พฤษภาคม 2558

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
28
29
30
31
 
 
All Blog
เกลียด..ตัวเองหนักมาก..!!
ช่วงนี้บ้านเราเริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว.. ก็ดูแลสุขภาพตัวเองกันหน่อยก็แล้วกันนะครับ


ไม่ว่าฤดูกาลจะหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปกี่ปีกี่ครั้งกี่หน

แต่สิ่งที่เราท่านทั้งหลายแทบไม่ได้เคยนึกถึงเลยก็คือ เราแก่ขึ้นอีกปีแล้วนะ..

เมื่อฤดูกาลร้อน ฝน หนาว ต่างดาหน้าเข้ามาทักทายเราทุกๆปี คล้ายๆกับจะมา สกิดหัวไหล่เราเบาๆ

ว่า เห็นไหมว่าไม่มีอะไรต่อต้านความเปลี่ยนแปลงได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันย่อมหมุนเวียนไปตามวัฎจักร

ของมัน ธรรมชาติมันสอนเราโดยไม่ใช้คำพูดใดๆ แต่มันให้เราน้อมใจเข้าไปศึกษามันเอง..



ครับ เวลาของเราเหลือน้อยแล้ว..

เราเคยคิดไหมว่าเราจะยังอยู่บนโลกใบนี้ได้อีกนานสักเท่าไหร่กัน..?

ไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายนะครับ 

แต่อยากจะบอกว่า  ในเมื่อเวลาอันมีค่าของเราเหลืออยู่น้อยแล้ว

เราได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์จริงๆ ให้กับชีวิตของเราแล้วหรือยัง..?


คำว่าทำประโยชน์ต่อชีวิต หากมองในความหมายแบบโลกๆ ก็คงไม่แตกต่างกัน

ไม่ว่าจะเป็นชนชาติ ศาสนา พูดภาษาใด..

นั้นคือการเรียนรู้ การศึกษาเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตให้มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ลำบาก

นั้นหมายรวมถึงการแสวงหาความร่ำรวย และ การประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน


ครับ ไม่ว่าใครก็อยากจะรวยและมีความสุข ด้วยกันทั้งนั้น..

จึงต้องดิ้นรน เสาะแสวงหา ไข่วค้วา กันไม่รู้จบ..


ส่วนคำว่าประโยชน์แท้ๆของชีวิต ในมุมมองของ พระสัทธรรมความจริง

กลับมองในแนวของความ เข้าใจชีวิต เข้าใจธรรมชาติของสิ่งต่างๆ..

ว่าทั้งหลายทั้งมวล มันก็แค่นั้น.. 

มีเงินเป็นพันเป็นหมื่นล้าน มันก็แค่นั้น ช่วยให้พ้นทุกข์ทางใจไม่ได้..

เพราะวางไม่ได้ คิดว่าเข้าใจว่า หากปล่อยมือเมื่อไหร่ มันจะพังเมื่อนั้น..

จึงต้องเก็บกอดเอาไว้ให้นานที่สุด จนลมหายใจสุดท้ายนั้นแหละ..

ซึ่งก็ไม่รู้ว่า จะปล่อยวางมันได้จริงๆหรือเปล่า..



คนที่เริ่มรู้ตัวเองว่า ตายหล่ะ เราเอาเวลาที่เหลืออยู่น้อยแล้วของเราหมดไปกับอะไรนี่..?

เริ่มรู้ถึงความ อำมหิต ของทรัพย์สินเงินทองที่มันไม่เคยรักเราจริง..

เราตายเมื่อไหร่มันก็ทอดทิ้งเราอย่างไม่ใยดี..   ทั้งที่เราทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งชีวิต

เอามันมากอดอยู่ในอ้อมอกแบบเลือดตาแทบกระเด็น..

จนบางที่ถึงกับหลงลืมคนใกล้ตัวไปเสียนี่..  ขอเวลาหาเงินก่อน..


เริ่มเห็นริ้วรอยบนใบหน้า ที่มันร้องตะโกนใส่หน้าเราอยู่ในกระจกว่า เฮ้ย..แก่แล้วนะเรา..

