6 Nov 08==> 94 Kg จาก 110 Kg(ส้นเท้าอักเสบ&น้ำหนักขึ้น) สวัสดีค่าเพื่อนๆทุกคน กลับมาลั้นลาอีกรอบ จริงๆก็ลั้นลาไม่ได้เลยเพราะทานเยอะ น้ำหนักขึ้นอีกต่างหาก 1 กิโลกรัมแน่ะคะ สองวันมานี้ขอบอกว่าทรมานกับการปวด ส้นเท้ามากเลย เพื่อนคนไหนที่เป็น จะรู้ดีเลยว่ามันทรมานขนาดไหน อาการก็คือ เวลาเดินจะไม่ปวดเท่าไร แต่ถ้าหยุดเดินนานๆ หรือไม่ก็หลังจากตื่นนอนแล้วเอาส้นเท้าแตะพื้นล่ะก็เพื่อนขา ขอบอกทรมานแทบร้องไห้ เจ็บปวดรวดร้าวมะนาวเรียกพี่(เกี่ยวกันไม๊นี่) สองวันนี้รุนแรงมากคะ วันนี้ไปฟิตเนสมามันก็เลยพากันปวด แบบตุ๊บๆๆ อยู่ที่ส้นเท้าทนไม่ไหวต้องไปหาหมอเลย ก้ได้ยาแก้อักเสบมา กับ ที่รองส้นเท้าไว้ในกับรองเท้ากีฬา หมอแนะนำว่าให้แช่น้ำอุ่นทุกวันแล้วก็นวดๆ ด้วย จะลองทำดูสาธุขอให้หายทีเถิ๊ดดด ว่าแล้วก็ไม่ลืมจะหยิบลายละเอียดของโรคนี้มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันเป็นสาระเล็กๆ น้อยๆคะ
อาการปวดส้นเท้า อาการปวดส้นเท้า อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อเท้า เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ กระดูกงอกที่ฝ่าเท้าหรือที่เส้นเอ็นร้อยหวาย กระดูกเท้าบิดผิดรูป โรครูมาตอยด์ โรคเก๊าท์ หรือ กระดูกหัก เป็นต้น เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ซึ่ง พบได้บ่อย ในผู้หญิงวัยกลางคน ผู้ที่อ้วน หรือ มีรูปเท้าผิดปกติ เช่น เท้าแบน เท้าบิด ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคที่แท้จริงยังไม่ทราบ แต่ เชื่อว่าเป็นเพราะความเสื่อมในจุดที่เส้นเอ็นฝ่าเท้าเกาะกับกระดูกเส้นเอ็นฝ่าเท้าจะเกาะอยู่ระหว่างส้นเท้ากับนิ้วเท้า เมื่อเส้นเอ็นหรือกระดูกบริเวณส้นเท้า ได้รับแรงที่มากเกินไป เช่น การยืนหรือเดินนาน ๆ น้ำหนักตัวมาก อุบัติเหตุ หรือ ใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น ทำให้เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบได้ อาการปวด อาจจะปวดแบบตื้อ ๆ หรือ ปวดอย่างรุนแรงก็ได้ ถ้ากระดกข้อเท้าขึ้นหรือกดที่ส้นเท้า จะปวดมากขึ้น ลักษณะที่พบได้บ่อย คือ หลังจากนอนหรือนั่งพัก เมื่อเริ่มลงน้ำหนัก ลงเดิน ช่วงแรก ๆ จะรู้สึกปวดมาก แต่หลังจากที่เดินไปได้สักพัก อาการปวดก็จะทุเลาลง แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้จากการถามประวัติและการตรวจร่างกาย ไม่จำเป็นต้องส่งตรวจพิเศษอย่างอื่น ผู้สูงอายุประมาณร้อยละ 30-70 ถ้าถ่ายภาพรังสีของเท้า จะพบว่ามีกระดูกงอกที่ไต้ฝ่าเท้าได้ ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะพบกระดูกงอก จากการถ่ายภาพรังสี แต่ก็อาจจะไม่เกี่ยวกับอาการปวดส้นเท้า จึง ไม่จำเป็นต้องถ่ายภาพรังสีทุกคน ผู้ป่วยเส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ โดยส่วนใหญ่อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่อาจจะต้องใช้เวลารักษานานหลายเดือน แต่ถ้าหลังจากรักษา 6 - 9 เดือน แล้วอาการไม่ดีขึ้นก็อาจจะต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ซึ่งจะต้องใช้เวลารักษาหลังผ่าตัดอีก 2 - 6 เดือน จึงจะดีขึ้น สำหรับผู้ที่มีอาการมานานมากกว่า 1 ปี หรือ มีน้ำหนักมาก การรักษามักจะได้ผลไม่ค่อยดี ต้องใช้เวลานาน แนวทางการรักษาด้วยตนเอง 1. ลดกิจกรรมที่ทำให้ปวด หรือ กิจกรรมที่ต้องลงน้ำหนัก เช่น การยืนหรือ เดินนาน ๆ เป็นต้น และควรออกกำลังที่ไม่ต้องมีการลงน้ำหนัก เช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน 2. บริหารเพื่อยืดกล้ามเนื้อน่อง และ เส้นเอ็นฝ่าเท้า 3. นวดฝ่าเท้า หรือ ใช้ผ้าพันที่ฝ่าเท้าและส้นเท้า 4. ใส่รองเท้าที่เหมาะสม ขนาดพอดีไม่หลวมเกินไป มีพื้นรองเท้าที่นุ่ม และมีแผ่นรองรับอุ้งเท้าให้นูนขึ้น อาจใช้แผ่นนุ่ม ๆ รองที่ส้นเท้า (หนา ½ นิ้ว) เพื่อลดอาการปวด ควรใส่รองเท้าส้นสูงประมาณ 1 1.5 นิ้ว หรือ ใช้แผ่นยางสำหรับรองส้นเท้าโดยเฉพาะ 5. หลีกเลี่ยงการเดินด้วยเท้าเปล่า 6. ประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำอุ่น อาจใช้น้ำแข็งทุบใส่ในถุงพลาสติกแล้วห่อด้วยผ้าขนหนู หรือ ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น ประคบบริเวณที่ปวดประมาณ 10 - 15 นาที หรือ ประคบด้วยความร้อน 4 นาที สลับกับความเย็น 1 นาที ก็ได้ อาจใช้ครีมนวดแก้ปวด ก็ได้แต่ต้องระวังอย่านวดแรงเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อฟกช้ำมากขึ้นไป 7. ถ้าปวดมาก ให้รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซ็ตตามอล ประคบด้วยความร้อน หรือใช้ยานวด 8. ลดน้ำหนัก
การรักษาโดยแพทย์ 1. ยาแก้ปวดลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาคลายกล้ามเนื้อ 2. ฉีดยาสเตียรอยด์ บริเวณส้นเท้าแต่ไม่ควรฉีดเกิน 2 ครั้งใน 1 เดือน เพราะอาจทำให้เกิดเส้นเอ็นฝ่าเท้าขาดได้ ขณะฉีดยาสเตียรอยด์อาจทำให้เกิดอาการปวด และชา เพราะจะต้องผสมยาชาร่วมด้วย หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ ( ประมาณ 1- 2 ชั่วโมงหลังฉีด ) ก็อาจเกิดอาการปวดซ้ำอีกครั้ง จึงควรรับประทานยาไว้ก่อน หรือ ถ้ามีอาการปวด ก็ให้ประคบด้วยน้ำอุ่น 3. ทำกายภาพบำบัด 2 - 3 ครั้งต่ออาทิตย์ อย่างน้อย 6 อาทิตย์ 4. ใส่เฝือกชั่วคราวให้ข้อเท้ากระดกขึ้น ในตอนกลางคืน หรือ ถ้าเป็นมาก อาจต้องใส่เฝือกตลอดทั้งวัน 5. การผ่าตัด จะทำก็ต่อเมื่อรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล คือ อาการปวดไม่หายหลังรับการรักษาอย่างน้อย 6 - 9 เดือน หรือ สาเหตุการปวดมาจากการที่มีเส้นประสาทบริเวณฝ่าเท้าถูกกดทับ
การบริหาร 1. เมื่อตื่นนอน ให้ นวด หรือ ประคบ ฝ่าเท้าและกล้ามเนื้อน่อง ด้วยความร้อน เช่น แช่ในน้ำอุ่น ใช้ถุงน้ำร้อน หรือ นวดโดยใช้ครีมบรรเทาอาการปวด ก่อนที่จะเริ่มบริหาร 2. การบริหารเพื่อ ยืดกล้ามเนื้อน่อง และ เส้นเอ็นฝ่าเท้า โดยควรทำ อย่างน้อย 3 รอบต่อวัน 2.1 ใช้ผ้าคล้องที่ปลายเท้าแล้วใช้มือดึงให้ข้อเท้ากระดกขึ้น ค้างไว้ นับ 1-10 แล้วปล่อยลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง 2.2 ยืนห่างจากผนังสัก 3-4 ฟุต มือยันผนังแล้วเอนตัวไปให้ชิดกับผนัง ค้างไว้ นับ 1-10 ทำซ้ำ 10 ครั้ง 2.3 ยืน หรือ นั่ง แล้วใช้อุ้งเท้าเหยียบ วัสดุกลม ๆ เช่น ลูกเทนนิส ลูกปิงปอง หรือ กะลา 3. การบริหารเพื่อ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อข้อเท้าและกล้ามเนื้อในฝ่าเท้า 3.1 เกร็งกล้ามเนื้อ กระดกข้อเท้าขึ้นมากที่สุด ค้างไว้ นับ 1-10 (10 วินาที) แล้วปล่อยลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง 3.2 เกร็งกล้ามเนื้อ งอข้อเท้าลงมากที่สุด ค้างไว้ นับ 1-10 (10 วินาที) แล้วปล่อยลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง 3.3 ยืน แล้วเขย่ง ให้ส้นเท้าสูงพ้นพื้น ค้างไว้ นับ 1-10 ( 10 วินาที ) แล้วปล่อยลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง 3.4 ใช้นิ้วเท้าหยิบสิ่งของจากพื้น เช่น ผ้า ดินสอ ก้อนหินเล็ก ๆ รักษาสุขภาพมากๆ นะคะ ช่วงนี้อาจจะยังเดิน หรือวิ่งมากๆ ไม่ได้ ถ้าอยากออกกำลังกายก็ลองไปว่ายน้ำดูนะคะ
โดย: Devil Gal วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:20:52 น.
