|
14 ตุลาคม 2549
|
|
|
|
ได้ดูแล้ว Deutschland. Ein Sommermärchen เยอรมันกับเทพนิยายแห่งคิมหันตกาลที่ผันผ่าน
:::ขออนุญาตใช้ชื่อภาษาไทยที่ป้านิดแปลล่ะกัน (ขอมันตรงนี้ล่ะ) :::
ได้ดูแล้วกับหนังที่อยากดูที่สุดในตอนนี้ Deutschland. Ein Sommermärchen
จริงๆ แล้วโหลดมาได้สองสามวันแล้ว แต่เพิ่งเปิดเทอมกับกลัวไม่กล้าดู
ตลกตัวเองเหมือนกันที่ไม่กล้าดูหนังเรื่องนี้ มันตื่นเต้นใจสั่นๆ ไงไม่รู้ ตอนจะเปิด กว่าจะทำใจได้ตั้งหลายวัน พอเปิดหน้าก็เห็นหน้าคุณฟริงส์ซึมแล้ว ไม่กล้าดูต่อ แถมที่ได้ดูมันเป็นแบบแอบถ่าย คิดมาแว่บนึงว่า รอดูแผ่นชัดๆ ดีๆ ไปเลยดีไหม เพราะหนังที่แคปมา เหมือนตั๋ว 100 แต่ได้ดู 80 เพราะตกจอไปสัก 20% แต่ทนไม่ไหวอ่ะ
พอได้ดูก็อิ่มใจอ่ะ ดูแล้ว อดปลื้มใจไม่ได้ ว่าหลงรักทีมไม่ผิด แอบภูมิใจตัวเองนิดๆ ที่เชียร์เยอรมัน (ไม่ค่อยเลย)
หนังทำออกมาได้ดี ดูแล้วไม่ค่อยรู้สึกว่าเป็นสารคดีเท่าไหร่ อาจจะเป็นความสด ความมีชีวิต ของหนังล่ะมั้ง ที่ทำให้หนังไม่น่าเบื่อเลย ทั้งๆ ที่ฟังไม่รู้เรื่องสักกะนิด (ฟังเข้าใจแค่ชื่อนักเตะ กะ DANKE) หรือเพราะว่าใจลำเอียงไปไกลตั้งแต่ก่อนดูก็ไม่รู้
ถ้ามองในแง่คนทำหนัง การที่เยอรมันแพ้อิตาลี เป็นจุดเปลี่ยนของเนื้อเรื่องไปเลย ทำให้หนังดูไม่น่าเบื่อ เกินจริง
แถมเป็นการเดินเรื่องแบบ 3 องก์ซะด้วยนะ
จุดประทับใจมีเยอะมากมายเป็นภูเขา แต่ที่ประทับใจมากที่สุด มีอยู่ 2 อย่าง คือ
การร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ของทีมเยอรมัน
และการส่งแรงใจเชียร์ทีมชาติของตัวเอง จากประชาชนทุกหนแห่งของเยอรมันเองด้วย
ตอนเห็นภาพที่แฟนๆ มายืนรอเรียงรายกันตามถนน เพื่อคอยต้อนรับนักเตะนั่งรถผ่าน เห็นแล้วปลื้มแทนเลย จะมีสักกี่ครั้งที่ นักเตะสักทีมจะรวมใจคนทั้งประเทศได้แบบนี้
ได้อ่านจากแมกกาซีน BrandAge เขียนไว้ว่า
นับเป็นครั้งแรกที่ชาวเยอรมันภาคภูมิใจกับความเป็นเยอรมันของตัวเองขนาดนี้ เพราะหลังจากที่ผ่านสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวเยอรมันแทบจะไม่กล้าป่าวประกาศความเป็นเยอรมันของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะกลัวจะถูกมองว่า ยังคงบ้าอำนาจ หรือ ฮิตเลอร์กันอยู่
นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเยอรมันเปลี่ยนไป การจะโบกธงประจำชาติและป่าวร้องความเป็นเยอรมันกลายเป็นความภาคภูมิใจไปแล้ว
กลับมาที่ตัวหนัง
หนังเปิดเรื่องหลังจากนัดที่เตะกับอิตาลี และย้อนกลับไปตั้งแต่ก่อนบอลโลก และหลังจากนั้นก็ดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาจริง ทำให้ได้เห็นภาพการฝึกซ้อมเตรียมตัวของบรรดาอินทรีเหล็ก ไปจนถึงการแข่งในนัดต่างๆ ซึ่งจะได้เห็นภาพเบื้องหลังการทำงานของแต่ละส่วน
ไม่ว่าจะเป็นการสุมหัวหาเทคนิคมารับมือคู่แข่งของบรรดาโค้ช การเทรนร่างกาย ตัดสลับกับสัมภาษณ์บรรดานักเตะ
เห็นหน้าทะเล้นๆ ของเจ้าสองคนนี้บ่อยมากกกก
อีกชอตที่ชอบ คือภาพสลับกับนักเตะที่กำลังเดินทางมาแข่งกับพนักงานที่คอยจัดเตรียมห้องพักนักกีฬา ที่เครียดอยู่ว่า จะว่าถาดอาหารไว้แนวขวางหรือแนวตั้งดี (เอาใจใส่ทุกรายละเอียดดีจริง)
หนังแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่แค่นักเตะเท่านั้นที่จะพาทีมมาถึงจุดนี้ได้ ต้องมีทั้งคนอีกมากที่อยู่เบื้องหลัง คอยผลักดันให้ทีมมาถึงจุดนี้
