สวัสดีครับ
แน่นอนว่าในช่วงปลายปีแบบนี้กองทุนที่ฮอตฮิตที่สุดคงไม่พ้นกองทุนสารพัดประโยชน์อย่าง LTF และ RMF เพราะนอกจากจะเป็นการลงทุนเพื่อให้เงินของเราออกดอกออกผลแล้วยังเป็นตัวช่วยในการประหยัดภาษีอีกด้วยและเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้อ่านได้ใช้สิทธิอย่างเต็มที่วันนี้ผมจึงขอนำเสนอข้อแนะนำในการเลือกซื้อกองทุน LTF และ RMFครับ
สำรวจความพร้อมและระยะเวลาลงทุน
LTF ใช้ระยะเวลาลงทุน5 ปีปฏิทิน เช่น หากเราซื้อ LTF ในปี 2555ก็จะสามารถขายคืนได้ในปี 2559 ส่วน RMF เป็นการลงุทนระยะยาวเพื่อชีวิตหลังเกษียณดังนั้น เมื่อเราเริ่มงทุน RMF เราต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง 5ปี (อนุโลมให้ลงทุนปีเว้นปีได้ แต่เมื่อรวมแล้วต้องมีการลงทุนอย่างน้อย 5 ปี)และจะขายคืนได้เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์แล้วเท่านั้น
อย่าซื้อเกินสิทธิ
เราสามารถซื้อ LTF ได้ไม่เกิน 15%ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท ส่วน RMF ก็เช่นกัน แต่เมื่อนำ RMF ไปรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและประกันชีวิตแบบบำนาญแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งหากเราซื้อเกิน ก็จะไม่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีแถมผลกำไรที่ได้จาก LTF และ RMF นี้ยังต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีอีกด้วย
ทยอยซื้อ
การทยอยซื้อดีกว่าการซื้อในครั้งเดียวในช่วงท้ายปีเพราะเป็นช่วงที่คนซื้อ LTFและ RMF เยอะ มีผลทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้น ทำให้ LTFและ RMF มีต้นทุนสูงขึ้นไปด้วย หรือพูดง่ายๆว่า หากทยอยซื้อเรื่อยๆ มาตั้งแต่ต้นปี ก็จะคุ้มค่ากว่านั่นเองครับ
หักภาษี ณที่จ่าย
หากกองทุน LTF ที่เราเลือกลงทุนมีการปันผลผมขอแนะนำว่าเงินปันผลนั้นให้เลือกหักภาษี ณ ที่จ่าย เพราะจเสียภาษีเพียง 10%และไม่ต้องนำเงินปันผลไปรวมคำนวณเงินได้ แต่ถ้าหากเราไม่หักภาษี ณที่จ่าย ก็ต้องนำไปรวมคำนวณรายได้ ซึ่งหากเรามีฐานภาษีที่สูงกว่า 10% ก็จะทำให้เราต้องเสียภาษีสูงกว่าการหักภาษี ณ ที่จ่ายครับ
Roll Over
สำหรับเงินที่เราใช้ลงทุนในกองทุนLTF เมื่อครบกำหนดตามเงื่อนไข5 ปี ขอแนะนำให้นำเงินก้อนนั้นซื้อ LTF ก้อนต่อไปเลยครับเพราะเป็นเงินก้อนเดิมที่ไม่เสียภาษี ดังนั้น หากเรานำไปลงทุนใน LTF ต่อ ก็จะได้ประโยชน์ทางภาษีถึง 2 ครั้งเลยทีเดียวครับ
และนี่ก็คือคำแนะนำการซื้อ LTF และ RMF ที่นำมาเสนอในวันนี้สิ่งสำคัญคือให้ศึกษาเงื่อนไขของการเสียภาษีให้ดีและอย่าซื้อเกินสิทธินะครับ
ท้ายนี้หากใครมีคำถามเรื่องภาษี สามารถส่งอีเมลมาปรึกษา K-Expert ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้เลยครับที่K-Expert@kasikornbank.com หรือเข้าไปอ่านบทความทางการเงินและใช้เครื่องมือคำนวณออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์www.askKBank.com/K-Expert ส่วนผู้ที่เล่นทวิตเตอร์ ก็สามารถ follow @KBank_Expert เพื่อรับสาระการเงินและการลงทุนได้ทุกวันครับ
Credit: ภาพประกอบจาก fundmanagertalk.com