ใจเย็นๆ นะค่ะ พยายามต่อไป เดี๋ยวก็ได้เห็นเลข 8 ค่ะ .. :) เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
ส่วนอาการปวดๆ ทั้งหลายก็ขอให้หายเร็วๆ นะค่ะ สู้ๆๆๆ ค่า โดย: greentea_lemon วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:02:06 น.
น่ากลัวจัง อยู่เฉยๆก็ปวดเหรอ
อย่าลืมกินยาน่ะ หายเร็วๆด้วย โดย: pekei วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:26:27 น.
โห........ปวดส้นเท้าเหรอคะ
แสดงว่าฟิตออกกำลังกายแน่ๆเลยใช่มั้ยคะ... :) ดีจังค่ะ แต่ไม่เป็นไรนะคะเดี๋ยวปวดส้นเท้าก้หายค่ะ เค้าก็เคยเป็นเหมือนกันค่ัะ ไงก็รักษาสุขภาพนะคะ สู้ๆนะคะ โดย: Kend@ll_Huang วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:32:12 น.
อ่านแล้วปวดแทนเลย เอาใจช่วยให้หายไวๆค่ะ เด๋วน้ำหนักน้อยก็ไม่น่าปวดแล้วเนอะว่าไม๊
โดย: Aumbralla วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:47:28 น.
แย่จังเลยนะคะ ไงก็เป็นกำลังใจให้นะ
เราก็น้ำหนักขึ้นเอาๆ เริ่มปวดตามข้อเข่า แย่มากๆ ไงก็มาเริ่มลดน้ำหนักกันนะคะ โดย: MyLifeStyle วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:22:51 น.
ต้องไป สน. เซ็นต์แก้ไขเอกสารค่ะ พอดีไปแจ้งความไว้เรื่องลูกค้าเช็คเด้งน่ะ อาการเจ็บๆ ปวดๆที่ข้อเท้า คิมก้เคยเป็น แต่ว่าไม่บ่อยค่ะ นานๆ เป็นที เวลาที่ออกกำลังกายหักโหม,เดินเยอะๆน่ะ เคยไปหาคุณหมอ เค้าแนะนำว่าให่ลดนน,ล่ะ แล้วอาการจะดีขึ้นมาเอง ยังไงก็มาพยายามลดนน.ด้วยกันนะจ๊ะ ขอให้อาการปวดบรรเทาลง และหายไวๆ เช่นกันนะคะ สู้ๆ ค่ะ โดย: กาแฟขม ~ นมข้นหวาน วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:23:38 น.
เข้ามาส่งกำลังใจค่ะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
โดย: หมีสีน้ำเงิน วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:12:59 น.
ออกกำลังหนักไปเหรอคะ หายไวๆ น๊า ตอนนี้บริหารส่วนอื่นๆไปก่อน สงสัยเวลาวิ่งลงน้ำหนักที่ส้นมากไปหรือเป่า พี่ไม่ค่อยรู้ซะด้วย 555 ขี้เกียจออกกำลังกายซะขนาดนั้น สู้ๆ ค่ะ ขึ้นได้ ก็ลงได้ (ของพี่ลงได้ มันก็ขึ้นมาอีกแว้ว)
โดย: ยัยลูกหมู วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:41:08 น.
หวัดดีค่ะแนน
ขอบคุณสำหรับสาระมากๆเลย เคยไปหาหมอเหมือนกัน ตอนนั้นหนัก 72 หมอไม่พูดอะไรมากแค่บอกว่า ลดน้ำหนักด่วนเลยนะครับ โดย: Enzember วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:21:03 น.
ปวดส้นเท้าแนทยังไม่เคยปวดค่ะ มีแต่ส้นเท้าแตก
สู้ ๆ เหมือนกันค่ะพี่ โดย: ยูเรนัสคิต วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:53:35 น.
เอาใจช่วยด้วยคราบบบบบบ ขอให้หายไวๆนะ
อย่าพึ่งไปออกกำลังกาย หักโหม มากน๊า จะได้หายไวๆ แล้วค่อยไปฟิตต่อก้อได้ ^^ โดย: อย่าิไปคิดมากกับชีวิต วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:18:33 น.
|
Elizabethan
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] เย้!! สวัสดีเราแนนคะ กำลัง ทำเป้าหมายแรกในชีวิตให้ลุล่วงคือ ลดน้ำหนัก ให้เหลือ 65 Kg น้ำหนักเริ่มต้นที่ 110 Kg สูง 167 Cm เริ่มลดน้ำหนักตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม 2551 Group Blog All Blog
Friends Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |