อภัยนุราช
บทละคร เรื่อง อภัยนุราช ผู้แต่ง สุนทรภู่ บทละครเรื่องอภัยนุราช สุนทรภู่แต่งในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อถวายพระองค์เจ้าดวงประภา พระราชบิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นบทละครสั้นๆ ขนาด 1 เล่มสมุดไทยที่อ่านแล้วให้ความเพลิดเพลินสนุกสนานเรื่องย่อ ท้าวอภัยนุราช กษัตริย์ครองเมืองรมเยศ ครั้งหนึ่งทรงต้องการออกประพาสป่า แต่ไม่ยอมเซ่นสังเวยแสดงความเคารพต่อผีป่าและได้กล่าวลบหลู่ดูถูก ผีป่าจึงดลบันดาลให้ท้าวอภัยนุราชต้องเสียบ้านเสียเมือง พร้อมทั้งพระนางทิพยมาลีพระมเหสี พระอนันต์พระโอรส และวรรณาพระธิดา ๏ช้า มาจะกล่าวบทไป ถึงท้าวไทอภัยนุราชเรืองศรี กับโฉมยงองค์ทิพมาลี ครองบูรีรมเยศเขตคัน มีโอรสธิดาน่ารัก ประไพพักตร์ลักษณ์เลิศเฉิดฉัน เชษฐาชื่อว่าพระอนันต์ น้องชื่อวรรณาสุดาถาวร คนละปีพี่สิบขวบเศษ ดังเทเวศร์สุรางค์นางอัปสร พระวงศาข้าบาทราษฎร ทุกข์ร้อนไม่มีบีฑา วันหนึ่งจึงท้าวอภัยนุราช คิดใคร่ไปประพาสภูผา ไล่ฝูงโคถึกมฤคา แรมค้างกลางป่าพนาวัน ฯ ๏ร่าย คิดพลางทางสั่งเสนี พรุ่งนี้เราจะไปไพรสัณฑ์ เกณฑ์โยธีขี่ม้าสักห้าพัน ถือเกาทัณฑ์ปืนยาหน้าไม้ ฯ ๏ บัดนั้น เสนารับสั่งบังคมไหว้ ก้มกรานคลานคล้อยถอยออกไป เกณฑ์ไพร่พร้อมกันดังบัญชา ฯ เจรจา ฯ ๏ เมื่อนั้น พระปิ่นเกศเขตขันธ์หรรษา ครั้นรุ่งรางสร่างแสงสุริยา มาโสรจสรงคงคาวารี แล้วทรงเครื่องประดับเสร็จสรรพ มงกุฎเก็จเพชรพรายหลายสี จับพระขรรค์อันเรืองฤทธี ไปตรวจพลมนตรีที่เกยลา ฯ ฯ เสมอ ฯ ๏ร่าย พระองค์ขึ้นทรงช้างต้น พร้อมพลไพร่นายกราบซ้ายขวา เดินทหารควาญไสไอยรา ตำรวจหน้านำตรงเข้าพงไพร ฯ ฯ กราวนอก ฯ ๏ชมดง เดินทางหว่างเขาเงาร่ม เพลินชมเชิงผาพฤกษาไสว บ้างผลิดอกออกแทรกแตกใบ ลูกมะไฟมะเฟืองเหลืองระย้า จำปาดะขนุนกรุ่นหอม มะปรางปริงกิ่งค้อมริมจอมผา ร้อยลิ้นอินจันทร์พรรณพวา ฝูงนกกาจิกเจาะเกาะกิน บนเขาสูงฝูงหงส์บุหรงร้อง เยี่ยมหุบห้องปล่องเปลวเหวหิน ชมเพลินเดินรอบขอบคีรินทร์ มีโกรกสินธุพุปรุปราย ริมลำธารศาลเจ้าเก่าแก่ กษัตริย์แต่ก่อนปางสร้างถวาย เสาศิลาฝากรุผุทลาย ต้นรังรายรื่นร่มพนมไพร ฯ ๏ร่าย จึงหยุดช้างที่นั่งสั่งเสนา ปลูกประทับพลับพลาอาศัย ให้แยกย้ายรายพลค้นไป สกัดไล่โคถึกมฤคา ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ บัดนั้น พวกหมื่นขุนมูลนายซ้ายขวา ต่างเกณฑ์ไพร่ไปริมหิมวา ไล่สกัดสัตว์ป่าพนาวัน โห่ครื้นปืนยิงกระทิงถึก ล้อมมฤคแรดควายทรายสมัน ต้อนตะพัดลัดแลงแทงฟัน พัลวันมาหน้าพลับพลาไพร ฯ ฯ เชิด ฯ ๏ เมื่อนั้น พระภูมินทร์ยินดีจะมีไหน เผ่นขึ้นม้าทรงก่งศิลป์ชัย ขับไล่เลี้ยวลัดยิงสัตว์ดง ฯ ฯ เชิดฉิ่ง ฯ ๏ร่าย ลั่นสายหลายลูกไม่ถูกสัตว์ ก้าวสกัดพลัดแพลงลัดแลงหลง จนรอนรอนอ่อนแสงสุริยง ขับม้าทรงตรงมาพลับพลาชัย ฯ ฯ เชิด ฯ ๏ร่าย พร้อมทั้งเสนีรี้พล ต่างคนเหนื่อยบอบหอบเหงื่อไหล ไม่ได้เนื้อเบื้อบ้างเป็นอย่างไร หลากใจนักหนาพูดจากัน ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ร่าย บัดนั้น ผู้เฒ่าชาวป่าพนาสัณฑ์ จึงกราบทูลองค์พระทรงธรรม์ นี่ชื่อป่าสาลวันบรรพต แต่ย่าปู่ผู้เฒ่าเล่าว่า เทพารักษ์ศักดาปรากฏ แต่ก่อนท้าวเจ้าเมืองเรืองยศ มาประณตนับถือลือชา ครั้งนี้มิได้เซ่นวัก อารักษ์ไม่ให้สัตว์ในป่า พระองค์จงบวงสรวงเทวา ซึ่งสิงสู่ภูผาพนาลัย ฯ ๏ ฟังทูล นเรศูรเคืองขัดอัชฌาสัย จึงตรัสว่าป่าดงพงไพร ก็อยู่ในเขตแคว้นแดนเรา เพราะอารักษ์หักแกล้งกูแผลงศร ไม่แน่นอนเหมือนหมายอายเขา ไม่ยำเยงเกรงกูดูเบา เอาไฟเผาศาลให้ไหม้หมดโครง ฯ ๏ บัดนั้น พวกขุนนางต่างใส่ไฟโขมง ไหม้หลังคาฝาเปิงเพลิงโพลง เสียงผึงโผงเผาศาลเป็นถ่านไป ฯ ฯ เหม่งตุมเพล่ง ฯ ๏ เมื่อนั้น จอมวังนั่งหน้าพลับพลาใหญ่ ให้เลี้ยงโต๊ะโยธาเสนาใน เสวยชัยบาลสำราญครัน ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ บัดนั้น พวกเสนาสามนต์พลขันธ์ ต่างกินเหล้าเมามัวไม่กลัวกัน บ่าวขันสู้นายเรียกอ้ายเกลอ บ้างร้องลำสำรวจอวดรู้ การกูผู้ใดไม่เสมอ บ้างเมามากรากท้นบ่นเพ้อ พูดเอะอะคะเอออึงไป บ้างร้องเพลงพาดควายไก่ป่า เมาร่ารำแต้ต้องแก้ไข บ้างขันชกยกตัวไม่กลัวใคร ผลักไสซวนเซเสียงเฮฮา จนพลบค่ำกำลังเล่นสนุก บ้างล้มลุกหลับกลิ้งพิงพฤกษา ทั้งองค์ท้าวเมาเซพวกเสนา ลุกถลาล้มทับเลยหลับไป ฯ ฯ เซ่นเหล้า ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ยานี มาจะกล่าวบทไป ถึงอารักษ์ที่เขาผาศาลไหม้ ขึ้นสิงสู่อยู่บนต้นไทร แค้นท้าวอภัยนุราชบังอาจนัก แต่ก่อนกูอยู่มาป่านี้ ชาวบูรีเกรงฤทธิ์สิทธิศักดิ์ ถึงเดือนห้ามาเล่นเซ่นวัก ไม่ทำการหาญหักเหมือนดังนี้ จะแก้แค้นแทนทำให้ส่ำเสีย ให้เสียลูกเสียเมียเสียกรุงศรี คิดพลางทางแผลงฤทธี ไปเรือนอีผีสิงหญิงคนทรง ฯ ฯ เชิด ฯ ๏ร่าย ครั้นถึงจึงเทพารักษ์ ลอบหักคออีศรีสาหง เข้าสิงสู่ชูใจให้ดำรง รูปทรงคงเป็นเหมือนเช่นดี ฯ ๏ บัดนั้น นางศรีสาหงคนทรงผี อยู่แต่ตัวผัวตายหลายปี อายุสี่สิบสี่ปีปลาย นัยน์ตาพองสองผมนมคล้อย ทำชดช้อยลอยเลิศเฉิดฉัน นุ่งแดงห่มชมพูพิศดูกาย ออกจากเรือนเดือนหงายกรีดกรายมา ฯ ฯ ฉุยฉาย ฯ ๏ พอรุ่งแจ้งแสงทองถึงกองทัพ เข้าหยุดยับยั้งอยู่ริมภูผา แกล้งคิดคำทำนองร้องพัดชา วิเวกแว่วแนวป่าวนาดอน ฯ ๏พัดชา โอ้สงสารพระหน่อวรนาถ แรมนิราศเรือนจันทร์พระบรรถร อยู่ในวังดังพระศศิธร ดารากรแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง เคยฟังขับรับพิณซอจีนเจ้ง ฆ้องระนาดพาดเพลงวังเวงเสียง มโหรีปี่แก้วแจ้วจำเรียง เสนาะสำเนียงนางเห่ทุกเวลา มานอนในไพรพนมต้องลมว่าว อนาถหนาวน้ำค้างพร่างพฤกษา หอมดอกกลอยสร้อยสนสุมณฑา มะลิลาลมโชยมาโรยริน ดอกไม้สดรสรื่นชื่นแช่ม เหมือนกลิ่นแก้มแจ่มนวลหวนถวิล หอมบุปผาสารพันลูกจันทร์อิน ไม่เหมือนกลิ่นนุชเนื้อที่เจือจันทร์ เจ้าพี่เอ๋ยเชยอื่นไม่ชื่นจิต เหมือนเชยชิดโฉมน้องประคองขวัญ มานอนเดียวเปลี่ยวใจในไพรวัน สะอื้นอั้นอกน้องมัวหมองเอย ฯ ๏ร่าย เมื่อนั้น พระจอมวังฟังนิ่งอิงเขนย สำเนียงขับจับใจกระไรเลย ลุกขึ้นเผยพระแกลเล็งแลไป ยิ่งเพลินฟังวังเวงในเพลงขับ ดูพวกพ้องกองทัพยังหลับใหล พระลงจากพลับพลาคลาไคล คอยฟังเสียงเมียงไปในไพรวัน ฯ ฯ ฉุยฉาย ฯ ๏ชมโฉม เห็นนารีผีสิงพริ้งเพริศ โฉมเฉิดเลิศอย่างนางสวรรค์ สวยสำอางคางคิ้วผิวพรรณ เป็นสองผมคมสันเพียงขวัญตา ถันเทียบเรียบปทุมที่หุ้มฝัก ดูหน้าตาน่ารักหนักหนา นาสิกเสี้ยมเอี่ยมโอ่โสภา นุ่งผ้าแดงห่มสีชมพู ดูจ้ำม่ำล้ำหญิงยิ่งอย่าง รูปร่างรัดกุมใส่ตุ้มหู พินิจไหนให้เห็นน่าเอ็นดู จะใคร่รู้เรื่องความตรัสถามไป ฯ ๏โอ้ชาตรี ทรามสงวน เจ้างามล้วนนวลละอองผ่องใส พี่ขอถามตามซื่ออย่าถือใจ เจ้าชื่อไรไยมาอยู่อารัญ หรือบ้านเมืองเคืองเข็ญเป็นวิบัติ จากจังหวัดเวียงชัยไอศวรรย์ หรือเข็ญใจไร้วงศ์พงศ์พันธุ์ จะรับขวัญเนตรน้องไปครองวัง วาสนาพาพี่มาพานพบ อย่าหลีกหลบผินผันหันหลัง จงพรายแพร่งแจ้งอรรถตามสัจจัง จะขอฟังวาจาเจ้าพาที ฯ ๏ร่าย ฟังคำ นางทำชม้อยถอยหนี พลางนบนอบตอบว่าข้านี้ ชื่อศรีสาหงไร้พงศ์พันธุ์ เดิมสำหรับขับร้องรองบาท เจ้าไกรลาสเลี้ยงไว้ในสวรรค์ ข้าเล่นเพื่อนเชือนเที่ยวเป็นโทษทัณฑ์ จึงสาปสรรให้มาอยู่ป่าดอน ผู้เดียวเปลี่ยวเปล่าทุกเช้าค่ำ อยู่อาศัยในถ้ำที่สิงขร ซึ่งเสด็จเมตตาอาวรณ์ เหมือนบิดรมารดาปรานี จะรับไปไว้วังดังตรัส เกรงจะขัดใจพระมเหสี จะพาลผิดริษยาด่าตี น่าที่ชีวันจะบรรลัย ฯ ๏โอ้ชาตรี สาวสวรรค์ อย่าหวาดจิตคิดพรั่นหวั่นไหว จะถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้ รักใคร่ให้เหมือนเพื่อนชีวัน แม้นเมียหลวงจ้วงจาบหยาบช้า จะฆ่าตีชีวาให้อาสัญ สมบัติวัตถาสารพัน จะมอบขวัญเนตรทั้งวังเวียง เจ้าเคยคู่กุศลส่งให้ พี่จะได้ฟังคำน้ำเสียง ว่าพลางย่างย่องประคองเคียง อย่าหลีกเลี่ยงเมียงเมินสะเทินใจ ขอเชิญเจ้าเข้าวังวันนี้ ได้อยู่ที่แท่นทองผ่องใส พลางพยุงจูงนางมากลางไพร ตรงไปที่ประทับพลับพลา ฯ ฯ เพลง ฯ ๏ ครั้นถึงจึงปลุกพวกเสนี ทั้งโยธีไพร่นายซ้ายขวา พระนั่งเตียงเคียงนางพลางพูดจา ประทานพานสลาให้นารี ฯ ๏ บัดนั้น พวกขุนนางต่างกราบเจ้ากรุงศรี เห็นนางนั่งบนเตียงเคียงภูมี เหมือนรูปผีปีศาจประหลาดใจ จึงทูลถามพระองค์ทรงศักดิ์ หลากนักนางนี้อยู่ที่ไหน เผ่าพงศ์วงศ์วานประการใด โปรดให้นั่งเตียงเคียงองค์ ฯ ๏ เมื่อนั้น พระทรงธรรม์ฟั่นเฟือนเลอะเลือนหลง จึงบัญชาว่านางโฉมยง ลอยลงมาจากฟากฟ้า ทั้งรูปงามนามเพราะเสนาะเสียง สำเนียงในมนุษย์สุดหา เคยคู่กุศลจึงส่งมา เราจะพาไปเลี้ยงไว้เวียงชัย ฯ ๏ บัดนั้น อำมาตย์ราชครูผู้ใหญ่ พิศดูรู้เท่าทูลท้าวไท นางนี้มิใช่ชาวฟากฟ้า เป็นผีสิงหญิงแก่แม่ม่าย สาบแสลงแรงร้ายพรายรักษา จะขอทำน้ำมนต์พ่นมารยา ให้ผีป่าไปจากซากสตรี ฯ ๏ บัดนั้น นางศรีสาหงคนทรงผี