สวัสดีครับ
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนย่อมอยากให้ลูกได้เรียนสูงๆให้มีความรู้เป็นสมบัติติดตัว เพื่อที่จะได้มีอาชีพการงานที่ดีสามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ แต่การที่ลูกจะได้เรียนตามที่คาดไว้นั้นนอกจากความตั้งใจของลูกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องมีความพร้อมทางการเงินที่จะเป็นแรงผลักดันความตั้งใจของลูกด้วยเช่นกันเพราะมันคงไม่มีประโยชน์อะไร หากลูกสามารถสอบเข้าสถาบันชื่อดังได้ แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่มีกำลังมากพอจะจ่ายค่าเทอมให้เขาได้เล่าเรียนและถึงแม้จะเรียนสถาบันของรัฐบาลที่ค่าเล่าเรียนไม่แพง แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก ทั้งค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่ากิจกรรม และค่าใช้จ่ายอื่นๆซึ่งล้วนแต่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปีตามอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นการวางแผนการเงินเพื่อการศึกษาของลูกจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามและวันนี้ผมก็จะมาแนะนำวิธีออมเงินรูปแบบต่างๆเพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่นำไปเป็นแนวทางในการวางแผนการเงินเพื่อการศึกษาของลูกๆครับ
ก่อนอื่น ผมขอบอกก่อนว่าการเก็บเงินเพื่อการศึกษาของลูกนั้นไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัวขึ้นอยู่กับรายได้และภาระของแต่ละครอบครัวว่ามีกำลังออมมากแค่ไหนหากมีกำลังออมไม่มาก ก็อาจทยอยออมในระยะสั้น เช่น เริ่มออมล่วงหน้า 1 เทอม นั่นคือออมเงินภายในเทอมนี้ เพื่อนำไปจ่ายเป็นค่าเทอมของเทอมหน้า เป็นต้นหรือทยอยออมระยะยาว เช่นออมค่าเทอมสำหรับค่าเทอมชั้นอนุบาลและประถมต้นตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์และในช่วงที่ลูกเข้าเรียนอนุบาล ก็เริ่มออมในส่วนของค่าเทอมประถมปลาย เป็นต้นโดยการคำนวณยอดเงินที่ต้องออมนั้น ต้องไม่ลืมที่จะคำนวณเงินเฟ้อด้วยนะครับ
ทั้งนี้การออมเงินเพื่อการศึกษาของลูกนั้นก็อยู่บนพื้นฐานเดียวกับการออมเงินเพื่อเป้าหมายอื่นๆทั่วไปนั่นแหละครับ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญและมีความตั้งใจมากเป็นพิเศษโดยการออมในส่วนนี้ก็มีรูปแบบให้เลือกกันหลากหลาย ดังนี้ครับ
เงินฝาก
เป็นรูปแบบการออมที่มีสภาพคล่องสูงความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับการออมระยะสั้น คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกเปิดเป็นบัญชีฝากประจำแบบฝากเท่าๆกันทุกเดือน โดยเฉลี่ยค่าเทอมออกเป็นรายงวดเท่าๆ กันแล้วฝากเข้าบัญชีฝากประจำเพื่อเก็บเป็นค่าเทอมให้ลูกในระยะยาวก็ได้ เช่น สมมติว่าตอนนี้ลูกเรียนอยู่ ม.1คุณพ่อคุณแม่สามารถออมเงินเพื่อค่าเทอมของ ม.3 ได้ด้วยบัญชีฝากประจำอายุ 1 ปีและสามารถออมสำหรับค่าเทอมของ ม.4 ไปพร้อมกันได้ด้วยบัญชีฝากประจำอายุ 2 ปีเป็นต้น
พันธบัตรรัฐบาล
