Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2556
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
16 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 
เขาใหญ่ โลกแสนสุขใจ ของคนรักธรรมชาติ

หวังว่าคุณคงไม่แปลกใจที่พลิกอ่านคอลัมน์ "นายรอบรู้" ฉบับนี้ แล้วพบภาพป่าเขียวเต็มพรืด  ฤดูฝนเวียนมาอย่างนี้ คงไม่มีทริปไหนน่าสนใจเท่าการตะลุยพงไพร  ช่วงนี้ป่าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่งดงามยิ่งกว่าฤดูกาลใด สายฝนเย็นฉ่ำทำให้พืชพรรณแตกใบและออกดอกดาษดื่น แต่งแต้มผืนป่าเขียวชอุ่มให้มีสีสันสดใส ทั้งน้ำตกยังมีน้ำไหลบ่าเต็มหน้าผาน่าเที่ยวชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติในป่าเขาใหญ่ทุกเส้นทางจะพาเราไปใกล้ชิดชีวิตพืชพรรณธรรมชาติและสัตว์ป่ายิ่งขึ้น เป็นโลกที่แสนสงบหากแต่มีเรื่องราวให้เรียนรู้ไม่สิ้นสุด  ไม่แน่ว่านอกจากเห็นภาพ "สายสัมพันธ์ชีวิต" เชื่อมโยงจากป่าสู่เมืองชัดเจนกว่าเดิม คุณอาจพบโลกอีกใบที่แสนสุขใจภายใต้ร่มเงาของธรรมชาติก็เป็นได้

ต้นไม้ใหญ่ คนตัวเล็ก เริ่มต้นที่ กม. 33

ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ตั้งอยู่ในเขต อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา ห่างจากกรุงเทพฯ ราว 200 กม.  "นายรอบรู้" ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. เดินทางจากเมืองหลวงมาถึงเขตอุทยานฯ  เราแวะสักการะศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อน แล้วจึงตรงมายังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ติดต่อที่พักและนัดหมายเจ้าหน้าที่พาเดินป่าเสร็จสรรพ เราไม่ลืมแวะซื้อถุงกันทากที่ร้านขายของที่ระลึก  ป่าหน้าฝนเช่นนี้ทากชุกชุมอย่างกับยุง สวมถุงกันทากไว้จะได้ไม่ถูกพวกมันรุมเกาะจนขวัญกระเจิง จุดหมายแรกของเราคือเส้นทางศึกษาธรรมชาติ กม. 33-หนองผักชี ที่เหมือนเป็นตัวแทน "ป่าดงดิบ" หรือป่าไม่ผลัดใบ อันเป็นสภาพป่าที่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเขาใหญ่ ซึ่งมีทั้งบริเวณที่เป็นป่าดิบชื้นและป่าดิบแล้ง  ป่าดิบชื้นจะเกิดในพื้นที่ฝนชุก มีปริมาณน้ำฝนมากกว่า 1,000  มิลลิเมตรต่อปี และฝนตกต่อเนื่องเกิน 8 เดือน  บางทีจึงเรียกว่า "ป่าฝน" และพรรณไม้ในป่าดิบชื้นจะเป็นพวกชอบความชุ่มชื้นอย่างไม้วงศ์ยาง  เขาใหญ่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้โดยตรง ป่าชนิดนี้จึงครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ ส่วนป่าดิบแล้งเกิดในพื้นที่ที่มีช่วงแล้งนาน 3-5 เดือน และดินเก็บน้ำได้ไม่ดี  พืชโดดเด่นก็มีสมพง ลำพูป่า เป็นต้น

