ตัวแรกคือ  ครีมล้างหน้า เวชสำอางยี่ห้อBalea แบรนด์ในเครือ DM ของเยอรมนีค่ะ
ตัวนี้ตั้งใจซื้อมาให้ลูกสาวใช้ เพราะว่าลูกสาววัยห้าขวบชอบมีปัญหาสิวอุดตัน เนื่องจากผิวแห้ง และล้างหน้าไม่สะอาด  รุ่นนี้สำหรับผิวบอบบางสุดๆ อภิมหาบอบบาง บอบบางเหมือนผิวเด็ก เคลมว่า สามารถใช้ลบเครื่องสำอางได้โดยไม่ต้องใล้างสบู่หรือล้างน้ำซ้ำ

ตอนแรกเราก็ให้ลูกสาวใช้ค่ะ แน่นอนว่าสิวหาย ผดหาย ตุ่มหายหมด แต่พอคลีนซิ่งเราหมด เราก็มาแย่งลูกใช้ค่ะ ด้วยราคาที่ไม่แพงมาก เราคิดว่าคุณภาพค่อนข้างดีนะคะ  แต่ล้างเครื่องสำอางประเภทกันน้ำได้ไม่ดีมาก คือ ต้องใช้หลายครั้งจึงจะสะอาด ว่างั้นเถอะ แต่ในส่วนของรองพื้นล้างได้สะอาดไม่แพ้แบรนด์ดังๆค่ะ

ปัจจุบันนี้ เราก็ยังมีอยู่ในกรุ แต่เปลี่ยนมาใช้ Lancomeแทน แน่นอนว่า ลังโคม เลิศมากจริงๆค่ะ

ตัวที่สองคือ มาสค์หน้า ของ L'Occitane
ตัวนี้เคลมไว้ว่า ใช้มาสค์เพียง 3นาที แล้วเช็ดออก จะช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื่นได้ทันตา เป็นอย่างที่เคลมไว้ค่ะ เรามาสค์หน้าค่อนข้างบ่อย  ตัวนี้เราใช้ช่วงเช้า เพราะเป็นช่วงรีบ ส่วนช่วงเย็น หรือก่อนนอน เราใช้ Drink Up Intensive Overnight Mask ของ Origins ค่ะ

ตัวที่สาม Drink Up Intensive Overnight Mask จาก ออริจินส์
ใช้ครั้งแรก ตื่นมาก็เห็นความแตกต่าง ชอบค่ะ ชอบจนต้องซื้อต่อ
แนะนำเพื่อนสาวคนหนึ่งไป หล่อนผิวแห้งมาก ไม่ได้บำรุง แห้ง กร้าน เป็นริ้วๆ
เราซื้อขนาดทดลองให้หล่อนลองใช้ หล่อนชอบมากค่ะ ฟีดแบ็คกลับมาคือ แค่ครั้งแรกที่ใช้ ตื่นมาผิวดีขึ้นเห็นความแตกต่าง ผิวที่เป็นริ้วๆ เริ่มดีขึ้น

ตัวที่สี่ Nivea Cream  ครีมอมตะนิรันด์การ ปัญญา นิรันด์กุล
(เอ๊ย คุณปัญญา ไม่เกี่ยวอะไรนะคะ แฮ่ๆ)
นีเวียรุ่นที่ใช้ ผลิตในเยอรมนีค่ะ แน่นอนว่า คุณภาพ เลิศมาก
เราใช้ทำอะไร เราใช้ทาเท้าค่ะ เนื่องจากหลังเท้า เมื่อเจอความหนาวเย็น แห้งกร้านในเมืองนี้ไป หนังเท้าก็แตกออกเป็นริ้วๆ ราวกับแผนที่เขาวงกตยังไงยังงั้นเลยทีเดียวไม่กร้านอย่างเดียวนะคะ ดำด้วย
เพราะ สังเกตนะคะ เวลาผิวคุณแห้งมากๆ จะเกิดความหมองคล้ำตามมา แน่นอนว่า ลองทั้งครีมทาเท้าทั่วไป บอดี้บัตเตอร์ น้ำมัน  ไม่ว่าสิ่งใดๆก็ไม่ช่วยค่ะ