เป็นรูปแบบการออมที่ต้องใช้เงินก้อนความเสี่ยงปานกลาง และสภาพคล่องค่อนข้างต่ำเพราะว่าต้องรอให้ครบกำหนดอายุของพันธบัตรจึงจะสามารถถอนเงินได้การออมโดยพันธบัตรจึงเหมาะสำหรับการออมระยะยาวซึ่งหากวางแผนการศึกษาลูกไว้ล่วงหน้า พันธบัตรรัฐบาลก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะดอกเบี้ยที่ได้จะมีอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยบัญชีออมทรัพย์แต่การจ่ายดอกเบี้ยจะจ่ายเป็นงวดทุก 3 หรือ 6 เดือนและจะได้เงินต้นคืนเมื่อครบอายุพันธบัตรครับ
กองทุนรวม
เป็นรูปแบบการออมที่ใช้เงินตั้งต้นไม่มากมีระดับความเสี่ยงตั้งแต่ต่ำถึงสูง ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของกองทุนว่าจัดสรรเงินทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดเช่น หากมีการจัดสรรเงินทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง อย่าง หุ้น ทองและน้ำมัน ในสัดส่วนที่เกิน 50% ก็จะเป็นกองทุนที่ความความเสี่ยงสูงมีโอกาสขาดทุนหรือได้ผลตอบแทนน้อยกว่าที่ตั้งไว้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรต้องทำแบบประเมินความเสี่ยงของตนเองก่อนตัดสินใจเลือกออมในรูปแบบกองทุนทั้งนี้ หากเป็นการออมในระยะสั้น ไม่ควรเสี่ยงลงทุนในกองที่มีความเสี่ยงสูงเพราะอาจทำให้ขาดทุนได้ครับ
ประกันชีวิต
ปกติแล้วกว่าลูกจะเข้าเรียนในระดับปริญญา ก็ต้องใช้เวลากว่า 18 ปี ดังนั้น ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์จึงเป็นตัวเลือกการออมเพื่อการศึกษาของลูกที่น่าสนใจไม่น้อยเพราะประกันแบบสะสมทรัพย์เป็นเสมือนเครื่องมือการออมที่ช่วยให้เราสามารถทยอยออมเงินได้โดยไม่เป็นภาระมากนักเช่น ประกันสะสมทรัพย์แบบ 6/15 ซึ่งเราต้องจ่ายเบี้ย 6 ปี และจะได้เงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทนในอีก15 ปีข้างหน้าเท่ากับว่าคุณพ่อคุณแม่มีเวลาออมเงินเป็นค่าเทอมระดับปริญญาไว้ให้ลูกอย่างแน่นอนนอกจากนี้ การซื้อประกันสะสมทรัพย์ยังมีความคุ้มครองชีวิตให้อีกด้วย และประกันชีวิตสะสมทรัพย์ที่มีระยะความคุ้มครอง10 ปีขึ้นไป ยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ในปีที่จ่ายเบี้ยเรียกได้ว่าได้ประโยชน์ถึง 4 ต่อกันเลยทีเดียว ทั้งเป็นการออมที่ไม่เป็นภาระมากนักเป็นการประกันค่าเทอมของลูกในอนาคต ให้ความคุ้มครองชีวิต และนำมาลดหย่อนภาษีได้ครับ
และนี่ก็เป็นแนวทางการออมเงินเพื่อการศึกษาของลูกในรูปแบบต่างๆที่นำมาแนะนำกันในวันนี้ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะนำไปใช้วางแผนการเงินอย่างง่ายๆ ได้ด้วยตัวเองและสามารถนำไปปรับใช้กับการออมเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ ได้อีกด้วย ทั้งนี้หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการวางแผนการออมเพื่อการศึกษาของลูก หรือเรื่องอื่นๆสามารถส่งอีเมล์มาปรึกษากับ K-Expert ได้ที่ k-expert@kasikornbank.com หรือเข้าไปอ่านสาระและใช้เครื่องมือคำนวณเพื่อวางแผนการเงินด้วยตนเองได้ที่เว็บไซต์ www.askkbank.com/k-expert ส่วนผู้ที่สนใจรับข่าวสารและเกร็ดการเงินการลงุทนต่างๆก็สามารถ follow Twitter @KBank_Expert เพื่อรับข้อมูลส่งตรงจากทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทุกวันครับ
Credit: ภาพประกอบจาก ChildStudy.org