พี่อึ่ง-ณัชนพ วงษ์หาญ เจ้าหน้าที่สื่อความหมายของ อช. เขาใหญ่ พาเราไปยังจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่บริเวณหลัก กม. 33  เพียงไม่กี่ก้าวก็สัมผัสถึงความเป็น "ป่าใหญ่"  รอบตัวเรารายล้อมด้วยต้นยางและสมพงสูงกว่า 30 ม. ลำต้นใหญ่ขนาด 4-5 คนโอบ มองดูเหมือนเสาหลักของป่า ส่วนกิ่งก้านที่แผ่ปกคลุมก็ราวกับหลังคาธรรมชาติ ไม้สูงใหญ่บ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหารในดินและความบริสุทธิ์ของป่าที่ไม่ถูกรบกวน ไม้ใหญ่บางต้นบริเวณโคนต้นจะมี "พูพอน" คล้ายครีบขนาดใหญ่เกือบเท่าตัวคน  พี่อึ่งอธิบายว่าเมื่อต้นไม้สูงปกคลุมป่า แสงอาทิตย์แทบไม่อาจลอดผ่าน บวกกับฤดูฝนยาวนาน แสงแดดจึงมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด ต้นไม้ต้องแข่งกันสร้างลำต้นให้สูงขึ้นไปรับแสงแดด  การเร่งสร้างลำต้นทำให้ไม่มีเวลาพอจะสร้างรากแก้ว ต้นไม้จึงสร้างพูพอนเพื่อพยุงลำต้นไม่ให้ล้มขึ้นแทน  อีกทั้งต้นไม้สูงจะมีใบบริเวณเรือนยอดเล็กเพื่อไม่ต้านลมและไม่กักน้ำฝน เป็นการป้องกันไม่ให้ใบเน่าหรือขึ้นรา ไม่เช่นนั้นมันจะสังเคราะห์แสงได้น้อยลง  เช่นเดียวกับที่เราสังเกตเห็นใบไม้ของต้นไม้บางชนิดที่หลังใบมีสีขาวก็เพื่อกักเก็บแสงไว้สร้างอาหารให้มากที่สุดงานวิศวกรรมแห่งธรรมชาติอันน่าทึ่งเหล่านี้ชวนให้เรายิ่งอยากค้นหา ทั้งยิ่งรู้สึกว่าตัวเองช่างเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ป่าดงดิบสร้างให้แก่โลก ไม่ว่าจะเป็นแหล่งอาหาร แหล่งยา แหล่งอาศัยของสัตว์น้อยใหญ่ กระทั่งเป็นปอดขนาดมหึมาฟอกอากาศให้เรายังหายใจได้สบายอยู่ทุกนาที

โชค 3 ชั้น ที่หนองผักชี

นักเดินป่าทุกคนต่างหวังจะได้เห็นสัตว์หายากอย่างเสือ ช้าง กระทิง ด้วยตาตัวเองสักครั้ง หากได้พบก็เหมือนถูกรางวัลแจ็กพอต เพราะสัตว์เหล่านี้ไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นบ่อย ต้องอาศัยทั้งโชคและการเฝ้ารอคอยอย่างอดทนที่เขาใหญ่มีหอดูสัตว์หนองผักชีซึ่งเหมาะสำหรับไปเฝ้าดูสัตว์ อยู่ ณ ปลายเส้นทางศึกษาธรรมชาติ กม.33-หนองผักชี  จะเดินจากจุดจอดรถริม ถ. ธนะรัชต์เข้าไปราว 1 กม. ก็ได้เช่นกันหนองผักชีเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ แหล่งน้ำสำคัญของสัตว์ป่าในเขาใหญ่  รอบหนองเป็นทุ่งหญ้าคา และมี "โป่ง" หรือแอ่งดินเค็มที่มีเกลือแร่ สัตว์กินพืชทั้งเก้ง กวาง และช้าง จึงมาชุมนุมกันที่หนองน้ำนี้ ในช่วงเช้าและเย็น เพื่อกินเกลือแร่จากโป่งและกินหญ้ากินน้ำ  บางทีสัตว์ผู้ล่าอย่างเสือโคร่ง หมาใน ก็มาซุ่มรอเหยื่อด้วยเย็นวันที่สงบเงียบ เราเดินตามทางดินไปยังหอดูสัตว์นี้ ผ่านทุ่งหญ้าที่ลมเย็นพัดจนไหวเอน  บริเวณที่หญ้าคาขึ้นนี้เดิมเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านมาก่อน  เจ้าหน้าที่อุทยานฯ จะคอยเผาหญ้าให้ระบัดใบอ่อนเป็นอาหารของเหล่าสัตว์เราขึ้นไปบนหอดูสัตว์  มองหนองผักชีที่บัดนี้ยังไม่มีชีวิตใดกล้ำกรายมา เราเฝ้าคอยด้วยความหวัง  ทว่ารออยู่นานสองนานความเคลื่อนไหวมีเพียงสายลมพัดยอดไม้เสียงหวีดหวิว ถึงอย่างนั้นเราก็ยังไม่ถอดใจ คงอดทนรอต่อไป 

