ช่วง 2-3 สัปดาห์นี้ผมเดินทางไกลอยู่ตลอดเวลา ทำให้งานแต่ละอย่างทับถมเข้ามาทั้งานเล็กไปจนถึงงานใหญ่ พอมาถึงบ้านที่พิษณุโลกผมก็จะมีเวลาใช้ PC ในการเคลียร์งานบางอย่างไปได้ แม้จะไม่ทั้งหมดแต่ด้วยการจดบันทึกรายการงานที่ต้องทำ พร้อมกับการจัดลำดับความสำคัญของงาน ก็ช่วยให้ผมไม่ต้องเจอปัญหาเรื่องงานหลายงานต้องถูกส่งพร้อมๆ กันในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน
ทักษะแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมได้ติดตัวมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เนื่องจากจะมีการบ้านจากหลายวิชา ซึ่งผมจำเป็นต้องนำมาจัดลำดับการทำงาน ซึ่งถ้าเป็นงานเล็กๆ ผมก็อาจจะทำเสร็จตั้งแต่วันแรกที่สั่ง แต่ถ้าเป็นงานใหญ่ ก็ต้องดูกำหนดส่งและความยากง่ายของงาน เพื่อที่ผมจะได้แบ่งเวลาทำการบ้านแต่ละอันให้เหมาะสม ลดจำนวนงานที่ต้องเร่งส่งพร้อมกัน
แต่ผมเห็นนิสิตนักศึกษาหลายรายยังขาดการจัดการในลักษณะนี้ ถ้าอาจารย์หลายวิชาสั่งให้ส่งงานในเวลาใกล้กัน ก็จะเริ่มบ่นว่างานเยอะ แม้ว่าแต่ละวิชาจะเริ่มสั่งงานในเวลาที่ต่างกันก็ตาม เห็นได้ชัดเวลาที่ผมสั่งงานตั้งแต่สัปดาห์ก่อนหน้า แต่เด็กก็จะมาบ่นในสัปดาห์นี้ว่ามีงานจากวิชาอื่นเข้ามาด้วย เห็นได้ชัดว่าหนึ่งในสาเหตุที่งานเยอะก็เป็นเพราะการ "ดองงาน" ของเด็กเองด้วย
และ trend การดองงานอย่างนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากปัญหาในการ "ขาดความรับผิดชอบ" ของเด็กๆ เอง
ผมไม่ใช่ครูประถมและไม่มี know how หรือประสบการณ์กับเด็กประถมมากพอที่จะมาวิเคราะห์เรื่องการลดการบ้านของเด็กประถมหรอกครับ ผมเข้าใจว่าประเด็นของการลดการบ้านก็คือการให้เด็กมีความเครียดในการเรียนน้อยลงและมีความสุขในการเรียนมากขึ้น แต่ก็อยากให้ครูและผู้ปกครองเข้าใจด้วยว่า การบ้านจะช่วยสร้างให้เด็กมีความรับผิดชอบ และเพิ่มทักษะการบริหารจัดการเวลาของเด็กเช่นกัน
ถ้าการลดการบ้านเด็กแล้วทำให้เด็กมีความสุขขึ้นจริงโดยไม่ขาดเรื่องความรับผิดชอบ ผมก็คิดว่าอาจจะดี แต่ถ้าเด็กขาดความรับผิดชอบอยู่แล้ว ก็น่าคิดว่าพวกเขาจะนำเวลาที่เพิ่มขึ้นจากการบ้านที่ลดลงไปใช้ในทางไหน
ดังนั้นสิ่งที่ผมห่วงที่สุดก็คือ การนำนโยบายลดการบ้านนี้ไปใช้แบบตรงๆ ตามลายลักษณ์อักษรโดยไม่มีการแปลความ ขยายความ และปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละกลุ่มต่างหาก