ฟังหมอว่าพาโลโศกี มือตีอกร่ำฟายน้ำตา สะอื้นอ้อนวอนองค์ทรงฤทธิ์ พวกข้าเฝ้าเขาคิดริษยา แม้นไปอยู่บูรีชีวา เห็นว่าไม่ข้ามถึงสามวัน ข้าพระจะลาอยู่ป่าเขา ตามพระเป็นเจ้าสาปสรร เชิญพระเสด็จเข้าเขตคัน รำพันพูดจาโศกาพลาง ฯ ฯ โอด ฯ ๏ เมื่อนั้น กรุงกษัตริย์ขัดข้องหมองหมาง กริ้วกราดราชครูดูหมิ่นนาง ว่างผีสางสิงองค์นงเยาว์ กูมิได้ไต่ถามเอาความบอก ชาติชั่วหัวหงอกหลอกเจ้า เหวยเพชฌฆาตเอ็งเร่งเอา อ้ายเฒ่าไปฟันให้บรรลัย ฯ ๏ บัดนั้น องครักษ์ชักดาบก้มกราบไหว้ จิกศีรษะมหาเสนาใน พาไปชายป่าพนาวัน ฯ ฯ เตียว ฯ ๏ บัดนั้น ราชครูผู้ใหญ่มิได้พรั่น ประกาศก้องร้องสั่งคนทั้งนั้น เรากตัญญูจึงโทษถึงตาย ท่านที่อยู่ดูไปเถิดไม่ช้า ทั้งเวียงชัยไพร่ฟ้าจะฉิบหาย เพราะอีผีสิงหญิงร้าย เราต้องตายก่อนกรรมได้ทำมา พอขาดคำร่ำสั่งนั่งนิ่ง ไม่ไหวติงตั้งอารมณ์ก้มหน้า เพื่อนขุนนางต่างคนขอสมา กลั้นน้ำตาไม่ได้ทั้งไพร่นาย ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ บัดนั้น ฝ่ายเพชฌฆาตมาดหมาย ย่างสามขุมกุมดาบเดินกราย หมายที่ท้ายผมฟันลงทันที ฯ ฯ กลองเหม่งโอด ฯ ๏ เมื่อนั้น พระจอมวังคลั่งจิตด้วยฤทธิ์ผี ให้เลิกทัพกลับหน้าเข้าธานี พระชวนศรีสาหงขึ้นทรงช้าง นั่งในกูบทองประคองหัตถ์ ไปเชยชมสมบัติอย่าหมองหมาง โลมลูบจูบกอดชวนพลอดพลาง เพลิดเพลินเดินทางมากลางดง ฯ ๏ ครั้นถึงจึงประทับเกยทอง พระประคองเทวีศรีหงสา นำดำเนินเดินเรียงเคียงองค์ เสด็จตรงเข้ายังวังใน ฯ ฯ เสมอ ฯ ๏ ขึ้นบนมนเทียรเขียนผนัง ให้นางนั่งแท่นทองผ่องใส พิศวงหลงลืมปลื้มใจ เฝ้าลูบไล้เล้าโลมนางโฉมยง ฯ ๏โอ้ชาตรี น้องรัก ผ่องพักตร์ลักขณาศรีสาหง เจ้างามเหมือนเดือนแรมแจ่มวง ทรวดทรงพลิ้วพร้อมกล่อมกลม เจ้าอยู่ถึงไกรลาสวาสนา จำเพาะพามาพบประสบสม จะเล้าโลมโฉมหอมถนอมชม ชื่นอารมณ์ร่วมจิตสนิทใน อย่าเมินเมียงเอียงอายสายสมร จงโอนอ่อนผ่อนจิตพิสมัย พลางขยับจับต้องลองใจ นางปัดกรค้อนให้ไม่ไยดี พระแนบนางพลางว่านิจจาน้อง เฝ้าขัดข้องป้องกันผินผันหนี นางพลิกผลักหนักหน่วงทำท่วงที พระหยอกเย้าเซ้าซี้ปรีดา ฯ ๏ ทรงศักดิ์ อย่ารุกรานหาญหักหนักหนา น้องอุตส่าห์พยายามตามมา จะขอเป็นเช่นข้าฝ่าละออง ด้วยเกินสาวคราวแก่แพ้ผม ไม่ควรคู่ชูชมสมสอง ที่รุ่นราวชาวเมืองเนืองนอง อันรูปร่างอย่างน้องไม่ต้องการ เหมือนเขาเปรียบเทียบความเมื่อยามรัก น้ำผักต้มขมก็ชมหวาน เมื่อจืดจางห่างเหินเนิ่นนาน แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวดู ขอสนองรองบาทเหมือนมาดหมาย อย่าด่วนได้ให้อายอดสู ราชกิจผิดชอบไม่รอบรู้ พระภูวไนยได้เมตตา ฯ ๏โอ้โลม สุดสวาสดิ์ แสนฉลาดน่ารักหนักหนา โฉมเฉลาชาวสวรรค์ชั้นฟ้า จะเป็นข้าอย่าคิดบิดเบือน ถึงทั้งเจ้าเฒ่าแก่แพ้ผม สาวพรหมจารีไม่มีเหมือน อย่าห่วงเหเรรวนชวนเชือน จงเป็นเพื่อนรักพี่ร่วมที่นอน ที่สาวสาวลาวตายพี่คลายรัก ที่เคยคู่รู้หลักไม่พักสอน เขาย่อมว่าปรากฏเป็นบทกลอน กระต่ายแก่แม่ปลาช่อนงอนชด ได้เชยน้องสองผมสมกับพี่ ไม่มีที่ตำหนิกะทิสด พลางกอดเกี้ยวเกลียวกลมภิรมย์รส เหมือนแม่มดเจ้าเข้าเมาสุรา รำฟ้อนอ่นโยนตีโทนรับ เยื้องขยับโยกย้ายซ้ายขวา ความอยากเหล้าเฝ้าดื่มไม่ลืมตา จนผีออกลอกหน้าไหว้อารักษ์ ฯ ฯ โลมปี่พาทย์ ฯ ๏ช้า บัดนั้น นางศรีสาหงกราบทรงศักดิ์ แอบชะอ้อนวอนว่าสามิภักดิ์ น้องซื่อตรงจงรักพระจักรี เหมือนเกือกทองรองบาทมาดหมาย ไม่ม้วยมอดวอดวายไม่หน่ายหนี แม้นขัดเคืองเบื้องหน้าจงปรานี อย่าฆ่าตีชีวันให้บรรลัย ซึ่งทรงเดชเมตตาเอามาเลี้ยง พระคุณเพียงแผ่นฟ้าจะหาไหน ซึ่งสัญญาว่าขานประการใด จงโปรดให้ตลอดอย่าทอดทิ้ง ฯ ๏ลำนำ เมื่อนั้น ท้าวอภัยนุราชปีศาจสิง นางว่าไรให้เห็นเป็นจริง แอบอิงพิงนางพลางพูดจา จะถนอมกล่อมเกลี้ยงไว้เคียงข้าง ไม่ละเมินเหินห่างเสน่หา ไม่ถือโกรธโทษทัณฑ์กัลยา สาวสวรรค์ขวัญตาอย่าปรารมณ์ ร้อยปีพี่ไม่ลืมแม่ปลื้มจิต พลางโอบอุ้มจุมพิตสนิทสนม เพลินพลอดกอดเกยเชยชม จนบรรทมระงับหลับไป ฯ ฯ กล่อม ฯ ๏ช้าปี่ ครั้นรุ่งเช้าท้าวตื่นฟื้นองค์ ให้ลุ่มหลงปลงจิตพิสมัย ลืมเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน มิได้ว่าขานการบูรี ลืมเสวยเลยลืมสรงน้ำ พระพักตร์คล้ำดำหมองเพราะต้องผี ลืมโอรสธิดาลืมมาลี เล่นกับศรีสาหงทรงสกา นางแพ้เสียเบี้ยทับนับแต้ม ต้องเอียงแก้มถวายทั้งซ้ายขวา นางชนะกษัตริย์จัดจินดา ธำมรงค์ลงยาให้นารี ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ช้า เมื่อนั้น นางโฉมยงองค์พระมเหสี ให้ลอบดูรู้ว่าพระสามี ไปได้อีหญิงแก่มาแต่ไพร พระลุ่มหลงปลงจิตพิศวาส ไม่จากอาสน์คลาดนางไปข้างไหน ไม่ว่าขานการบำรุงกรุงไกร หรือท้าวไทถูกฤทธิ์กฤษยา ประหลาดนักจักใคร่ขึ้นไปเฝ้า ดูอีเจ้ายาแฝดแพศยา แต่เกรงท้าวคราวหลงจะสงกา ว่าอิจฉานางเมียจะเสียที จำจะใช้ให้สองหน่อนาถ ไปทูลราชการงานกรุงศรี นางนิ่งนึกตรึกตราเห็นว่าดี เรียกโอรสบุตรีทั้งพี่น้อง ฯ ๏ร่าย มานบนอบหมอบเฝ้าค่อยเล่าเรื่อง ความบ้านเมืองสอนสั่งเจ้าทั้งสอง แล้วแต่องค์ทรงเครื่องให้เรืองรอง ไปปรางค์ทองทูลพระชนกา ฯ ๏ เมื่อนั้น ทั้งสององค์อภิวันท์หรรษา ชวนพี่เลี้ยงสาวสรรค์กัลยา ลีลาขึ้นเฝ้าท้าวไท ฯ ฯ เพลง ฯ ๏ ครั้นถึงจึงค่อยมองเมียง อยู่เพียงม่านทองสองไข เห็นอีเฒ่าเฝ้าอยู่ภูวไนย เข้าเคียงไหล่ลูบต้องกระกองกร ค่อยแหวกม่านคลานเคียงกันพี่น้อง ถึงแท่นทองสุวรรณบรรถร บังคมสมเด็จพระบิดร เห็นภูธรทำยอบหมอบเมิน ฯ ๏ เมื่อนั้น ท้าวไทไหลเล่อเก้อเขิน ออกห่างนางพลางถามตามสะเทิ้น มาหมอบเมินมองหน้าอยู่ว่าไร ฯ ๏ เมื่อนั้น สองกุมารกราบก้มบังคมไหว้ จึงทูลว่ามาเฝ้าท้าวไท ด้วยอาลัยไม่แจ้งแคลงความ ไม่เห็นพระเสด็จออกข้างหน้า พวกเสนาน้อยใหญ่เข้าไต่ถาม ราษฎรร้อนใจดังไฟลาม เพราะถ้อยความมีคู่ความอุทธรณ์ ทั้งตีกลองร้องทุกข์พลุกพล่าน ความโรงศาลเก่าแก่แซ่สลอน ไม่รู้ที่ชี้ขาดราษฎร ยิ่งซับซ้อนเก่าใหม่แน่นในวัง ผู้ชำระจะคอยทูลฉลอง ที่ขัดข้องต้องบังคับรับสั่ง เสนาในใหญ่น้อยเขาคอยฟัง วอนให้ข้ามาบังคมทูล ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ เมื่อนั้น ท้าวไทอภัยนุราชนเรนทร์สูร ค่อนคลายคลั่งฟังเล่าเค้ามูล อนุกูลไพร่ฟ้าเสนาใน จึงว่าพ่อก็เป็นเหน็บเจ็บปวด ให้เขานวดหน้าหลังพึ่งนั่งได้ วันนี้มีแรงจะแข็งใจ ออกไปไต่ถามความพารา แล้วเข้าที่สระสรงทรงเครื่อง รุ่งเรืองระยับวับเวหา ชวนโอรสบุตรีลีลา สาวสรรค์กัลยาตามคลาไคล ฯ ฯ เสมอ ฯ ๏ ออกห้องท้องพระโรงรูจี พระนั่งที่แท่นทองผ่องใส เห็นเสนาข้าเฝ้าท้าวไท คลั่งไคล้ไม่ถามความบูรี เคลิ้มเคล้นเห็นหน้าศรีสาหง ตะลึงหลงปลงจิตด้วยฤทธิ์ผี จึงถามว่าข้าเฝ้าเหล่านี้ เคยมีเมียชู้เคยรู้รัก อันสาวแก่แม่ม่ายหลายอย่าง ใครรักข้างไหนจะใคร่ประจักษ์ กูชอบแก่แม่ม่ายแยบคายนัก รู้หลักยักย้ายได้หลายเพลง ไม่พักเตือนเบือนเห็นก็เป็นได้ รู้จักใจจำเพาะเหมาะเหม็ง มีเมียสาวลาวตายเหนื่อยกายเอง มันโก้งเก้งกูไม่พอใจคบ ฯ ๏ บัดนั้น พวกข้าเฝ้าเจ้าชู้รู้ประจบ ต่างชอบแก่แม่ม่ายแยบคายครบ ท้าวเธอตบเพลาสรวลชวนพูดจา ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ เมื่อนั้น องค์พระมเหสีเสน่หา รู้ว่าองค์พระเสด็จออกเสนา จะขึ้นไปดูหน้าอีกาลี จึงจัดแจงแต่งองค์ทรงเครื่อง รุ่งเรืองจำรัสรัศมี ชวนเหล่าสาวสรรค์ขันที ไปที่มนเทียรวิเชียรรัตน์ ฯ ฯ เพลงช้า ฯ ๏ร่าย ครั้นถึงจึงเผยม่านบัง เห็นนางนั่งบนแท่นเท้าแขนหยัด ดัดจริตกรีดมือกระพือพัด แป้งผัดหน้าขาวเหมือนจาวตาล หน้านิ่วคิ้วผูกจมูกยักษ์ ไม่ควรพระจะรักสมัครสมาน ตาผองสองผมนมยาน ยังโปรดปรานประหลาดหวาดวิญญาณ์ เห็นท่วงทีอีเฒ่าเจ้าเล่ห์ ทำเสน่ห์ยาแฝดแพศยา น้อยหรือนั่งตั้งปึ่งทำขึงตา ไม่พูดจาจองหองจะลองทัก จึงเข้าใกล้ไต่ถามนางงามนี้ นั่งร่วมที่พระองค์ทรงศักดิ์ ทำละเมิดเพลิดเพลินเหลือเกินนัก ไม่รู้จักเราบ้างหรืออย่างไร จะขอถามนามวงศ์พงศ์เผ่า พวกพ้องของเจ้าเป็นชาวไหน ยวนลาวชาวละครหรือมอญไทย บอกให้รู้บ้างอย่าพรางกัน ฯ ๏ บัดนั้น นางผีสิงยิ่งหัวเราะเยาะหยัน แล้วย้อนว่าข้าเจ้าชาวสุพรรณ ไม่รู้ชั้นเชิงเช่นเป็นชาววัง ก็ตัวเจ้าเผ่าพงศ์วงศ์ไหน ชื่อไรไม่บอกออกมั่ง ข้าเคยอยู่สุวรรณบัลลังก์ จะมาบังคับข้าว่าไร ฯ ๏ ได้ฟัง แค้นคั่งดังว่าเลือดตาไหล เหลือที่จะสะกดอดใจ มันฮึกฮักซักไซ้กลับไล่เลียง จึงชี้หน้าว่าแน่อีแก่แรด วาสนายาแฝดพูดแผดเสียง เห็นทรงศักดิ์รักใคร่ใกล้เคียง มาทุ่มเถียงลามเลียมเทียมทัด กูเป็นพระมเหสีเอก ร่วมที่ภิเษกเอกฉัตร มึงชาติข้ามานั่งบัลลังก์รัตน์ เท้าแขนแอ่นหยัดดัดทรง เชื่อดีผีสิงอีกิ้งก่า พูดจาปั้นเจ๋อเห็นเธอหลง ขึ้นนั่งแท่นแม้นดื้อถือทะนง จะถีบส่งลงให้สาใจมึง ฯ ๏ นางเมียหลวง หยามหยาบจาบจ้วงหวงหึง มเหสีชิชะเอะอะอึง ขึ้นกูมึงถึงแรดแผดร้อง ข้ามันอีผีสิงหยิ่งเย่อ จึงดุดันปั้นเจ๋อจองหอง ริษยาว่านั่งบัลลังก์ทอง มาถีบลองดูเล่นก็เป็นไร ตายร้ายตายดีก็ทีหนึ่ง ที่กูจะละมึงอย่าสงสัย แท่นทองของพระภูวไนย ประทานให้ได้อยู่อย่าดูแคลน มิใช่ข้าอาศัยเมื่อไรเล่า ของเราเจ้าล่วงมาหวงแหน จะตีปีกฉีกแหกให้แตกแตน มเหเสือเหลือแสนทำแทนเธอ ฯ ๏ น้อยหรือ จะสู้มือถือดีตีเสมอ จองหองร้องแรกแหกกระเชอ ปากจะเจ่อจริงวะไม่ละมึง เข้าตบตีผีสิงสะบิ้งสะบัด ผลักพลัดตกเตียงเสียงผิง ร้องเรียกเหล่าสาวศรีมี่อึง เข้าหยิกทิ้งทุบปล้ำด้วยกำลัง ฯ ๏ บัดนั้น คนทรงผีตีต่อยไม่ถอยหลัง ต่างยุดยื้ออื้ออึงตึงตัง เสียงอึกทึกทั้งวังใน ฯ ฯ เชิด ฯ ๏ บัดนั้น พวกพระมเหสีตีผลักไส มันกลอกลับรับรองว่องไว เลี้ยวไล่ล้มลุกคลุกคลี ฯ ๏ บัดนั้น ผีสิงยิ่งขยิกไม่หลีกหนี คนเดียวเลี้ยวตลบตบตี ข่วนเทวีอีบ่าวเลือดซาวไป ฯ ฯ เชิด ฯ เจรจา ฯ ๏ เมื่อนั้น พระจอมวังคลั่งคิดพิสมัย เสียงอื้ออึงตึงตังที่วังใน เสด็จจากพระโรงชัยฉับพลัน ฯ ฯ เสมอ ฯ ๏ ขึ้นบนมนเทียรเขียนทอง เห็นหญิงแก่แซ่ซ้องสาวสรรค์ พวกพระมเหสีตีรัน เข้ายืนขวางกางกั้นทันที พลางถามว่าอะไรมิใคร่หยุด อุตลุดฉุดคร่าน่าบัดสี ดูฮึกฮักหนักหนานางมาลี ประเดี๋ยวนี้ก็ได้ขัดใจจริง ฯ ๏โอ้ช้า บัดนั้น นางมารยากาลีผีสิง ทำร้องครางพลางฉะอ้อนวอนวิง พระทอดทิ้งเมียไว้ไม่นำพา เขามากลุ้มรุมตีหนีไม่พ้น เหลือทนจนชีวังจะสังขา จะเลยลับดับสูญขอทูลลา พลางโศกากอดบาทไม่คลาดคลาย ฯ ฯ โอด ฯ ๏ร่าย เมื่อนั้น ท้าวอภัยนุราชหวาดหวั่นขวัญหาย เห็นหอบรวนครวญครางจะวางวาย ประคองเมียเสียดายฟายน้ำตา ฯ ฯ โอด ฯ ๏ เมื่อนั้น มเหสีมีแต่แผลนขา เจ็บแสบแทบจะมรณา ยิ่งโมโหโศกาพาที พระองค์จงแลดูแผลน้อง แขนขนองเลือดซับดังสับสี ทั้งคางคิ้วริ้วรอยมันต่อยตี ร้ายกาจชาติฝีมือมีพิษ ฉะครางร่ำสำออยน้อยหรือนั่น ไหนตัวมันมีแผลแต่สักหนิด พระหลงเชื่อเสือเฒ่าเจ้าความคิด ไม่พินิจผิดชอบเฝ้าปลอบมัน แม้นครั้งนี้มิเลี้ยงตามเยี่ยงอย่าง จะเข้าข้างอีแก่แปรผัน พระองค์จงพิฆาตฟาดฟัน ให้ข้านี้ชีวันวางวาย แม้นเอ็นดูอยู่ว่าเป็นข้าเก่า โทษอีเฒ่าหัวเสือเหลือหลาย ขอใส่บททดแทนที่แสนร้าย อย่าให้อายอดสูชาวบูรี ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ ทรงฟัง ยิ่งแค้นคั่งว่าเหม่มเหสี ไม่ยำเยงเกรงผัวตัวดี มารุมตีเมียข้าด่าทอ ยังจะเอาเขาไปใส่บท ตั้งกฎโกงไว้ศาลไหนหนอ แม้นชำระจะยับต้องปรับพอ เบี้ยรุกเบี้ยก่อหมอความ ที่โทษตัวชั่วช้าไม่ว่ามั่ง ทำลำพังใจเองไม่เกรงขาม ชอบเอาบ่าวข้าที่มาตาม เฆี่ยนถามสามยกผ่าอกมัน ยังไม่ไปให้พ้นบ่นบ้า ประเดี๋ยวนี้ชีวาจะอาสัญ อีผีสิงยิ่งครางไม่ห่างกัน เฝ้านวดฟั้นฟกช้ำลูบคลำไป ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ เมื่อนั้น นางกษัตริย์ขัดข้องไม่ผ่องใส เห็นสามีวิปริตผิดใจ นางครวญคร่ำร่ำไรโศกา ฯ ฯ โอด ฯ ๏โอ้ช้า โอ้ว่าพระองค์ทรงศักดิ์ ช่างลุ่มหลงปลงรักมันหนักหนา เสียแรงน้องรองบาทไม่คลาดคลา ต้องต่ำต้อยน้อยหน้าอีกาลี เหมือนละลดยศศักดิ์อัคเรศ จงห้ำหั่นบั่นเกศเกศี ไม่ขออยู่ดูหน้าชาวธานี ชาตินี้มีกรรมก็จำตาย ต้องกริ้วกราดคาดโทษโกรธแค้น สุดแสนอดสูไม่รู้หาย ร่ำพลางนางทุ่มทอดกาย ฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ ฯ โอด ฯ ๏ร่าย บัดนั้น นางศรีสาหงเห็นหลงใหล แสร้งฉะอ้อนวอนพระภูวไนย ขอลาไปสู่ป่าพนาวัน อยู่ในวังดังไฟใกล้ฝอย จะตบต่อยตีด่าให้อาสัญ เขาเขม่นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ชุ่ยฉันนั่นแน่พระแลดู ฯ ๏ ฟังยุ พระพลอยดุเดือดว่าน่าอดสู กูเห็นแน่แก่ตาต่อหน้ากู แขนชูชุ่ยนางทำอย่างนี้ คอยเขม่นเข่นเขี้ยวเจียวอุเหม่ เจ้าโมโหโวเว้มเหสี ไม่ยำเยงเกรงกลัวถือตัวดี ประเดี๋ยวนี้ก็ได้ถูกไม้เรียว ฯ ๏ ทูลเกล้า พ่อเจ้าประคุณอย่าฉุนเฉียว ช่างเชื่ออีผีสิงจริงเจียว เห็นชุ่ยเห็นเข่นเขี้ยวคอเดียวกัน ฉะหนักหนอตอแหลอีแก่แรด ทำออดแอดอ้อนวอนผ่อนผัน มิยำเยงเกรงองค์พระทรงธรรม์ จะเอาฟันออกจากปากมึง จะข่มขู่กูนั้นอย่ามั่นหมาย ตายร้ายตายดีก็ทีหนึ่ง เฝ้าแต้มเติมเหิมฮึกลึกซึ้ง ไม่แคล้วแล้วมึงแมวพึ่งพระ ฯ ๏ แม่เจ้า จะทำไมทำเข้าเอาซินะ เข้าเคียงนางพลางว่ามาแล้วคะ จะตบจะต่อยทำตามลำพัง ฯ ๏ เหลือกลัว นางจิกหัวตบตีหน้าที่นั่ง อีผีสิงยิ่งร้องก้องดัง ตาทั้งสองบอดทุ่มทอดกาย ฯ ๏ เมื่อนั้น ท้าวไทได้กราดฟาดโฉมฉาย โมโหมาตามัวหวดขรัวยาย ตีรายร้องอึงคะนึงไป