ความรักไม่ได้ทำให้คนตาบอด แต่ทำให้เห็นมากขึ้น และเพราะเห็นมากขึ้น จึงยอมที่จะเห็นให้น้อยลง
<<
กันยายน 2551
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
29 กันยายน 2551

เจ้าหมา ตอน 2 "ออกเดินทาง"







เช้าวันใหม่ฉันฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนๆ งงๆ เบลอๆ ยังคงนอนทำตาหยีอยู่บนที่นอนแม้ว่าระบบประสาทครึ่งหนึ่งจะตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก แต่ระบบประสาทอีกครึ่งหนึ่งกลับยังคงอยู่ในภวังค์ พยายามปะติดปะต่อหวนนึกถึงฝันเมื่อคืน “ฝัน...ว่าอะไรหว่า”

แต่....ฉันต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือดันไปสัมผัสกับเจ้าตัวอุ่นๆ นุ่มนิ่มเข้า ฉันรีบลุกและก้มมองมันช้าๆ ใช่! เจ้าหมาของฉันนั่นเอง มันยังคงขดตัวนอนหลับอย่างสงบบนที่นอนของฉัน ใต้ผ้าห่มของฉัน สบายเชียวนะแก แต่มองๆ มันไปก็น่ารักใช่เล่นนะนี่

เจ้าหมายังคงนอนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว (ทีเมื่อคืนร้องได้ร้องดี) มันไม่ได้รู้ชะตากรรมของมันหรอกว่าวันนี้มันจะต้องผจญกับอะไรบ้าง แล้วฉันจะต้องปวดหัวกับมันยังไง

เหมือนเช่นทุกวันที่ฉันจะต้องรีบไปทำงานแต่เช้า แต่เช้านี้มัวแต่พะวงอยู่กับเจ้าหมาจนเกือบจะไปทำงานสายเข้าให้

ฉันจัดแจงหาที่หลับที่นอนให้มันไว้ระเบียงหลังห้อง หานม หาน้ำ เตรียมจิปาถะ อย่างกะเตรียมของให้เด็กทารก ก่อนออกจากห้องฉันสั่งเสียมันว่า 'อยู่ดีดีนะลูกเย็นๆ จะกลับ' ปิดประตูขังมันไว้ตรงระเบียงหลังห้อง ....แต่ เช้านี้ฉันมัวแต่วุ่นๆ เกินไปจนลืมนึกไปว่า หลังห้องฉันน่ะเวลาสาย บ่าย เย็น มันโดนแดดเต็มๆ (ในห้องยังโครตร้อน แล้วนอกห้องไม่ โคตรๆ ร้อนเหรอ (วะ) เนี่ย)

ที่ทำงานฉันทำงานไปในใจก็นึกถึงเจ้าลูกหมาหลังห้องไปด้วยแต่ที่ทำงานมีกฎอยู่ว่าเข้ามาแล้วห้ามออกนอกสถานที่ (นะเฟ้ย!) ฉันเลยต้องอดทนรอจนถึงเวลาเลิกงาน ห้าโมงตรงเปะฉันไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่บึ่งรถตั้งหน้าตั้งตากลับหอทันที!

เมื่อถึงหอด่านแรกที่เจอ คือสายตาเขม่นจากเจ้าของหอ ยิ้มนิดๆ แล้วถามว่า “อะไรอยู่ในห้องเหรอจ๊ะ” ฉันได้แต่ยิ้มตอบไม่กล้าพูดอะไร แต่ในใจ ‘ตายละ! ไอ่ลูกหมา') แล้ววิ่งขึ้นห้องอย่างไม่คิดชีวิต

เมื่อฉันถึงหน้าห้องก็ได้ยินเสียงคราง หงิงๆ ของมันแล้ว ฉันรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องและเปิดออกไปหลังห้อง เบื้องหน้าคือความเละเทะข้าวของที่เตรียมให้มันอย่างดีตั้งแต่เมื่อเช้ากระจัดกระจาย หมายความว่าไม่มีอะไรตกถึงท้องมันเลยทั้งวัน ฉันรีบอุ้มมันขึ้นมาปลอบ สัมผัสได้เลยว่าตัวมันสั่นเทา เสียงแหบพร่าเนื่องจากน้ำไม่ตกถึงกระเพาะตั้งแต่เช้า และมันอาจไม่ได้หลับเลยเพราะตรงนั้นมันร้อนตับจะแตกซะขนาดนั้น คนใจแข็งอย่างฉันสุดท้ายก็ต้องเสียน้ำตาให้เจ้าลูกหมาตัวนี้จนได้ ฉันสัญญากับมันว่าต่อไปนี้ฉันจะดูแลมันอย่างดี จะไม่ทิ้งให้ทนทรมานอย่างนี้อีก (ขอโทษนะ-ลูกหมา)

แล้วคืนนั้นฉันจึงอนุญาตให้มันขึ้นมานอนบนเตียงกับฉันได้อย่างสบายใจ และไม่มีข้อแม้

เช้าวันต่อมาฉันไปสารภาพกับเจ้าของหอ แถมยังฝากฝังให้ช่วยดูแลเจ้าหมาหนึ่งวันและสัญญาว่าพรุ่งนี้ (วันเสาร์) ฉันจะพามันกลับบ้าน เจ้าของหอรับปากและดูแลมันอย่างดี เขาดูแลอย่างดีตามที่เขารับปากแต่เจ้าหมาของฉันนี่สิ ซนเอามากๆ จนเขาบ่นเหนื่อยเข้าให้...