คนฉลาดก็เข้าใจและยอมรับความเป็นจริง.. เออ มันก็แค่สังขารนะ

ส่วนคนโง่ก็ พยายามต่อต้าน และ หลอกตัวเอง โดยการพอก ดึง โปะ เสริม โกย

หวังจะให้มันเต่ง มันตึง มันเด้ง เหมือนเดิม.. 

ยอมทนเจ็บ ยอมทนจ่าย เพื่อแลกกับสิ่งที่ไม่คงทนถาวร ลงทุนกับของชั่วคราว..


คนที่เข้าใจความสำคัญของเวลา เข้าใจความแปรปรวนของชีวิต

ก็จะเริ่มปล่อยวางทรัพย์นอกกาย หันมาดูแลทรัพย์ในกาย แทน

หันมาเอาประโยขน์ของความเป็นมนุษย์ที่ได้เกิดมา  

ที่มีอะไรมากกว่า กิน นอน เสพกาม ไปวันๆ..

หันมาลงทุนกับ ทรัพย์ภายใน มาดูว่าชั่วชีวิตที่ผ่านมาเราใช้มันไปเท่าไหร่แล้ว..?

เคยหามาเพิ่มเติมให้พอกพูน เหมือนกับทรัพย์ภายนอกหรือไม่..?



เริ่มสังเกต ทรัพย์ภายใน ที่มันอยู่ในจิตใจตามความเป็นจริง

เมื่อไหร่ที่ เราโลภ เราจ่ายทรัพย์ภายในออกไปหนึ่งครั้ง..

เมื่อไหร่ที่เรา โกรธ เราก็จ่ายทรัพย์ภายในออกไปอีกหนึ่งครั้ง..

และเมื่อไหร่ที่เรา หลง ด้วยรักด้วยชัง เราก้ต้องควักทรัพย์ภายในออกไปอีก..

ลองคิดดูว่า วันๆหนึ่งเรามีอาการ โลภ โกรธ หลง กี่ครั้งต่อวัน..

จ่ายทรัพย์ภายในไปเท่าไหร่..  บางคนแทบหมดกระเป๋า..ขาดทุนยับเยิน..

แถมเป็นหนี้เป็นสินคนอื่นที่เราเผลอไปเบียดเบียนเขาอีกบานเต..


คิดในทางกลับกัน ..

หากวันหนึ่งเรารู้ตัวว่าเรากำลังโกรธ.. แล้วเอาชนะความโกรธนั้นได้

จะด้วยเมตตาหรือการให้อภัยทานก็ตามแต่.. วันนั้นเราเก็บทรัพย์ภายในเข้ากระเป๋าหนึ่งครั้ง..


หากวันนี้เรารู้ตัวว่าเรากำลังเล็งโลภ อยากได้จนใจสั่นไปหมด แต่เราชนะความโลภนั้นได้

จะด้วย ทาน หรือ ขันติ ก็ถือว่าเราได้เก็บทรัพย์ภายในเข้ากระเป๋าใจได้อีกครั้ง..


หากวันนี้เรากำลัง หลง กับอะไรที่มันหลอกหูหลอกตาเรา แล้วเราเอาชนะความหลงนั้นได้

ด้วย ปัญญา หรือ การพิจารณาตามเหตุตามผลจนแจ่มแจ้ง แทงตลอด 

ครับ เราเก็บทรัพย์ภายในได้อีกแล้ว..


คนที่ภายนอกดูเหมือนร่ำรวย แต่ภายในอาจจะจนกระจอกกว่าคนเก็บขยะก็ได้..

คนที่ภายนอกดูยากจน เข็ญใจ แต่ทรัพย์ภายในอาจรวยกว่า บิลล์ เก็ตต์ ก็ได้นะครับ..



คนที่เริ่มจะหันมาดูและทรัพย์ภายในในช่วงแรกๆ ก็มักจะมีอาการ เกลียดตัวเองอย่างหนัก..