ฯ ฯ เชิด ฯ ๏ เมื่อนั้น มเหสีหนีออกข้างนอกได้ พาเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน กลับไปปรางค์มาศปราสาททอง ฯ ฯ เสมอ ฯ ๏ เมื่อนั้น พระภูธนร้อนรนหม่นหมอง พยุงนางวางเตียงเคียงประคอง พลางถามว่าตาน้องเป็นอย่างไร ฯ ๏ บัดนั้น นางผีสิงยิ่งทำร่ำไห้ ปวดนักจักขุปะทุไป แกล้งพิไรคางร้องกุมสองตา ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ เมื่อนั้น พระจอมวังฟังนางครางนักหนา เร็วเร็วเข้าเถ้าแก่บอกเสนา ให้ผูกคอหมอมาอย่าช้าที ฯ ๏ บัดนั้น เถ้าแก่ประณตบทศรี ไปเร่งสั่งข้างหน้าหาหมอดี อยู่ที่ไหนไหนไปเอามา ฯ ๏ บัดนั้น กรมวังทั้งหลายซ้ายขวา ไปเที่ยวผูกคอหมอยาตา ได้มาพาเข้าเฝ้าเจ้านาย ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ เมื่อนั้น จอมกษัตริย์ตรัสสั่งหมอทั้งหลาย ให้รักษายาใส่แม้นไม่คลาย ถูกถองเฆี่ยนเจียนตายหลังลายไป ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ บัดนั้น นางศรีสาหงเห็นหลงใหล ทำมารยาว่ากล่าวกับท้าวไท เพื่อนที่ไกรลาสมาเมื่อราตรี เขาบอกว่าถ้าพระองค์จงรัก ให้ควักเนตรพระมเหสี เอามาใส่นัยน์ตาข้านี้ จะเห็นดีเหมือนดังแต่หลังมา ๏ ทรงฟัง กำลังคลั่งรักหนักหนา จึงว่าบุญแล้วเจ้าแก้วตา เทวาบอกความให้ทรามวัย อีทิพมาลีมันตีน้อง จนจักขุพุพองเป็นหนองไหล โทษหนักจักทำให้หนำใจ ควักตามาใส่ให้เทวี แม้นโฉมฉายหายแน่แลเห็น จะให้เป็นที่พระมเหสี ว่าพลางย่างเยื้องจรลี ออกนั่งที่แท่นโถงพระโรงใน ฯ ฯ เสมอ ฯ ๏ ตรัสเรียกกรมวังมาสั่งว่า โทษอีมาลีหนักถึงตักษัย ตีเมียรักจักขุปะทุไป จะควักตามาใส่ให้นงลักษณ์ ตัวมันนั้นส่งเป็นโขลนจ่า ริบหมดยศถาบรรดาศักดิ์ จะคอยเอาเข้ายาอย่าช้านัก ไปควักลูกตามาไวไว ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ บัดนั้น กรมวังบังคมประนมไหว้ กับท้าวนางต่างพากันคลาไคล ตรงไปปรางค์ปรานางมาลี ฯ ฯ เชิด ฯ ๏ ครั้นถึงจึงทูลนงลักษณ์ สั่งให้ควักแก้วตามารศรี ริบหมดลดถอดเทวี เป็นที่โขลนใช้อยู่ในวัง ฯ ๏ ได้ยิน สุดสิ้นสติตะลึงนั่ง เขาฉุดองค์ลงจากบัลลังก์ กรมวังพร้อมพรักจะควักตา นางอ้อนวอนว่าช้าสักหน่อย ตะโกนเรียกลูกน้อยเสน่หา องค์พระอนันต์นางวรรณา วิ่งมากอดองค์พระชนนี ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ บัดนั้น ท่านท้าวนางต่างว่ามารศรี จะรอช้าข้าเจ้าเหล่านี้ จะมีโทษทัณฑ์อันตราย กรรมของพระแม่แน่นัก สุดที่จักแก้ไขให้หาย พลางผูกหัตถ์มัดเงื่อนไม่เคลื่อนคลาย เจ้าขรัวนายสั่งให้ควักนัยน์ตา ฯ ๏ เมื่อนั้น มเหสีชีวังจะสังขา สงสารพระอนันต์นางวรรณา โศกาครวญคร่ำรำพัน ฯ ฯ โอด ฯ ๏โอ้ปี่ โอ้ลูกแก้วแววตาของแม่เอ๋ย แม่เคยเลี้ยงถนอมจอมขวัญ อยู่กับเจ้าเช้าเย็นได้เห็นกัน ครั้งนี้ชีวันจะบรรลัย ทั้งสององค์จงจำคำสั่ง คอยระวังกายาอัชฌาสัย แม้นขับหนีตีโบยต้องโพยภัย พากันไปพึ่งพระอัยกา แม้นเลี้ยงดูอยู่ดีทั้งพี่น้อง จงปกป้องครององค์ไร้วงศา ฝ่ายน้องรักภักดีฝ่ายพี่ยา พ่ออย่าด่าตีน้องจงครองกัน แม่นี้ชีวิตไม่รอดแล้ว จะคลาดแคล้วแก้วตาม้วยอาสัญ จะเกิดไหนให้สองพี่น้องนั้น ได้กำเนิดเกิดครรภ์ของมารดร แล้วฝากฝังทั้งปวงข้าหลวงใหญ่ แม้นหน่อไทผิดพลั้งช่วยสั่งสอน สงสารลูกผูกใจอาลัยวอน สะอื้นอ้อนโศกาอาลัย ฯ ฯ โอด ฯ ๏ร่าย เมื่อนั้น พระพี่น้องสองราน้ำตาไหล กันแสงพลางต่างกอดพระแม่ไว้ มิให้ผู้ใดควักนัยน์ตา แล้วร้องว่าฆ่าเรานี้เสียด้วย จะสู้ม้วยชีวังสังขา แม้นไม่ประหารผลาญชีวา ไม่ให้นัยนาชนนี ฯ ๏ บัดนั้น ท้าวนางต่างประคองสองศรี ค่อยผันผ่อนวอนว่าพาที ขัดขวางอย่างนี้มีโทษทัณฑ์ ถ้าเพ็ดทูลฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด ต้องรับราชอาชญาอาสัญ แม้นพี่น้องสองราพากัน ไปทูลขอโทษทัณฑ์พระมารดา ถ้าออกโอษฐ์โปรดให้ไม่ม้วย ได้ช่วยชนนีดีหนักหนา จะรอรั้งยังไม่ควักนัยน์ตา ทั้งสององค์จงพากันคลาไคล ฯ ๏ เมื่อนั้น พระพี่น้องสองทรงกันแสงไห้ สวมสอดกอดองค์พระแม่ไว้ ครวญคร่ำร่ำไรโศกา ฯ ๏โอ้ปี่ โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกเอ๋ย พระองค์เคยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรักษา แม้นพระชนนีสิ้นชีวา ลูกยาจะอยู่กับผู้ใด พระบิตุรงค์หลงเมียเสียแล้วจ้ะ จะเหมือนพระชนนีลูกที่ไหน จะอดอยากยากเย็นจะเห็นใคร ลูกเปลี่ยวใจไม่อยู่จะสู้ตาย ใครใครไปทูลเถิดว่าข้า สงสารมารดาไม่รู้หาย