ทันใดนั้นสิ่งหนึ่งก็เกิดขึ้นราวกับฝัน"ตัวอะไรเดินมาจากฝั่งโน้น !" เพื่อนสายตาดีคว้ากล้องสองตาขึ้นปรับระยะชัด ก่อนจะพบว่าสิ่งมีชีวิตสีดำทะมึนกลางทุ่งหญ้าห่างจากเราไปกว่า 700-800 ม. นั้นคือกระทิง !กระทิงตัวนั้นหยุดเดินและจ้องเขม็งมายังหอดูสัตว์ราวกับมันสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอม  คำนวณเทียบกับยอดหญ้าแล้ว ความสูงของมันน่าจะเกือบ 2 ม.  ร่างกำยำนั้นยาวขนาดรถกระบะโดยประมาณ หากไม่เป็นกระทิงโทนที่หากินเพียงลำพัง ก็คงเป็นกระทิงตัวเมียออกมาดูลาดเลาก่อนที่ทั้งฝูงจะตามมากินหญ้าแว่วมาว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพบกระทิงบริเวณนี้ ด้วยไม่มีใครเห็นกระทิงที่หนองผักชีมาหลายปีแล้ว  การปรากฏตัวของมัน ถ้าไม่นำข่าวดีว่าป่าเขาใหญ่อุดมสมบูรณ์ขึ้นจนฝูงกระทิงที่อพยพไปเขาแผงม้าพากันกลับมา ก็คงเป็นข่าวร้ายว่าเขาแผงม้าแห้งแล้งจนฝูงกระทิงต้องอพยพกลับ  ไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุที่แท้ แต่สำหรับเราเหมือนเป็นโชค ๓ ชั้นรางวัลใหญ่จากธรรมชาติตอบแทนการรอคอยอารามดีใจกับรางวัลใหญ่ทำให้เราอยากอ้อยอิ่งอยู่ต่อ แต่เมื่อความมืดเริ่มปกคลุม เราก็จำต้องรีบเดินออกจากหนองผักชี  หนึ่งนั้นนึกถึงอันตรายอันอาจเกิดจากสัตว์กินเนื้อเริ่มออกหากิน สองคือนอกจากอิ่มใจเราก็อยากอิ่มท้องด้วย ช้านักร้านอาหารปิด เราคงต้องหิวท้องกิ่วกันทั้งคืนแน่

"อินทนนท์น้อย" บนผาเดียวดาย

ป่าดงดิบที่เขาใหญ่นอกจากแบ่งเป็นป่าดิบชื้นและป่าดิบแล้งแล้ว ยังมีป่าดิบเขาด้วย  "เขา" คือเนินสูง ป่าดิบเขาเกิดบนพื้นที่สูง 1,000 ม. จากระดับน้ำทะเลขึ้นไป อยู่สูงกว่าป่าดิบชื้นและป่าดิบแล้ง  เมื่ออยู่บนที่สูง พื้นที่ป่าดิบเขาจึงมีอากาศเย็น รวมทั้งยังชุ่มชื้นเพราะได้รับอิทธิพลจากเมฆปกคลุมตลอดทั้งปี  บางคนเลยขนานนามว่า "ป่าเมฆ" หน้าฝนเช่นนี้ป่าดิบเขาสวยงามที่สุด  ความชุ่มชื้นเอื้อให้เฟิน มอส และตะไคร่ งอกงามตามกิ่งก้านไม้ จนเหมือนต้นไม้กำลังห่มผ้าสีเขียวกันถ้วนหน้า แถมผ้านั้นดูหนากว่าในหน้าหนาวอีกด้วย  เส้นทางศึกษาป่าดิบเขาโดยเฉพาะเส้นทางสู่ผาเดียวดาย ยามฉ่ำละอองฝนนั้นสวยงามราวกับดอยอินทนนท์น้อยๆ ทีเดียวเช้ารุ่งขึ้น หลังตื่นมาสูดอากาศชื่นเย็นเต็มปอด เราก็มุ่งหน้าไปผาเดียวดาย ที่บัดนี้ไม่เดียวดายสมชื่อแล้ว เพราะกลายเป็นผายอดนิยม ปรากฏในละครหรือโฆษณาบ่อยครั้ง ทั้งเป็นจุดถ่ายภาพชมวิวของเหล่านักท่องเที่ยว  ทางอุทยานฯ จึงปรับปรุงทางเดินดินให้เป็นบอร์ดวอล์กหรือทางเดินยกระดับ แม้จะต้องตัดต้นไม้ไปบ้างแต่ก็ทำให้เดินสะดวกกว่าเดิมและเลี่ยงไม่ไปเหยียบย่ำทำลายพืชพรรณตามรายทางเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาเดียวดายตัดผ่านป่าดิบเขาและป่าพรุ ระยะทางราวๆ 500 ม. นี้ใช้เวลาเดินไม่ถึงชั่วโมง แต่สำหรับผู้หลงใหลในรูปทรงและสีสันอันสะดุดตาของบรรดาดอกไม้ป่าและพืชพรรณ ผลงานออกแบบโดยธรรมชาตินี้คงพาให้ล่วงเลยเป็นชั่วโมงพืชตระกูลเฟินเป็นพืชที่ห้ามพลาดชม  ตัวเอกซึ่งบ่งชี้สภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าได้เป็นอย่างดีคือ ฟิล์มมี่เฟิน เฟินที่ใบบางที่สุดในโลก ขึ้นได้เฉพาะในป่าที่มีความชื้นสูงเท่านั้น  เฟินตีนตุ๊กแกเป็นเฟินอีกชนิดที่นักเดินป่าสมัครเล่นในกลุ่มชี้ชวนให้ดูใบหยักๆ น่ามองของมัน

