ภายหลังจากที่ได้มีการเสนอข่าวว่า พบซากลูกแมวตายในไส้กรอกอีสาน ที่อำเภอสะตึก จ.บุรีรัมย์ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นไส้กรอกที่มีโรงงานผลิตอยู่ใน อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ล่าสุด นายสวัสดิ์ เชาสวัสดิ์จันทึก อายุ 52 ปี ชาวอำเภอชุมพวง น้องเขยของ นายพงษ์พัฒน์ ไชยกิตติ เจ้าของกิจการทำไส้กรอก ที่ถูกกล่าวหาว่าพบซากลูกแมว ได้ตรวจเช็คเครื่องบด ตั้งแต่ใบมีดที่มีลักษณะเป็นเกลียวที่ใช้ในการบดเนื้อหมู

ซึ่งเนื้อหมูจะไปเลือกซื้อมาจากตลาดและนำมาเก็บไว้ภายในถังแช่ขนาดใหญ่ 3 ถัง มีฝาปิดมิดชิด

พร้อมนำเครื่องตีเนื้อหมู และ เครื่องรีดเนื้อหมูที่ใช้ในการผลิตไส้กรอก มายืนยันว่าในทุกกระบวนการผลิตไส้กรอก ก่อนออกสู่ท้องตลาดได้ผ่านการดูแลจากผู้ผลิตทุกชิ้น ไม่สามารถที่จะมีซากลูกแมวเล็ดลอดจนไปสู่ผู้บริโภคได้ เนื่องจากทุกขั้นตอนถูกบดอย่างละเอียด อีกทั้งจะถูกลำเลียงออกมาจากเครื่องโดยผ่านทางรูด้านหน้าของเครื่องบดที่มีลักษณะเป็นรังผึ้ง

อีกทั้งก่อนบรรจุใส่ในไส้อ่อนที่เตรียมไว้จะต้องผ่านมือของตนเอง ที่เตรียมมัดเชือกที่ทำเป็นข้อๆ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าไม่สามารถที่จะมีสิ่งปลอมปนเข้าไปในไส้กรอกได้อย่างแน่นอน จึงอยากให้ประชาชนที่ชอบรับประทานไส้กรอกอีสาน มั่นใจว่าทุกกระบวนการในการผลิตถูกสุขอนามัยทุกขั้นตอน

นายสวัสดิ์ กล่าวอีกว่า ทำไส้กรอกขายมานานกว่า 10 ปี ปกติสามารถขายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 10,000 บาท ตกเดือนละประมาณ 300,000 บาท แต่เมื่อมีข่าวพบซากลูกแมวในไส้กรอก ทำให้ยอดจำหน่ายลดต่ำลงกว่าครึ่ง เหลือวันละ 5,000 - 6,000 บาท ทำให้ลำบากมาก เนื่องจากต้องแบกรับภาระเรื่องค่าน้ำมันเชื้อเพลิง อีกทั้งราคาของเนื้อหมูปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอยากให้ผู้ที่กล่าวหา นำซากแมวออกมาให้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจสอบเพื่อหาข้อเท็จจริง