ดีปลี' รสเผ็ดกินดี-เป็นยา
พอพูดถึง """"ดีปลี"""" คนปักษ์ใต้มักเข้าใจว่า """"พริกขี้หนู"""" แต่ที่หมายถึง """"ดีปลี"""" ที่เป็นไม้เลื่อย ทางภาคใต้เรียกว่า """"ดีปลีเชือก"""" มีรากออกตามข้อสำหรับเกาะและพาดพันสิ่งอื่น เถา เป็นไม้เนื้อแข็งมีข้อโป่งนูน ส่วนของลำต้นค่อนข้างกลมและเรียบแตกกิ่งก้านสาขามาก พืชชนิดนี้จัดอยู่ในลักษณะ วงศ์ """"PIPERACEAE"""" มีสรรพคุณทางยาไทยหลายอย่าง คนสมัยก่อนจะนำ """"ดีปลี"""" ใช้ในการปรุงเป็นอาหาร คือผลสุก มีรสเผ็ดร้อนใช้เป็นเครื่องเทศแต่งกลิ่นอาหาร ผลอ่อนรับประทานเป็นผักได้
ทางใต้ จะใช้ผลสุกตากแห้งเป็นเครื่องเทศประกอบอาหาร เช่น แกงคั่ว แกงเผ็ด เป็นการดับกลิ่นคาว ในบางท้องถิ่นใช้แต่งกลิ่นผักดองและช่วยถนอมอาหารมิให้เกิดการบูดเน่า หรือ บางพื้นที่นำมาป่นเป็นผง นำไปปนปลอมในพริกไทยดำ ส่วนลูกอ่อนชาวใต้รับประทานเป็นผักสด ...ใบ...เป็นใบเดี่ยวออกสลับตัว รูปทรงรีเรียวยาวแต่ขอบในหนา ปลายและโคนใบแหลมเนื้อโคนใบสองข้าง ไม่เท่ากันดูเบี้ยว ...ดอก...ออกเป็นช่อตรงกันข้ามกับใบ มัลักษณะเป็นแท่งปลายเรียวมน ส่วน...ผล...มีขนาดเล็กกลม ฝังตัวแน่น อยู่กับแกนช่อดอก ผลอ่อนสีเขียว พอแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และพอสุกเต็มเป็นสีแดง พืชชนิดนี้ตามตำรายาไทยมีสรรพคุณหลายอย่าง อาทิ..เถา แก้เสมหะพิการ แก้ปวดฟัน ปวดท้อง จุกเสียด แก้ริดสีดวงทวารแก้ลม ช่วยทำให้เจริญอาหาร
..ใบ แก้เส้นสุมนา ดอกมีรสเผ็ดร้อน แก้ธาตุพิการ แก้ท้องร่วงขับลมในลำไส้ แก้หืด หอบ แก้ลมวิงเวียน แก้ริดสีดวงทวาร แก้คุดทะราด เจริญอาหาร
..ราก ใช้แก้เส้นอีมพฤกษ์อัมพาต ดับพิษปัตคาด แก้หืดหอบ แก้ลมวิงเวียนแก้เสมหะ แก้ปวดท้อง บำรุงธาตุ ซึ่งทั้งต้นของดีปลีนั้นล้วนแต่มีรสเผ็ดร้อน วิธีการใช้ คือ หากใช้แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้อง แก้อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดธาตุไม่ปกติ โดยใช้ดอกแก่ 1 กำมือหรือประมาณ 10-15 ดอก ต้มเอาน้ำดื่มถ้าไม่มีดอกให้ใช้เถาต้มแทนได้ ใช้บรรเทาอาการไอและขับเสมหะ ใช้ดอกแก่แห้งหรือช่อผลแก่แห้งประมาณ 1/2 กำมือ ฝนกับน้ำมะนาวแทรกเกลือกวาดคอหรือจิบบ่อยๆ | ""ที่มาข้อมูล :