ถ้าแม้นว่าตาบอดคงวอดวาย จะขอตายด้วยพระชนนี จะทูลขอก็เห็นจะไม่ให้ แค้นใจน้อยหน้าอีทาสี อย่าช้าอยู่ผู้รับสั่งทั้งนี้ เร่งฆ่าตีชีวันให้บรรลัย พระแม่จ๋าอย่าอยู่เลยพูคะ ตายเถิดจ้ะประเสริฐไปเกิดใหม่ ลูกดูแม่แลดูลูกผูกใจ สะอื้นให้ไม่วายฟายน้ำตา ฯ ฯ โอด ฯ ๏ร่าย บัดนั้น กรมวังทั้งขรัวนายซ้ายขวา สงสารคำรำพันจำนรรจา ต่างปรึกษาว่าจะทำกระไร หน่อกษัตริย์ขัดขวางอย่างนี้ ไม่รู้ที่จะควักจักขุได้ จะฉุดลากพรากเธออำเภอใจ ก็เกินไปไม่ควรลวนลาม เหมือนหลบลู่ดูถูกลูกหลวง ลามล่วงจ้วงจาบหยาบหยาม ที่ขัดข้องต้องทูลมูลความ สุดแต่ตามจะโปรดโทษทัณฑ์ ปรึกษาพลางทางพากันมาเฝ้า ก้มเกล้ากราบกลัวตัวสั่น ทูลถามตามจริงทุกสิ่งอัน กล่าวโทษพระอนันต์นางวรรณา ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ ได้ฟัง ค่อยคลายคลั่งยังรักหนักหนา ไหนลูกกูอยู่ไหนทั้งสองรา กับแม่มันนั้นพามาไวไว ฯ ๏ บัดนั้น กรมวังฟังตรัสกราบไหว้ ต่างวิ่งมาหาสองหน่อไท จูงไปทั้งองค์นงเยาว์ ฯ ๏ เมื่อนั้น มเหสีวิโยคโศกเศร้า เห็นคลายโกรธโทษทัณฑ์บรรเทา คลานเข้าไปกราบกับบาทา ฯ ฯ โอด ฯ ๏โอ้ปี่ โอ้พระผ่านเกล้าเจ้าประคุณ เคยพึ่งบุญอุ่นเกศเกศา แต่รุ่นราวสาวหนุ่มคุ้มชรา ไม่ข้องขัดอัชฌาพระสามี มาเกิดเข็ญเป็นเคราะห์เพราะวิวาท ให้ขุ่นเคืองเบื้องบาทบทศรี เพราะเบาจิตผิดพลั้งครั้งนี้ พระภูมีจงโปรดยกโทษทัณฑ์ ถ้าแม้นควักจักขุปะทุบอด เหมือนม้วยมอดชีวาอาสัญ จงโปรดไว้ให้มีชีวัน อยู่เลี้ยงเจ้าอนันต์กับวรรณา พระองค์จงคิดถึงเมียมั่ง มาไกลทั้งบิตุรงค์วงศา พระชุบย้อมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมา ไม่นิราศคลาดคลาฝ่าธุลี ถึงมิเลี้ยงเคียงองค์พระทรงเดช ใช้เช่นเป็นวิเสทโรงสี สะอื้นอ้อนวอนว่าพระสามี โศกีกอดบาทไม่คลาดคลา ฯ ฯ โอด ฯ ๏ร่าย ฟังวอน กระกองกรแก้มัดหัตถา ค่อยคลายคลั่งนั่งเคียงขอสมา ให้คงว่าที่พระเสาวนีย์ ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ บัดนั้น นางศรีสาหงรู้เพราะหูผี ทำครางร้องมองมาเตือนสามี ไม่ปรานีน้องบ้างหรืออย่างไร จะขอแก้วแววตาทำยายอด ให้หายบอดชื่นแช่มแจ่มใส พลางเคียงเข้าเป่ามนต์ให้ดลใจ พระกลับคลั่งสั่งให้ควักนัยน์ตา ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ บัดนั้น กรมวังฟังตรัสผูกหัตถา จะจูงไปให้ห่างนางพญา ร้องทูลอ้อนวอนว่าจาบัลย์ ฯ ฯ โอด ฯ ๏โอ้ร่าย โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว โปรดแล้วกลับฉุนหุนหัน แม้นเนตรน้องต้องประสงค์ทรงธรรม์ ถึงชีวันบรรลัยไม่เสียดาย จะควักไปให้อีผีสิง น้อยหน้าจริงเจ็บใจไม่รู้หาย ถึงแสนชาติคลาดแคล้วเกิดแล้วตาย ไม่เคลื่อนคลายวายแค้นแสนทวี พระองค์สงสารกับบุตรบ้าง จะอ้างว้างทั้งสองหมองศรี เห็นกับพระชนกชนนี ได้ฝากฝังครั้งนี้ขอชีวี ไว้ชีวิตคิดมั่งสักครั้งหนึ่ง อย่ามึนตึงขึ้งโกรธโปรดเกศา เขาลากฉุดหยุดยั้งรั้งรา สะอื้นอ้อนวอนว่าโศกาลัย ฯ ฯ โอด ฯ ๏โอ้ช้า เมื่อนั้น พระพี่น้องสองราน้ำตาไหล กราบบิดรวอนทูลท้าวไท พระบิตุรงค์จงได้โปรดปราน ถึงแม้นพระมารดาตาบอด จะม้วยมอดมั่นคงน่าสงสาร ลูกเปล่าใจไร้พงศ์วงศ์วาน ขอประทานโทษพระชนนี มิโปรดเกล้าเอาลูกฆ่าเสียด้วย ไม่ขออยู่สู้ม้วยไปเป็นผี เห็นสุดคิดบิดาไม่พาที ต่างโศกีกลิ้งเกลือกเสือกกาย ฯ โอด ฯ ๏ ฟังวอน พระทัยอ่อนอาลัยจิตใจหาย สมประดีมีมั่งคลั่งคลาย กลับเสียดายกัลยาอาลัย เรียกตำรวจเหวยพากลับมานี่ ครั้นอีผีเป่าองค์เคลิ้มหลงใหล กลับเคืองขัดตรัสว่าพามาไย เอาตัวไปควักตาเสียอย่าฟัง ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ บัดนั้น พวกโขลนจ่าว้าวุ่นรุนหน้าหลัง ฉุดคร่าพานางไปกลางวัง พระลูกทั้งสองวิ่งเข้าชิงไว้ พวกท้าวนางต่างเหนี่ยวหน่อกษัตริย์ กอดกระหวัดไว้สิ้นดิ้นไม่ไหว ต่างผูกมัดรัดองค์อรไท ยุดไว้ให้ตึงตรึงตรา แล้วแขวะควักจักขุเลือดพุพลุ่ง นางสะดุ้งร้องกรีดหวีดผวา เอาพานทองรองแก้วแววตา นางพญาเสือกซบสลบลง ฯ ฯ โอด ฯ ๏ เมื่อนั้น พระหน่อไททั้งสองร้องเสียงหลง เขาละวางต่างชิงกันวิ่งตรง เข้าสวมสอดกอดองค์ชนนี เห็นเลือดนองสองตาซ้ายขวาบอด ระทวยทอดทุ่มอกชกเกศี สงสารแม่แน่นิ่งยิ่งโศกี ครวญคร่ำร่ำพิรี้พิไรไป ฯ ฯ โอด ฯ ๏โอ้ปี่ โอ้สงสารมารดาตาบอด เลือดยังฟอดฟูมโซมชโลมไหล ช่วยไม่ทันมันฉุดยุดไว้ ไม่เห็นใจเจ้าคุณสิ้นบุญแล้ว ลูกแลเหลียวเปลี่ยวจิตสุดคิดอ่าน