นอกจากไม้ดอกสวยๆ อย่างดอกเข้าพรรษา บีโกเนีย รวมถึงกุหลาบพันปีสีขาวเด่นบนยอดไม้ เรายังพบไม้ยืนต้นตระกูลก่อที่ว่ากันว่าผลเปลือกแข็งของมันคั่วกินอร่อยไม่แพ้เกาลัดจากผาเดียวดาย เรามองเห็นต้นยางขึ้นเบียดหนาทึบที่เขาร่มเบื้องหน้า ขณะหูได้ยินเสียงนกกกแว่วมาไกลๆ เนื้อตัวสัมผัสลมเย็นสดชื่นพัดผ่าน และใจแอบอิงเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของป่าใหญ่อย่างไม่เดียวดาย..


หนีช้างปะจระเข้ 

ที่ผากล้วยไม้-เหวสุวัตป่าเขาใหญ่มีอีกหนึ่งเส้นทางซึ่งคาบเกี่ยวระหว่างป่าดิบชื้นกับป่าดิบแล้ง โดยเลาะเลียบไปตามห้วยลำตะคอง นั่นก็คือเส้นทางศึกษาธรรมชาติผากล้วยไม้-เหวสุวัตห้วยลำตะคองเป็นสายธารหล่อเลี้ยงป่าเขาใหญ่ บนเส้นทางนี้จึงมีพืชพรรณมากมาย โดยเฉพาะหวายซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความชื้นของผืนป่า เราแวะมาเส้นทางนี้ช่วงสายๆ ชมสายน้ำพลางมองหาสัตว์และพืชเล็กๆ เช่น แมลง ผีเสื้อกลางคืน จักจั่นงวง เห็ดถ้วย เห็ดร่างแห รวมถึงต้นไคร้ย้อยที่แผ่รากยึดเกาะโขดหินริมน้ำไปตลอดทางเราแวะพักที่น้ำตกผากล้วยไม้ ซึ่งหากเป็นฤดูร้อนราวเดือน เม.ย.-พ.ค. ก็จะได้ชมเอื้องหวายแดง กล้วยไม้อันเป็นที่มาของชื่อน้ำตกด้วย เดินต่อมาอีกไม่นานเราได้กลิ่นหอมของข่า มองไปเห็นทั้งยอดข่าและหวายหักโค่น มีร่องรอยหน้าดินถล่มลงมา รอยตีนสัตว์ใหญ่รวมถึงมูลก้อนโตบ่งบอกว่าเจ้าของคงเป็นอื่นใดไม่ได้นอกจากช้างป่า  พี่อึ่งบอกว่า "เขาคงมาก่อนหน้าเราไม่ถึง 10 นาที"  ชาวคณะ "นายรอบรู้" คนหนึ่งซึ่งได้รับฟังประสบการณ์เกี่ยวกับสัตว์ใหญ่ชนิดนี้มามาก ชวนทุกคนรีบเดินต่อให้เร็วที่สุด  แม้พี่เจ้าหน้าที่จะบอกว่าช้างไม่ทำอันตรายถ้ามันไม่ตกมันหรือหวงลูก แต่ไม่มีใครรู้อารมณ์ช้าง พวกเราจึงขอปลอดภัยไว้ก่อนช้างป่าบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าได้เป็นอย่างดี เพราะแต่ละตัวต้องกินอาหารถึงวันละกว่า 200 กก. กินน้ำกว่า 200 ลิตร และเขต อช. เขาใหญ่นี้มีช้างป่าอยู่ถึงราว ๒๐๐ ตัวจากจุดที่พบรอยช้างไม่ไกล

