดที่โค้ง 5 ตั้งแต่ชั่วโมงแรกซึ่งคาดว่าเป็นเพราะยางยังไม่ร้อนจึงเกาะถนนได้ไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตาม หัวข้อข่าวใหญ่ของวันเกิดขึ้นในช่วงเช้านั่นเอง หลังเฟอร์นันโด อลอนโซ่ วิ่งได้ไม่กี่รอบ เขาเกิดอุบัติเหตุหลุดโค้ง 3 ไปกระแทกกำแพง ซึ่งแม้ความเสียหายที่ตัวรถมีไม่มาก แต่เขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง โดยต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในแคว้นคาตาลุนย่าอย่างเร่งด่วนทางเฮลิคอปเตอร์ ต่อมาแม็คลาเรนตัดสินใจเลิกการทดสอบต่อในช่วงบ่าย ทำให้จำนวนรอบของทีมตลอดทั้ง 4 วันทำระยะทางได้เพียง 124 รอบ
นอกจากธงแดงจากอุบัติเหตุของอลอนโซ่แล้ว ในช่วงบ่ายยังมีธงแดงอีก 4 ครั้ง คาร์ลอส ซายนซ์ จูเนียร์ นักขับสเปนเกิดอุบัติเหตุที่โค้ง 3 หลังพักกลางวันไม่นานและเขาไม่ได้กลับมาลงสนามอีก ต่อมาไม่นาน รถวิลเลียมส์ของวาลท์เทรี่ บอตทาส มีจังหวะหยุดนิ่งที่โค้ง 4 แต่ก็กลับมาทดสอบต่อได้ ในขณะที่นิโค ฮูลเคนเบิร์ก มีปัญหากับเครื่องยนต์เมอร์เซเดส และรถเซาเบอร์ของเฟลิเป้ นาสเซอร์ ผู้ที่ทำเวลาเร็วเป็นอันดับที่ 4 จอดนิ่งอยู่ที่โค้ง 8 เมื่อเหลือเวลา 10 นาที
ชมภาพการทดสอบจากสนามบาร์เซโลน่าวันที่ 4 ได้ที่นี่ค่ะ
**************************************************
อุบัติเหตุของอลอนโซ่
วันสุดท้ายของการทดสอบรถก่อนเปิดฤดูกาลครั้งที่ 2 เกิดอุบัติเหตุรุนแรงขึ้นเมื่อเฟอร์นันโด อลอนโซ่ หลุดออกนอกแทร็คด้วยความเร็วสูงที่โค้ง 3 ไปกระแทกกำแพงจนเกือบถึงโค้ง 4 โดยปีกหน้าของรถหลุดไปและมีความเสียหายเพิ่มเติมบริเวณล้อหลังขวา ทันทีที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่รุดไปถึงตัวเขาทันที ซึ่งมีรายงานว่าเขายังรู้สึกตัว ต่อมาเขาได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลทั่วไปของแคว้นคาตาลุนย่าโดยเฮลิคอปเตอร์
ต่อมาแม็คลาเรนแจ้งความคืบหน้าอาการของอลอนโซ่หลังตรวจด้วยเครื่อง CT Scan ว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอื่นนอกจากได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และได้ถูกนำตัวเข้าพักรักษาใน ICU ทันทีซึ่งเป็นกระบวนการตามปกติของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุเช่นนี้ ทั้งนี้ เว็บไซต์ motorsport.com รายงานจากคำกล่าวของผู้จัดการส่วนตัวของแชมป์โลกชาวสเปน ซึ่งระบุว่าเขาน่าจะต้องอยู่รอดูอาการเป็นคืนที่ 2
มีข้อมูลเพิ่มเติมจากช่างภาพที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุว่าเขาเห็นหมอเคาะหมวกกันน็อกเรียกอลอนโซ่อยู่ร่วม 10 นาที แต่ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ต่อมาเขาถูกนำตัวออกมานอนพักข้างรถ จนกระทั่งได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยเฮลิคอปเตอร์ขณะที่รู้สึกตัวโดยตลอด
สำหรับสาเหตุที่รถแม็คลาเรนหลุดออกไปกะทันหันจนเป็นเหตุให้อลอนโซ่ประสบอุบัติเหตุนั้น ทีมได้สรุปสาเหตุว่าเป็นเพราะมีลมแรงพัดมากะทันหันในจังหวะที่นักขับสเปนเข้าโค้ง 3 พอดี ทำให้รถเสียการควบคุม ซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกับที่คาร์ลอส ซายนซ์ จูเนียร์ นักขับโตโร รอสโซ พบที่โค้งเดียวกันในช่วงบ่าย นอกจากนั้น แม็คลาเรนยังปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดว่าอลอนโซ่โดนระบบไฟฟ้าในรถช็อต ทั้งนี้ แม้ความเสียหายจากตัวรถดูไม่มากนัก แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งเป็นช่วงครึ่งวันเช้า แม็คลาเรนตัดสินใจยุติการทดสอบรถในช่วงบ่าย แม้เจนสัน บัตตัน มีคิวขับต่อจากอลอนโซ่ในครึ่งวันที่เหลือ ซึ่งเอริก บูลลิเยร์ ทีมบอสให้เหตุผลว่าเพราะจะต้องใช้เวลานานในการตรวจสอบวิเคราะห์เกียร์บ็อกซ์และหน่วยเครื่องยนต์ จึงตัดสินใจยกเลิกการทดสอบในช่วงบ่ายไป
