|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
10 มีนาคม 2552
|
|
|
|
เพื่อน ---- คนรู้จัก
Do you belive in destiny? -------- คุณเชื่อในเรื่องโชคชะตาไหม?
คำถามนี้ผมว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ยิน ได้ฟัง ได้ใช้ บ่อย ๆ นะครับ โดยเฉพาะสังคมไทยส่วนใหญ่ ที่พูกผันกับเรื่องความเชื่อ เลยมักจะหนีคำถามอย่างนี้ไม่ได้
คุณคิดว่า แค่คนไทย 64 ล้านกว่าคน เป็นไปได้ไหม ที่เราจะได้เจอ ได้คุย ได้รู้จักกับใครสักคน
สำหรับตัวผมแล้ว ผมเชื่อในโชคชะตานะ เพราะการที่ใครสักคนจะรู้จักกับอีกคนนึงเนี่ย มันคงไม่ง่ายนักใช่ไหมครับ ดังนั้น ตัวผมเองถ้าได้เจอได้คุยได้รู้จักกับใครแล้ว ก็จะมห้ความสำคัญกับคน ๆ มากกก
ทำไมผมถึงเขียนแบบนี้น่ะหรอ เพราะว่าวันนี้ จะเป็นวันที่ผมตัดสินใจ เลิกสนใจเพื่อนคนหนึ่งอย่างจริง ๆ จัง ๆ สักที
เพราะอะไรน่ะหรอครับ ............. คงอาจจะเป็นเพราะโชคชะตาเล่นตลกกับผมมั้ง
เรื่องมันมีอยู่ว่า
นานมาแล้วหล่ะ ตั้งแต่ผมอยู่ปี 1 (อย่าถามนะว่าปีไหน ไม่อยากโชว์แก่) ผมได้รู้จักกับเพื่อนใหม่คนนี้ผ่านทาง MSN(ใช่ครับ เอ็ม นั่นแหละ) เราคุยกันถูกคอครับ เพราะอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเที่ยว(เรื่องใหญ่) เรื่องชีวิตหลาย ๆ อย่าง เราคล๊าย ๆ กัน
ผมและเพื่อนผมคนนี้ ก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นคับ ผมเริ่มเที่ยว เพราะมีเขาแนะนำนี่แหละ เราได้ทำกิจกรรมอะไรหลาย ๆ อย่างร่วมกัน มีทั้งสุข และทุกข์ครับ มันก็ผ่านมาได้เรื่อย ๆ
จากการเป็นเพื่อน ผมก็เริ่มเชื่อให้ความไว้เนื้อเชื่อใจเขามากขึ้นครับ ผมเหมือนเขาเป็นยิ่งกว่าพี่แท้ ๆ ผมอีก (มะช่ายแฟนนะว้อย พี่น้อง ๆ อย่าเข้าจายผิด)
หากผมไม่ได้เข้าใจอะไรผิด ผมเองก็คงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจายเขาบ้างเหมือนกันครับ(จากอะไรหลาย ๆ อย่าง เช่น เขายืมโทรศัพท์ผมโทรไปหาดาราคนหนึ่งตอนโทรศัพท์เขาแบ๊ตหมดซึ่งผมเองก็คิดว่า การที่เขาจะยืมแบบนี้ได้ ก็ต้องไว้วางใจเราในระดับหนึ่งนะ ว่าปะ ๆ) นอกจากนั้นเขาเองก็ยังคุย ปรับ อะไรหลาย ๆ ต่อหลายอย่างกับผม ก็ถือว่าผมเป็นคนหนึ่งเลยนะ ที่รู้เรื่องของเขา(ถึงแม้ว่าจะรู้ไม่ทั้งหมด เพราะเขาลึกลับ เหมือนผม 555)
ช่วงหนึ่งปี ก่อนที่ผ่านมา ผมได้ก้าวเข้าสู่โลกส่วนลึกของเขามากขึ้นครับ ทำให้เราสนิทกันมากขึ่้น จนกลายเป็นว่า เรา 2 คนแทบจะตัวติดดันเลยครับ เห็นผม ก็ต้องเห็นเขา เห็นเขา ก็ต้องเห็นผม 5555 ติดกันเป็นตังเม