เมื่อวันเสาร์มาถึงฉันกับเพื่อนจึงพามันกลับบ้าน ใช่..บ้านของฉันเองอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กม. เราเลือกที่จะขี่มอเตอร์ไซค์ไปกัน (เพราะยังไม่มีปัญญาซื้อรถยนต์) โดยฉันเป็นคนขี่ เพื่อนซ้อนท้ายและอุ้มเจ้าหมา ตอนแรกเอามันนอนในตะกร้าอย่างดี แต่จนแล้วมันก็ดิ้น โวยวาย ตะเกียกตะกาย จนเพื่อนฉันรับมือไม่ไหว เราจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด!

เราเอามันออกมาจากตะกร้าคุณชาย แล้วเอาผ้าห่มประจำตำแหน่งของมันเองมาพัน ห่อตัวมันจนเหลือแค่จมูกฟุตฟิตๆ และให้เพื่อนฉันอุ้มอย่างนั้นจนกว่าจะถึงบ้าน และต้องใช้เวลาเดินทางให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่มันจะหงุดหงิดและโวยวายกว่าเดิม คิดได้เท่านั้นแหละค่ะ ฉันจึงบิดรถอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อไปถึงบ้านให้เร็วที่สุด.......ฟิ้วววว

เราสองคนกับหนึ่งตัวมาถึงบ้านด้วยความปลอดภัย แต่..ดูเหมือนว่าเจ้าหมามันจะเมารถ อาจจะเมากลิ่นควันรถด้วย มันมีอาการซึมๆ ไม่ร้องจนแม่นึกว่ามันเป็นหมาใบ้ วางมันไว้ตรงไหนมันก็จอดตรงนั้นไม่มีการเคลื่อนไหว ฉันชักเริ่มเป็นห่วง แต่ฉันก็ต้องรีบกลับเข้าเมืองเพราะเราต้องธุระต่ออีก จึงได้แต่ฝากฝังมันไว้กับน้องสาว และแม่ อ้อ! ลืมบอกไป เจ้าหมาของฉันมันชื่อว่าทอคโค้ แปลว่า ขนมคล้ายๆ บิทกิตของฝรั่ง (ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เขาบอกมาอย่างนั้น) ชื่อมันเป็นฝรั่ง ตามสัญชาติของมัน เพราะมันมาจากบ้านฝรั่งตอนนั้นเราเลยเข้าใจว่ามันยังฟังภาษาไทยไม่เป็น...

ฉันล่ำลามัน แล้วเดินทางกลับเข้าเมือง ค่อยๆ ออกมาจากบ้านอย่างช้าๆ เจ้าหมาเองก็มองตามฉันด้วยอาการเซื่องๆ ซึมๆ เหมือนกันมันคงคิดถึงฉันสินะ ฉันก็คงคิดถึงมันไม่แพ้กัน ฉันออกบ้านมาด้วยอาการคิดถึง คืนนี้ต้องนอนคนเดียวคงเหงาน่าดู ขาดเจ้าตัวยุ่งไป

แต่เมื่อคิดดูดีดี นี่คือการจากลา ไม่ใช่การลาลับ ฉันยังมีโอกาสได้เจอมัน ทุกครั้งที่กลับบ้านฉันยังเจอ และมั่นใจได้เลยว่าครอบครัวฉันจะดูแลมันอย่างดีเลยล่ะ....

ไปป่วนที่บ้านต่อละกันนะ-เจ้าตัวยุ่งของแม่...




 

Create Date : 29 กันยายน 2551
5 comments
Last Update : 30 กันยายน 2551 10:34:54 น.
Counter : 909 Pageviews.

 

แวะมาทัก
หยุดพักสักครู่แล้วจะจากไปครับ

 

โดย: อัสติสะ 30 กันยายน 2551 8:04:46 น.  

 

 

โดย: p_tham 30 กันยายน 2551 16:20:47 น.  

 

เรื่องดีมากๆนะค่ะ แล้วจะติดตามตอนต่อไปนะค่ะ พระเจ้าเสริมกำลังค่ะ พระเจ้าอวยพรนะนะค่ะ

 

โดย: พี่(ชาย)เอ IP: 118.172.97.162 17 ตุลาคม 2551 16:10:12 น.  

 

เขียนตอนฉามได้แล้ววว...

 

โดย: pu IP: 118.175.184.138 21 ตุลาคม 2551 19:42:26 น.  

 

คิดถึงมากเลย

เจ้าหมาน้องรัก

 

โดย: คนไม่เอาไหน IP: 114.128.9.214 3 พฤศจิกายน 2551 18:56:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หมอกกลางภู
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เธอเป็นคนเงียบๆ เหงาๆ ชอบอยู่คนเดียว ใช้เวลาอยู่กับความเงียบเหงา แต่ถึงอย่างไรหัวใจของเธอก็ยังชอบการเดินทาง ...จึงมักออกเดินทางไกล บ่อยๆ ที่ล้ม แต่ก็ลุกได้อย่างไม่รีรอ
...ทำไมหน่ะหรือ เพราะเธอมั่นใจว่าบนทางที่มืดมน ยังมีแสงสว่างเสมอ และแม้เธอล้มก็จะมีมือค่อยพยุงเธอไว้เสมอ เช่นกัน
เพราะเธอมีความรัก ความหวัง และศรัทธา ดังนั้น เมื่อล้มพันครั้งก็จะลุกทั้งพันครั้ง แล้วเดินต่อไป....