มิถุนายน 2560

 
 
 
 
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
 
 
28 มิถุนายน 2560
All Blog
ยอมโง่..อีกครั้ง..






 แม้ภายใต้สีสันอันสดใสที่กำลังฉาบทาโลกใบนี้ จะทำให้สรรพสิ่ง น่าชม น่ามองแค่ไหน..

หรือมันจะเป็นแค่ภาพสีขาว ดำ ขุ่น มัว จืดจาง จากมุมมองของสายตาของใครบางคน..

แต่ความจริงที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตคนเราก็คือ..


เราทุกคนต่างก็กำลังเหยียบยืนอยู่บนพื้นแผ่นดินเดียวกัน

เราอยู่อาศัยบนโลกใบเดียวกัน..

เราต่างก็ สูดดมก้อนอากาศก้อนเดียวกัน..


ความสมดุลของชีวิต จึงไม่ใช่แค่การ มีหรือไม่มี

แต่กลายเป็นเรื่องของการ ให้และแบ่งปัน แม้ในสิ่งที่เรา มีแต่ไม่เคยรู้ว่าเรามีมันอยู่..

ซึ่งกันและกัน..


โลกของบางคนช่างแสนสวยงามสดใส

แต่ในโลกของอีกคนกลับ โหดร้าย ทารุณ และช่างอยุติธรรม..!!


เราต่างก็กำลัง หลงรัก และในอีกฝากหนึ่งก็กำลัง เกลียดชังโกรธแค้น โลกใบเดียวกัน

ดังนั้น โลกในอุดมคติ ที่ทุกคนจะรักและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จึงไม่เคยมีจริง..



โมหะความหลงผิด หรือ ความไม่รู้

หรือจะเรียกกันง่ายๆในความหมายกลางๆว่า ความโง่ นั้น

กลายเป็นเรื่องที่พาเราเข้าไป หลงรักหลงชัง สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเราไม่หยุดหย่อน


ความโง่ ในที่นี้ไม่ได้หมายความถึง ความไม่มีการศึกษา การร่ำเรียนมาน้อย

หรือการ ตกโลก จากการพัฒนาเทคโนโลยีแต่อย่างใด..

แต่หมายถึง ความไม่รู้ว่า ความเป็นจริงของสรรพสิ่ง คืออะไรต่างหาก

ดังนั้นแม้คนที่เรียนจบระดับด๊อกเตอร์ ก็สามารถ โง่ได้ ในความหมายดังกล่าว


ใช่แล้ว.. หากเราไม่เคยเข้าไปเรียนรู้ความเป็นจริงของชีวิตเลย

ต่อให้เรามีความฉลาดทางโลกระดับอัจฉริยะ ก็ยังนับว่าเป็น คนโง่สามัญ คนหนึ่ง

เพราะ คนโง่ เหล่านี้ยังสามารถก่อความเดือดร้อนวุ่นวายให้กับตนเองและคนอื่นๆได้ตลอดเวลา



ความรู้กับปัญญา จึงยังเป็นคนละเรื่องกันสำหรับเรา



ยอมรับความจริงกันเสียเถิดว่า

ตั้งแต่เกิดมาเรายังไม่เคย หายโง่ กันเด็ดขาดสักที..

อย่างเก่งก็ เป็นๆหายๆ  หายโง่ทีก็ฉลาดที และสุดท้ายก็กลับไปโง่ใหม่ในเรื่องเดิมๆ..


ในเมื่อโลกนี้ยังสวยงามและน่าสะอิดสะเอียน

แต่เราก็ยังหลงวนเวียนในวังวนประสาคนมืดบอด

เกิดมาก็พร้อมที่จะโง่อยู่แล้ว 

แต่ก็ยังดีที่ยังมีโอกาส หายโง่ กับเขาเหมือนกัน ถ้า..

ยอมรับว่าตนเอง รู้ตนเองอย่างจริงใจว่า ฉันโง่จริง ฉันยังหลงจริง และเบื่อหน่ายกับมันเต็มที



พระศาสดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทรงชี้แจงให้เห็นโทษของความไม่รู้ที่ชักนำให้เราต้องมาวนเวียนว่ายไม่รู้จบ

การ มองเห็นและเข้าใจแจ่มแจ้งใน ลักษณะทั้งสามของสรรพสิ่ง 

ที่เรียกว่า ไตรลักษณ์

จึงเป็นเหตุทำให้เราหายโง่ได้จริงๆเสียที


อนิจจัง ความไม่เที่ยง ความแปรปรวนไป ความไม่แน่นอน

ทุกขัง ความทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ต้องเดินหน้าสู่ความแตกดับ ไม่มีเหลือ

อนัตตา ความไม่มีตัวตน ทุกสิ่งล้วนเป็นของที่ประกอบกันขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว บังคับบัญชาไม่ได้เลย


คนมี ปัญญา จึงจะสามารถมองออกแทงทะลุ และวางใจปล่อยวางได้อย่างแนบเนียน

แต่คน ฉลาด ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้จริง..


ก็โลกนี้มีความรู้ให้เราเลือกเรียนมากมาย เสมือนใบไม้ทั้งป่า สุดแท้แต่จะไข่วคว้า

แต่มีความรู้เพียงไม่กี่อย่าง ที่จะทำให้เรา หายโง่ จากเกมชีวิตได้จริง..



ก็ในเมื่อมีโอกาสได้เกิดมาเรียนรู้ชีวิต เรียนรู้โลกแล้วครั้งหนึ่ง

ก็ในเมื่อเราได้มีโอกาสได้ลองถูกลองผิดมานับไม่ถ้วนแล้ว

ในเมื่อเรายังต้องมีชีวิตอยู่กับ โลกสองด้าน สุขทุกข์ ลำบากสบาย ฟูแฟบ อยู่ทุกวี่วัน



หากมันจะต้องเป็น ไอ้หน้าโง่ สักร้อยครั้งพันครั้ง เพื่อที่จะได้เป็นคนฉลาดกับเขาสักหน

ก็จะยินดีที่จะ ยอมโง่อีกสักครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะไม่ต้องกลับมาโง่อีก

จะยอมเสียสละเวลาของชีวิต ที่ไม่รู้ว่าจะดับสวิทซ์ลงวันไหน

มาเรียนรู้ วิชาแก้โง่ กันสักครั้ง  ก็นับว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มที่ได้เกิดมา..




ขอขอบคุณเจ้าของรูปสวยๆทุกรูปครับ




Create Date : 28 มิถุนายน 2560
Last Update : 30 มิถุนายน 2560 18:19:30 น.
Counter : 3279 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]