เพราะควักสตางค์หัวใจจ่ายให้กับ โลภ โกรธ หลง  จนถี่ยิบ..

แทบไม่มีโอกาสได้เก็บทรัพย์ภายในเข้ากระเป๋าเลย.. จ่ายอย่างเดียว..

จนเริ่มเห็นบ่อยๆ นั้นแหละ จึงจะเริ่มปรับสมดุลย์ได้บ้าง..

กว่าจะเริ่มทำบัญชีรับจ่ายหัวใจให้เป็นบวกกันได้ ก็ต้องเหนื่อยกันหน่อย..


บอกกันนิดหนึ่งครับว่า การสะสมทรัพย์ภายในให้พอกพูนให้เจริญขึ้นนั้น

ไม่ใช่เพื่อหวัง สวรรค์วิมาน หวังภพหวังชาติหน้าที่สุขสบายกว่าเดิมนะครับ..

หากตั้งเป้าหมายไว้เช่นนั้นก็ เป็นการ เล็งโลภสวรรค์ วิมาน ผิดวัตถุประสงค์ครับ..

แต่เป็นการทำไปเพื่อ ขัดเกลาตนเอง ขัดเกลาจิตใจ ที่หยาบกระด้าง ให้สะอาด

เพื่อรองรับ ความเป็นธรรมดาถึงที่สุดของชีวิต ให้ได้ภายในชีวิตนี้..

นั่นคือการ หยั่งลงสู่กระแสพระนิพพาน

อันเป็นประโยชน์สุงสุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ในชีวิตนี้..

ซึ่ง สวรรค์วิมาน ก็เทียบไม่ได้ เป็นแค่ของปลอมอีกเช่นกัน..


ครับ ในหน้าฝนนี้ ก็ขออย่าให้ ทรัพย์ภายในของเราหลุดลอยเลี่อนไหลไปกับสายน้ำ..

ส่วนของภายนอกก็ต้องปล่อยมันไปหากมันเกินกำลังฉุดรั้งเอาไว้..

รักษา ทรัพย์ภายในให้มั่นคงไม่สั่นคลอน ไปกับธรรมชาติที่มันเปลี่ยนแปลงเลย

เพราะมันเข้าใจแล้วว่า ก็แค่นั้น..

สวัสดีครับ..







ขอขอบคุณเจ้าของภาพสวยๆทุกภาพครับ




Create Date : 27 พฤษภาคม 2558
Last Update : 28 พฤษภาคม 2558 7:54:30 น.
Counter : 2093 Pageviews.

2 comments
  
เข้ามาอ่าน... อ่านเพลิน เลยเข้าไปอ่านย้อนหลัง อ้าวนี่เขียน
เรื่อง "ธรรมชาติ" จิตใจของคน ก็ ธรรมมะนี่นา..

แต่มาแนวแปลกดี ชวนอ่านครับ ผมเลย อมยิ้ม เพราะความ
เคยชิน

และคงมีคนพูดว่า คนนี้แปลก หรือไม่ปกติแน่ เดินอมยิ้มคนเดียว

ผมเอง เคยสงสัยตัวเองนะครับ 555 เดินไปไหน มีแต่คนยิ้ม
ให้.... วันหนึ่งเดินไปแถวซีคอน เห็นรูปเงาตัวเอง ยิ้ม... เลยรู้
ว่า ใบหน้ายิ้มนี่เอง... คนผ่านมาเลยคิดว่า ยิ้มให้เลยยิ้มตอบ

โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 28 พฤษภาคม 2558 เวลา:4:47:14 น.
  
ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่านกัน..

ก็พยายามเขียนเรื่องราวให้อยู่ในกรอบของกายและใจของเรานี่แหละครับ
ตามกำลังสติปัญญาที่มี..

หากบทความใดที่ทำให้ผู้อ่าน อ่านแล้วเกิด สัมมาทิฐิ ได้ก็ขอ อนุโมทนา ด้วยครับ

ขอบคุณครับ
โดย: นายสมมุติ วันที่: 28 พฤษภาคม 2558 เวลา:7:51:53 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]