นอกจากนี้ชอตที่คุณฟริงส์ขอพูดกับเพื่อนก่อนแข่งกับอิตาลี ทำเอาขนลุกไปเลย ถึงตอนนั้นจะจำไม่ได้ว่าเนื้อหาชัดๆ เป็นยังไง แต่ความรู้สึกตอนนั้นรู้สึกความมุ่งมั่นของทีมเยอรมันมากๆ
แต่ว่าเยอรมันก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ทุกคนร้องไห้กับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น ดูแล้วน้ำตาซึมไปเลย ยิ่งเวลาโคสอัพ บัลลัค ที่น้ำตาซึมตลอดเวลาแล้วหดหู่ไปเลย นิ่งเงียบ
วินาทีนั้น พูดอะไรไปก็คงไม่ทำให้มันเปลี่ยนแปลงไปได้
ระหว่างการแข่งแต่ละนัด จะมีชอตไฮไลท์ในแต่ละนัดมาให้ดูแทรก
ตอนที่ดูบอลสดๆ มีหลายครั้งๆ ที่ดูแล้วหงุดหงิดบัลลัคว่า ทำไมเก็บบอลไม่อยู่บ้าง ส่งบอลไม่ดีบ้าง แต่พอได้มองจากอีกมุม ถึงได้แน่ใจว่า เข้าใจผิดมาตลอด เพราะบัลลัคทำหน้าที่กัปตันได้เป็นอย่างดี ทุ่มเททุกอย่างเพื่อทีม หรือแม้กระทั่งถกเถียงกับโค้ชที่เหมือนจะทะเลาะกันอยู่หลอมล่อ ห้าห้าห้า (ขอโทษคร้าบบบ ที่เข้าใจผิด)
จากนั้นหนังก็เปลี่ยนฟิวส์กลับมาใหม่อีก เราจะได้เห็นบัลลัคเถียงกับคุณฟริงส์เรื่องการจัดงานขอบคุณกับแฟนๆ (แต่พอดีจ่าย 100 ได้ดู 80 เลยเห็นแต่บัลลัคบ่นด้านเดียว)
หลังจากแข่งชนะโปสตุเกส ภาพในห้องพักน่ารักมากกกกกก ทุกคนมีชีวิตชีวา ยิ้มกันไม่หุบสักคน (คนดูอยู่ก็เช่นกัน)
ได้เห็นคุณฟริงส์นอนยิ้มไปให้สัมภาษณ์ไปด้วย ฮิ้ววววว >
บัลลัคก็เป็นไรกับขวดเบียร์ในมือก็ไม่รู้ จูบเอาจูบเอา จนชักอยากจะเป็นขวดเบียร์แทน
น้าเบียร์โฮฟก็เมาเบียร์ร้องเพลงmarmor_stein_und_eisen_bricht อย่างเมามัน พี่หลามก็ไม่แพ้กันเอามือถือมาเป็นไมค์ร้องแข่งในรถ กลับมาที่โรงแรมมาเจอแฟนๆ ที่มารอกันเต็มไปหมด
จะมีสักกี่ครั้งที่คุณจะเป็นฮีโร่ของคนทั้ง 82 ล้านคนได้แบบนี้บ้างนะ
ดูจบแล้วแต่ไม่อยากให้มันจบเลย เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้ทำมาเพื่อแฟนทีมเยอรมันกันจริงๆ ดูแล้วอิ่มเอมมากๆ มีทั้งสุข เศร้าให้เห็น
จะว่าไปการดูบอลหรือกีฬาสักนัดนี่ มันก็ต่างอะไรกับดูหนังหนึ่งเรื่องนะ ถ้าเจอนัดดีๆ ที่แข่งได้มันส์เร้าอารมณ์อย่างนัดที่เจอกับโปแลนด์ที่ลุ้นกันเหนื่อยก็สนุกไปเลย หรือจะเป็นหนังเศร้า อย่างนัดที่เตะกับอิตาลี
หวังว่าหนังของทีมเยอรมันในยูโรปี 08 จะเป็นหนังที่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งแบบที่แข่งกับโปสตุเกสนะ แต่คราวนี้ขอเป็นที่ 1 นะจ๊ะ
ปล. Deutschland. Ein Sommermärchen เป็นหนังเรื่องแรกที่ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่มีซับ ภาพไม่ดี แต่ดูจนจบนะเนี่ย ขอล่ะ ดีวีดีที่ออกมา แนบซับอังกฤษมาให้ด้วยเถ้ออออ
Create Date : 14 ตุลาคม 2549 |
Last Update : 14 ตุลาคม 2549 23:28:20 น. |
|
6 comments
|
Counter : 902 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: ป้านิด (ป้านิด ) วันที่: 16 ตุลาคม 2549 เวลา:4:41:09 น. |
|
|
|
โดย: CeYLoN วันที่: 20 ตุลาคม 2549 เวลา:22:42:31 น. |
|
|
|
โดย: *-*- IP: 124.120.63.156 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2549 เวลา:11:17:37 น. |
|
|
|
โดย: My Mirek IP: 203.156.69.166 วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:22:02:31 น. |
|
|
|
| |
|
|
ejw |
|
|
|
|