วันนั้น สายตาพลันหันไปเห็น อมตครีม ไหนๆก็ไหนๆ ลองมาทุกสิ่งอย่าง ก็เลยลองนีเวียด้วยเสียเลย
ค่ะ 3-4 คืนเท่านั้น เท้าที่แห้งกร้าน หมองคล้ำ ก็กลายเป็นสดใส ขาวสวยโดยพลัน

เราแนะนำมากๆค่ะ ตัวนี้ราคาไม่แพง แต่คุณภาพดีมากๆ เคยเห็นหลายคนบอกว่า นีเวียไทยกับเยอรมัน คุณภาพต่างกันพอสมควร เรายืนยันไม่ได้ค่ะ เพราะว่าต่างคนก็ถูกกับครีมต่างกันไป แต่ส่วนตัวแล้ว เราชอบทุกสิ่งที่ผลิตในเยอรมันมากกว่าเพราะอากาศที่นี่หนาว แห้ง ทำให้ผิวกร้านง่ายมากๆ ผลิตภัณฑ์ส่วนมากของที่นี่จึงมีไว้เพื่อแก้ผัญหาด้านนี้เสียส่วนมาก

พอทาเท้าเห็นผล เราก็เลยทามันทั้งตัวเลยค่ะ  บางวันก็เอามาทาแทนไนท์ครีม โชคดีค่ะที่เราสิวไม่ขึ้น  ถ้าใครทนได้ ก็แนะนำเลยค่ะ เลิศมากๆ แต่เราใช้เฉพาะตอนที่ไนท์ครีมหมดนะคะ เพราะไนท์ครีมในดวงใจเราก็มีอยู่แล้ว อิอิ

ตัวต่อมา Olaz (แบรนด์ของ โอเลย์ค่ะ แต่ที่นี่ใช้ โอลาซ) รุ่นนี้ Regenerist  nightcream
ที่เมืองไทยไม่มีขายรุ่นนี้นะคะ เคยหามาแล้ว ตัวครีมคนละอย่างกัน ซึ่ง รีเจนฯจะมีแตกไลน์ออกไปอีก และลองหาดูแล้ว ก็ไม่เหมือนค่ะ โอลาซ รุ่นนี้ เราลองใช้ดูคู่แล้วเห็นความแตกต่างค่ะ  ผิวดูโทรมน้อยลง ดูมีออร่ามากขึ้นนะ  จนพี่สะใภ้ก็ทักว่าดูดีขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วบอกเลยว่า อาจจะรวมกับหลายๆสิ่งที่ใช้ในช่วงนั้น มันส่งเสริมกัน ก็เป็นได้

เราแนะนำครีมรุ่นนี้ให้เพื่อนสาวที่ไทยใช้ แน่นอนว่าตัวครีม คนละอย่างกัน
แต่เพื่อนสาวชอบนะคะ เพื่อนบอกว่าจะไม่มีทางเปลี่ยนใจจาก โอเลย์ รีเจนฯ เลยแม้แต่วินาทีเดียว


ปัจจุบันนี้ เราบอกเลยค่ะ ว่า ผิวหน้าเรามีปัญหาเรื่องความแห้งกร้าน ผิวขาดน้ำน้อยลง
อาจจะเพราะการดูแลตัวเองอย่างอื่นด้วย มีการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำเยอะๆแต่ครีมที่รีวิวมาก็มีผลนะคะ ไม่ใช่ไม่มี เนื่องจาก ในภาวะเดียวกัน แต่พอเปลี่ยนครีม เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ครีม  ก็รู้สึกดีขึ้น

แน่นอนว่า ผิวเราอาจจะไม่ได้ดูบลิงก์เหมือนคนไปเลเซอร์ ไปโบท็อกซ์มา แต่เราใช้วิธีสังเกต บีฟอร์ และ อาฟเตอร์เอา หากมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี นั่นแสดงว่าครีมตัวนั้น ได้ผล จริงไหมคะ