พรหมลิขิตไม่ได้นำพาให้คู่รักมาพบและรักกันเท่านั้น!! แต่ยังนำพาให้คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้มารู้จัก และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในทุกวันนี้ เหมือนคู่เพื่อนซี้อาชีพหมอ โจ้-นพ.ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์ และ หลิน-พญ.นิโลบล เจริญวุฒิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเลเซอร์ ที่รู้จักกันจากการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง สู่เพื่อนร่วมชั้นเรียน และทุกวันนี้กลายเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ เดอะ เดอร์มิส ฟายเนส เลเซอร์ คลินิก แม้มีการเปลี่ยนแปลงสถานภาพมาเรื่อย แต่ทั้งคู่ก็ยังใช้เวลาในการปรับตัวปรับใจเข้าหากัน จนทุกวันนี้มีความสนิทสนมกันมาก ทั้งคู่พบกันขณะที่กำลังเรียนแพทย์เฉพาะทางที่สถาบันโรคผิวหนังเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ในห้องเรียนมีเพื่อนประมาณ 30 คน เป็นกลุ่มคนไทย 10 คนวัยก็ใกล้เคียงกัน จึงสนิทกันทุกคน เวลามีปัญหาก็โทรศัพท์ไปปรึกษาพี่โจ้ ด้วยประสบการณ์ด้านผิวหนังที่มีมากกว่า ยิ่งทำให้สนิทกันมากขึ้น
เป็นเพราะเราสองคนบ้างาน สนุกกับการทำงานจนถึงดึกดื่นเหมือนกัน เวลาเจอวิทยาการใหม่ ๆ ก็โทรฯ คุยกันเลย ช่วงสอบก็มาติวหนังสือด้วยกัน ยิ่งช่วงการเรียนเฉพาะทางด้านเลเซอร์เป็นการเรียนที่เราต้องลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งมีเรียนเพียง 3 คน ทำให้ยิ่งสนิทและเข้ากันได้ง่าย หมอโจ้บอกถึงความสนิท ด้านหมอหลินที่นั่งข้าง ๆ บอกถึงนิสัยต่อว่า พี่โจ้เป็นคนเซ้นซิทีฟเล็ก ๆ คนอื่นอาจดูไม่ออก แต่เรารู้ว่าลึก ๆ ภายในใจคิดอย่างไรเหมือนอ่านความรู้สึกเขาออก ส่วนพี่โจ้ก็รู้ว่าในใจเราคิดอ่านอย่างไร ต่างคนต่างดูแลซัพพอร์ตความรู้สึกกันและกัน ก็เหมือนกับคลิกกัน คุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจทุกครั้ง
สำหรับที่มาของเพื่อนคู่ซี้ที่มาร่วมทำธุรกิจความงามด้วยกันนั้น มาจากหมอโจ้หันมาเปิดคลินิกเป็นของตัวเองก็อยากได้เพื่อนคู่ใจมาร่วมธุรกิจ ประกอบกับต้องการขยายสาขาจึงชวนเพื่อนหมอหลินมาร่วมทำด้วยกัน เพราะเห็นว่าจบทางด้านเลเซอร์อยากให้ใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ได้อย่างเต็มที่ จากความเป็นเพื่อนสู่หุ้นส่วนทางธุรกิจ หมอโจ้บอกว่า แม้เป็นเพื่อนกันแต่เมื่อทำธุรกิจเราต้องปรับตัวเข้าหากันมากขึ้นไม่ใช่ว่าเราเซ้นซิทีฟคนเดียวหลินเองก็เป็นแต่ไม่พูด โดยส่วนตัวต้องปรับเรื่องการพูดคุย เพราะเป็นคนพูดตรง อารมณ์ร้อน ทำอะไรแบบรวดเร็ว
หลังจากฟังเพื่อนซี้เล่าจบ หมอหลินเสริมต่อว่า พี่โจ้เป็นประเภทเพอร์เฟกชั่นนิส ชอบความสมบูรณ์แบบ ส่วนหลินคอยเบรกคอยยั้ง พยายามบอกเสมอว่าให้นึกถึงใจเขาใจเรา ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราทุกอย่าง สำหรับหลินเป็นเพอร์เฟกชั่นนิสอีกอย่างหนึ่ง เขาก็คอยเบรกช่วย ๆ กันเตือนเหมือนกัน แต่โชคดีตรงที่ข้อดีข้อเสียของแต่ละคนเป็นด้านตรงกันข้ามกันจึงลงล็อกกันพอดี แต่กว่าจะรู้ก็ใช้เวลาปรับตัวกันนาน อีกทั้งยังทะเลาะกันทุกวัน แต่ไม่มีอะไรรุนแรงเพราะหลินเป็นคนโกรธง่ายหายเร็วและมีเหตุผล ส่วนคุณโจ้บอกนิสัยตัวเองว่า เป็นคนชอบเคลียร์ไม่ให้มีเรื่องค้างคาใจ ถ้าจบก็ไม่มีการพูดถึงอีก หลินเขาก็รู้ว่าอะไรที่เราไม่ชอบเขาก็ไม่ทำ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ยิ่งคุยยิ่งสนิทเสมือนเป็นญาติกัน
หลินเป็นคนจิตใจดี ไม่มีพิษมีภัย คุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ สามารถช่วยสนับสนุนจิตใจเราได้ เวลาเราทำงานแล้วไม่ได้ดั่งใจ เขาก็เหมือนเป็นกระจกสองด้านสะท้อนอีกมุมให้เราได้คิดและสบายใจมากยิ่งขึ้น หมอโจ้เผยความประทับใจที่มีต่อเพื่อนก่อนหมอหลินหันไปยิ้มแล้วบอกว่า พี่โจ้เป็นคนรักเพื่อน รักทุกคนที่อยู่รอบข้าง พูดคำไหนคำนั้น เวลาโกรธใครคนที่ถูกโกรธยิ่งร้อนรนอยากให้เขากลับมารักเหมือนเดิม เพราะรู้ว่าที่โกรธเพราะรักและหวังดี นี่คือเสน่ห์ของเขา!!
ไม่เพียงแต่นิสัยใจคอที่แม้แตกต่างแต่ก็คลิกกันอย่างลงตัวเท่านั้น ไลฟ์สไตล์ทั้งอาหาร เสื้อผ้า การท่องเที่ยวและอ่านหนังสือทั้งคู่ก็ยังชอบเหมือนกัน หมอหลินบอกว่า เมื่อก่อนหากมีเวลาว่างเราไปกินข้าว ซื้อของ ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันบ่อย แต่เมื่อมีหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นก็เริ่มมีเวลาน้อยลง ดังนั้นเวลาคุยงานเราก็ไปกินข้าวหรือนัดเจอที่ห้างเดินช้อปไปกินข้าวไปด้วยคุยงานไปด้วย รวมถึงเวลาคุยโทรศัพท์ก็มีน้อย แต่ถ้าคุยก็ได้สาระคุณภาพ คุยกันตรงจุด เพราะต่างคนต่างรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไรก็คอยให้กำลังใจ ให้คำปรึกษาได้ทุกเมื่อ.