ขณะนี้ทีมยังไม่สามารถยืนยันว่าเขาจะร่วมการทดสอบครั้งสุดท้ายในปลายสัปดาห์นี้ได้หรือไม่ ซึ่งทีมต้องการให้เขาพักฟื้นร่างกายให้เต็มที่มากที่สุด
**************************************************
ส่งท้ายด้วยสถิติรวมจากการทดสอบครั้งที่ 2 ค่ะ
อันดับเวลารวมจากการทดสอบทั้ง 4 วัน 1. โรแมง โกรส์ฌอง (โลตัส) 01.24.067 (111 รอบ) 2. นิโค รอสเบิร์ก (เมอร์เซเดส) 01.24.321 (197 รอบ) 3. พาสเตอร์ มัลโดนาโด (โลตัส) 01.24.348 (173 รอบ) 4. แดเนียล ริกเคียร์โด้ (เร้ดบูล) 01.24.574 (202 รอบ) 5. คิมี่ ไรค์โคเน่น (เฟอร์รารี่) 01.24.584 (164 รอบ) 6. เฟลิเป้ มาสซ่า (วิลเลียมส์) 01.24.672 (143 รอบ) 7. เซอร์จิโอ เปเรซ (ฟอร์ซอินเดีย) 01.24.702 (155 รอบ) 8. แม็กซ์ เวอร์สตัปเพ่น (โตโร รอสโซ) 01.24.739 (223 รอบ) 9. ลูอิส แฮมิลตัน (เมอร์เซเดส) 01.24.923 (201 รอบ) 10. ดาเนียล คัฟยาต (เร้ดบูล) 01.24.941 (216 รอบ) 11. เฟลิเป้ นาสเซอร์ (เซาเบอร์) 01.24.956 (152 รอบ) 12. วาลท์เทรี่ บอตทาส (วิลเลียมส์) 01.25.345 (178 รอบ) 13. คาร์ลอส ซายนซ์ จูเนียร์ (โตโร รอสโซ) 01.25.604 (188 laps) 14. เฟอร์นันโด อลอนโซ่ (แม็คลาเรน) 01.25.961 (79 รอบ) 15. โจเลี่ยน พาลเมอร์ (โลตัส) 01.26.280 (77 รอบ) 16. เซบาสเตียน เวทเทล (เฟอร์รารี่) 01.26.312 (181 รอบ) 17. มาร์คุส เอริกสัน (เซาเบอร์) 01.26.340 (166 รอบ) 18. นิโค ฮูลเคนเบิร์ก (ฟอร์ซอินเดีย) 01.26.591 (36 รอบ) 19. พาสคาล เวร์ไลน์ (เมอร์เซเดส) 01.27.333 (161 รอบ) 20. เจนสัน บัตตัน (แม็คลาเรน) 01.28.182 (45 รอบ) 21. ซูซี่ โวล์ฟ (วิลเลียมส์) 01.28.906 (86 รอบ)
จำนวนรอบรวมที่แต่ละทีมทำได้ 1. เมอร์เซเดส (446 รอบ) 2. เร้ดบูล-เรโนลต์ (418 รอบ) 3. โตโร รอสโซ-เรโนลต์ (411 รอบ) 4. วิลเลียมส์-เมอร์เซเดส (407 รอบ) 5. โลตัส-เมอร์เซเดส (361 รอบ) 6. เฟอร์รารี่ (345 รอบ) 7. เซาเบอร์-เฟอร์รารี่ (318 รอบ) 8. ฟอร์ซอินเดีย-เมอร์เซเดส (223 รอบ) 9. แม็คลาเรน-ฮอนด้า (124 รอบ)
จำนวนรอบรวมที่เครื่องยนต์แต่ละยี่ห้อทำได้ 1. เมอร์เซเดส (1437 รอบ) 2. เรโนลต์ (829 รอบ) 3. เฟอร์รารี่ (663 รอบ) 4. ฮอนด้า (124 รอบ)
หมายเหตุ ฟอร์ซอินเดียใช้รถของปี 2014 ในการทดสอบครั้งนี้
ยังมีการทดสอบก่อนเปิดฤดูกาลครั้งสุดท้าย ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ถึง 1 มีนาคม ที่สนามคาตาลุนย่า ประเทศสเปน อีกครั้ง คราวนี้เราคงจะได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นไปอีกว่าประสิทธิภาพของรถแต่ละคันในปี 2015 เป็นอย่างไร อย่าลืมติดตามกันนะคะ
*ข้อมูลจาก autosport.com / gpupdate.net / motorsport.com ภาพจาก autosport.com
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2558 |
|
5 comments |
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2558 1:06:00 น. |
Counter : 1579 Pageviews. |
|
|
|