สวัสดีครับ
เรียกได้ว่า บัตรเครดิต ได้กลายมาเป็นรูปแบบในการจับจ่ายที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนเมืองอย่างต่อเนื่องนะครับทั้งนี้ก็เป็นเพราะความสะดวกสบาย ไม่ต้องพกเงินจำนวนมากติดตัวหรือเงินสดหมดก็ไม่ต้องเดินหาตู้ ATM ให้เมื่อยตุ้มอีกทั้งสถาบันการเงินรายใหญ่ต่างก็แข่งกันออกโปรโมชั่นบัตรเครดิตมาดึงดูดลูกค้าทั้งลด แลก แจก แถม สะสมแต้ม รวมถึงการใช้แต้มที่สะสมไว้มาใช้แทนเงินสด ซึ่งสิ่งจูงใจเหล่านี้เป็นเหมือนดาบสองคมที่สามารถสร้างบาดแผลให้กับสุขภาพการเงินของเราได้หากเราไม่ระมัดระวังในการใช้ครับ และวันนี้ผมก็มีทคนิคดีๆเกี่ยวกับการบริหารหนี้บัตรเครดิตมาฝากครับ
ในช่วงแรกของการใช้บัตรเครดิตใหม่ๆผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากเป็นหนี้หรอกครับ แต่พอเริ่มใช้ไปสักพักก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีกำลังซื้อจากเงินในอนาคตมากขึ้นทำให้เริ่มใช้จ่ายมากขึ้น จนทำให้จากเดิมที่เคยชำระแบบเต็มจำนวนก็เริ่มกลายเป็นการผ่อนชำระบางรายการเมื่อยอดบัตรเครดิตรวมรายการผ่อนชำระทุกรายการรวมกันเริ่มสูงขึ้นจนทำให้จ่ายไม่ไหวก็จะเริ่มกลายเป็นการค้างชำระ ซึ่งก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่นๆ ขึ้นมา เช่นดอกเบี้ยจากยอดค้างชำระ ค่าปรับจากการผิดเงื่อนไขการชำระ และค่าติดตามทวงถามหนี้เป็นต้น
ทั้งนี้หากเราค้างชำระหนี้บัตรเครดิตและไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็จะส่งผลต่อการกู้เงินจากสถาบันการเงิน(กู้ในระบบ) ได้ครับ เพราะในปัจจุบันนี้ สถาบันการเงินต่างๆจะตรวจประวัติการเงินของเราผ่านระบบข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (Credit Bureau) ซึ่งจะเก็บข้อมูลการชำระหนี้ของเราครับหากเรามีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี ก็อาจจะทำให้เราขอกู้ไม่ผ่านครับ
หนี้บัตรเครดิตควรเป็นหนี้อันดับแรกที่เราควรชำระ เนื่องจากดอกเบี้ยสูงและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะสถาบันการเงินจะเริ่มคำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่มีการจ่ายเงินแทนลูกค้าไปไม่ได้นับจากวันที่เริ่มค้างชำระตามยอดและวันเรียกเก็บที่ระบุไว้ในใบแจ้งยอดครับเช่น หากเรารูดบัตรวันที่ 1 ก.ค. และได้รับใบแจ้งยอดวันที่ 10 ก.ค.ซึ่งต้องชำระภายในวันที่ 25 ก.ค. หากเราไม่ชำระตามที่กำหนดทางบริษัทบัตรเครดิตของเราก็จะเริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่เรารูดบัตรครับไม่ใช่วันที่ 10 ที่มีการแจ้งยอด
สำหรับเทคนิคการบริหารจัดการหนี้บัตรเครดิตอย่างถูกวิธีนั้นขอแนะนำดังนี้ครับ
- สร้างเสริมวินัยการใช้เงินให้ตนเอง ถ้าจะซื้อของแต่ไม่มีเงินจ่าย พยายามอย่ารูดบัตร ใช้จ่ายให้น้อยกว่าหรือเท่ากับเงินสดที่มีเท่านั้น จำไว้ว่า ไม่ควรมียอดผ่อนชำระบัตรเครดิตมากกว่า 10% ของเงินเดือน
- ชำระเต็มจำนวน ตรงเวลา ทำให้ไม่โดนค่าปรับและดอกเบี้ยค้างชำระ
- เลือกถือบัตรที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตของเรา เช่น มีส่วนลดร้านอาหาร ได้รับเงินคืนจากการเติมน้ำมัน หรือส่วนลดในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ทั้งนี้ต้องไม่เป็นเหยื่อโปรโมชั่นของบัตรเครดิตนะครับ
- อ่านใบแจ้งยอดอย่างละเอียด เพื่อทบทวนรายจ่ายในแต่ละเดือน และเพื่อใช้ในการปรับการใช้เงิน ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือย
- ใช้แต้มสะสมให้เป็นประโยชน์ เช่น ใช้แต้มแทนเงินสด หรือเป็นส่วนลดเพิ่มเติม
นอกจากจะทำทั้ง 5ข้อที่กล่าวไปแล้ว ก็ยังมีเคล็ดไม่ลับอีก 3 ข้อที่อยากย้ำให้นำไปปฏิบัติกันครับ ได้แก่
- ไม่ก่อหนี้เพิ่ม ต้องจำให้ขึ้นใจว่า ถึงแม้ว่ามันจะถูกแค่ไหน แต่ถ้าไม่ได้ใช้ ก็ไม่ซื้อ
- หากมีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ ควรปิดใบที่มียอดน้อยที่สุดก่อนแล้วค่อยๆ ทยอยปิดใบอื่นๆ เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจให้ตัวเอง
- หากต้องการขายสินทรัพย์เพื่อหาเงินมาโปะหนี้บัตรเครดิต ควรเลือกขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานและไม่ก่อให้เกิดรายได้
ทั้งนี้ เทคนิคต่างๆที่แนะนำกันในวันนี้ จริงๆ แล้วล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราทุกคนทำได้ขอเพียงแค่มีความอดทน มีวินัยในตนเอง และมีความตั้งใจพยายามครับ ท้ายนี้ผมขอฝากไว้อีกนิดนะครับว่า การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นเทคนิคหนึ่งที่ช่วยให้เราได้ทบทวนการใช้เงินของตัวเองได้เป็นอย่างดีครับและยังช่วยเราวางแผนการเงินได้อีกด้วยครับ นอกจากนี้หากใครที่คิดว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ในการใช้บัตรเครดิตขอแนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ บัตรเดบิตแทน ซึ่งจะช่วยให้เราควบคุมการจับจ่ายได้ดีกว่าบัตรเครดิตเพราะบัตรเดบิตจะเป็นการหักเงินจากบัญชีไม่ได้เป็นการใช้เงินในอนาคตแบบบัตรเครดิตครับ
ข้อมูลและเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับบทความนี้
1.โปรแกรมบันทึกรับจ่าย K-Expert Saving Memo (คลิกเพื่อใช้โปรแกรม ฟรี)
2. K-Expert Guidebookเรื่อง อยากปลดหนี้ (คลิกเพื่ออ่านและดาว์โหลดฟรี)
ท้ายนี้หากใครมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการเงินหรือการลงุทน สามารถปรึกษา K-Expert ได้ผ่านช่องทางดังนี้
ปรึกษาทุกเรื่องการเงินอย่างเป็นส่วนตัวผ่านอีเมล k-expert@kasikornbank.com
อ่านสาระการเงินการลงทุนและใช้เครื่องมือคำนวณบนเว็บไซต์ www.askkbank.com/k-expert
รับข่าวสารและทิปการเงินทุกวันทาง Twitter@KBank_Expert
Credit: ขอบคุณภาพประกอบจากansweringasummons.com ครับ