พี่อึ่งชี้ให้ดู "พระเอก" อีกตัวที่นอนผึ่งแดดอย่างสบายอารมณ์ นั่นก็คือจระเข้น้ำจืด หรือจระเข้พันธุ์ไทย สัตว์ที่พบเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง  เดิมเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติแล้ว จนเมื่อไม่กี่ปีมานี้กลับพบ ณ บริเวณนี้เป็นประจำ สันนิษฐานว่ามันอาจย้ายถิ่นมาหรือชาวบ้านนำมาปล่อย เมื่อใกล้ถึงปลายเส้นทาง เราได้ยินเสียงน้ำตกแว่วมาไกลๆ และสัมผัสถึงละอองน้ำลอยมากับลม  อีกไม่กี่ก้าวก็พบความยิ่งใหญ่ของน้ำตกเหวสุวัตที่สูงเกือบ ๓๐ ม. อันเป็นเครื่องยืนยันว่าป่าคือฟองน้ำขนาดใหญ่และเป็นต้นน้ำสำคัญ สายน้ำนี้จะไหลลงลำตะคองไปรวมกับลำพระเพลิงกลายเป็นแม่น้ำมูน แม่น้ำสายสำคัญของภาคอีสานที่หล่อเลี้ยงผู้คนนับล้านชีวิตเส้นทางนี้ไม่ได้เป็นวงกลม พวกเราจึงต้องขออาศัยรถของพี่เจ้าหน้าที่กลับมายังจุดจอดรถที่ผากล้วยไม้  ระหว่างทาง

เราเห็นนักท่องเที่ยวจอดรถให้อาหารลิงตรงหัวโค้งถนน พร้อมถ่ายวิดีโอไปด้วย  เจ้าหน้าที่บอกว่าการทำเช่นนั้นอันตรายมาก เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งยังทำให้สัตว์ติดนิสัยขออาหารจนอาจถูกรถชนได้มาเขาใหญ่ครั้งนี้ เราพบว่าสัตว์ป่าไม่ได้ยืนนิ่งๆ หรือเผยตัวให้เห็นชัดๆ  แต่พวกเราต้องอาศัยความช่างสังเกตและกระตือรือร้นสนใจชีวิตอื่นๆ  บางชีวิตอาจมีขนาดเล็กจิ๋วจนต้องอาศัยแว่นขยาย หรือบางชนิดอาจอยู่บนยอดไม้ที่เราต้องแหงนมองหาจนคอตั้งบ่าจึงจะพบ  นี่กระมัง-เสน่ห์อันแตกต่างในทุกคราวที่เราได้สัมผัสจากการเดินป่า...

อ่านสักนิด!!!!

>> ค่าบริการเจ้าหน้าที่นำทาง 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับเส้นทาง

>> เส้นทางศึกษาธรรมชาติผาเดียวดายปิดให้ธรรมชาติฟื้นตัวระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.-30 ก.ย. ของทุกปี

>> ติดต่อโทร 08-6092-6531 จองที่พัก โทร. 02-562-0760 หรือ //www.dnp.go.th









จาก travel.sanook.com/1359686/เขาใหญ่-โลกแสนสุขใจ-ของคนรักธรรมชาติ/



Create Date : 16 พฤษภาคม 2556
Last Update : 16 พฤษภาคม 2556 9:34:16 น. 2 comments
Counter : 1478 Pageviews.

 
ไปที่เขาใหญ่บ่อยมากๆ เกือบจะเป็นบ้านหลังที่สองแล้ว

ชอบไปพักค้างคืนบนอุทยานฯ ดื่มด่ำธรรมชาติ อากาศก็ีดี



โดย: 3KKK วันที่: 16 พฤษภาคม 2556 เวลา:10:27:23 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 17 พฤษภาคม 2556 เวลา:4:59:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ชื่อน่ากลัว แต่ตัวน่ารัก
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]








New Comments
Friends' blogs
[Add ชื่อน่ากลัว แต่ตัวน่ารัก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.