สิ้นวงศ์วานว่านเครือเชื้อแถว จะเกิดอื่นหมื่นชาติอย่าคลาดแคล้ว ให้ลูกแก้วเกิดครรภ์พระมารดร ได้เคยเห็นเย็นเช้าเจ้าประคุณ พระการุญรับขวัญรำพันสอน ถนอมเลี้ยงลูกยาไม่อาทร จะนั่งนอนเป็นสุขทุกเวลา ลูกจะใคร่ได้ม้วยด้วยพระแม่ สงสารแต่น้องรักหนักหนา พลางสวมกอดพลอดกันจำนรรจา แม่วรรณาหนะม้วยเสียด้วยกัน ขนิษฐาว่าจ้ะจะตายด้วย เป็นเพื่อนม้วยช่วยพาฉันอาสัญ แล้วพี่น้องสองราร่ำจาบัลย์ สะอื้นอั้นอ่อนซบสลบไป ฯ ฯ โอด ฯ ๏ บัดนั้น หลวงแม่เจ้าเถ้าแก่เข้าแก้ไข ขรัวนายนั้นพรั่นตัวกลัวภัย เชิญพานใส่แก้วตารีบมาพลัน ฯ ฯ เสมอ ฯ ๏ ครั้นถึงจึงประคองพานทองตั้ง ถนอมพระจอมวังนรังสรรค์ แล้วทูลความตามจริงทุกสิ่งอัน สามองค์นั้นแน่นิ่งไม่ติงองค์ ฯ ๏ เมื่อนั้น ท้าวไทได้ของต้องประสงค์ ยกพานไปในห้องทองผจง ตั้งให้ศรีสาหงนงลักษณ์ ฯ ฯ เจรจา ฯ ๏ บัดนั้น นางสาหงทรงผียินดีนัก ทำเสกใส่นัยน์ตาฤทธิ์อารักษ์ ให้ท้าวเห็นเป็นจักขุคืนดี ฯ ๏ เมื่อนั้น พระจอมวังนั่งชมนางโฉมศรี มาพบเห็นเป็นเมียมิเสียที ได้เทวีชาวสวรรค์ชั้นฟ้า พระเนตรน้องสองข้างสว่างแล้ว ดูผ่องแผ้วผิวพักตร์นวลหนักหนา พลางกอดเกี้ยวเกลียวกลมภิรมยา จนโพล้เพล้เวลาราตรี ฯ ฯ โลมปี่พาทย์ ฯที่มา : รวมนิทานบทเห่กล่อม และสุภาษิต ของ สุนทรภู่ . พิมพ์ครั้งแรก . กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์หัตถศิลป์ , 2529หมายเหตุ กรมศิลปากรจัดพิมพ์เผยแพร่เพื่อร่วมโครงการฉลอง 200 ปี กวีเอกสุนทรภู่ พุทธศักราช 2529
Create Date : 28 พฤษภาคม 2550
Last Update : 28 พฤษภาคม 2550 1:09:29 น.
22 comments
Counter : 13098 Pageviews.
โดย: โดจัง IP: 203.188.57.128 วันที่: 9 มิถุนายน 2550 เวลา:11:08:36 น.
โดย: love pik IP: 202.91.18.192 วันที่: 8 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:30:19 น.
โดย: การ์ตูน IP: 125.27.148.238 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:39:26 น.
โดย: เด็กระยองค่ะ IP: 125.27.76.31 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:47:39 น.
โดย: หมาหมุ้ย IP: 125.27.76.31 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:48:45 น.
โดย: นายงงจัง IP: 125.25.122.51 วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:12:05:46 น.
โดย: ...คนหนึ่ง IP: 124.121.181.4 วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:19:31:35 น.
โดย: พลอย IP: 61.19.238.195 วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:15:03:01 น.
โดย: มิว IP: 180.180.85.197 วันที่: 18 มิถุนายน 2553 เวลา:17:22:34 น.
โดย: เบล IP: 124.121.67.205 วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:15:16:06 น.
โดย: จามอง IP: 125.26.186.177 วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:22:43:43 น.
โดย: กันยา IP: 118.173.126.170 วันที่: 12 มิถุนายน 2554 เวลา:18:30:15 น.
โดย: เกด IP: 118.173.126.170 วันที่: 12 มิถุนายน 2554 เวลา:18:30:49 น.
โดย: เกด IP: 118.173.126.170 วันที่: 12 มิถุนายน 2554 เวลา:18:31:55 น.
โดย: น้องนุ่น&น้องเกด IP: 125.26.141.247 วันที่: 18 มิถุนายน 2554 เวลา:12:41:10 น.
โดย: ฮิโตจัง IP: 125.26.187.148 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:8:59:58 น.
โดย: monori IP: 49.48.137.219 วันที่: 29 พฤษภาคม 2555 เวลา:19:12:45 น.
โดย: kingkadong IP: 223.206.232.30 วันที่: 29 มิถุนายน 2555 เวลา:21:31:06 น.
โดย: maa IP: 27.55.10.10 วันที่: 10 กรกฎาคม 2555 เวลา:18:25:53 น.
โดย: oa IP: 202.29.14.233 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:7:44:28 น.
โดย: นิทานไทย IP: 1.4.175.248 วันที่: 23 พฤษภาคม 2556 เวลา:17:31:26 น.
โดย: ศศิธร IP: 118.173.23.151 วันที่: 19 สิงหาคม 2557 เวลา:17:46:38 น.
Location :
สงขลา Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [? ]
I do my thing and you do your thing. I am not in this world to live up to your expectations, And you are not in this world to live up to mine. You are you, and I am I, And if by chance we find each other, it's beautiful. If not, it can't be helped. (Fritz Perls, 1969)
เพราะมากกกกกกกกกเลย