เราได้ทำกิจกรรมอะไรหลาย ๆ อย่างมากขึ้น ได้คุยกันมากขึ้น อืม ๆ ผมก็รู้สึกดีนะ ที่เรามีเพื่อนที่เข้าใจเรา แล้ว เต็ม 100 ไปกับเราได้เสมอ เขาเต็มร้อยกับเรา เราก็เต็มร้อยกับเขา
ความเป็นจริงแล้ว ผมน่าจะรู้ดีนะว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นกับผม จากการที่ผมได้คุยกับเขา สนิทกับเขา เข้าไปในโลกของเขามากขึ้น ผมได้รับรู้ถึง วิถีชีวิตและความนึกคิดของเขา มากเหลือเกิน ผมน่าจะรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผมตั้งแต่ตอนนั้นนะ
ใช่ ผมอาจจะรู้ แต่ผมคงไม่สนใจมันมากกว่า ผมคงพอใจในสิ่งนั้นมากกว่า
ช่วงที่ผมเข้าไปอยู่ในโลกของเขานั้น ผมอาจจะเปลี่ยนตัวเองไปเยอะพอสมควรครับ จากที่ผม เคยเป็นคนตัดสินใจอะไรเด็ดขาด มาตอนนี้ ผมก็กลายเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรไม่ได้ จากที่เป็นคนไม่เคยตามใคร เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนที่ตามคนอื่น สรุปแล้ว ผมอาจจะสูญเสียความเป็นผู้นำของผมไป
เราสนิทกันถึงขั้นที่ว่า ตอนเย็นบางวัน เขาเลิกเสร็จ เราก็เจอกัน ไปเที่ยวทำนู่นทำนี่กัน บางที เขาเหงา ๆ เบื่อ ๆ คนเดียว เที่ยงคืน ตี1 ตี2 ผมก็ออกไปหาได้ ไปอยู่เป็นเพื่อนได้
นี่แหละครับ ผมถึงบอกว่า มันเป็นช่วงที่ผมสนิทกับเขามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แต่ด้วยวันหนึ่งครับ เกิดอุบัติเหตุกับผมขึ้นมาก ผมต้องได้รับการรักษา จึงหายไปช่วงหนึ่งครับ ผมได้บอกเขาแล้วนะ ว่าผมจะหายไป อืม ๆ เขาก็น่าจะรับรู้แล้วนะ
พอผมหายไปได้ 1 เดือนครับ ผมก็ได้มีโอกาสออนไลน์อีกครั้ง ปรากฏว่าสิ่งที่ผมเจอก็คือ เขาได้ลบเอ็มผมไปจาก list เขาแล้วครับ (อย่าถามนะว่าตรวจยังไง มันมีวิธีตรวจอยู่) ผมก็โอเคนะ มันเป็นนิสัยเขาอยู่แล้วที่จะลบถ้าใครไม่ได้ออนไลน์นาน ๆ ตอนแรกก็ยังไม่คิดอะไรมากหรอกครับ
จนผมไปเม้นใน hi5 เขาครับ เม้น ธรรมดา ๆ ความห่วงใย จากเพื่อนถึงเพื่อน เม้น ธรรมดา ๆ ที่โดนลบออกในเวลาไม่ถึง 1 วันครับ
ถูกครับ อ่านไม่ผิดหรอก เม้นของผมโดนลบครับ ................ ผมอึ้งไปเลยหล่ะ เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมมันลบเม้นกู มันเป็นเชี่ยไรเนี่ย
ด้วยโรคที่ผมเป็นครับ ผมเองก็มีอาการจิตหลอนอยู่แล้ว มันทำให้ผมคิดมากไปต่าง ๆ นา ๆ ครับ เฮ้อ ๆ มันเกิดอะไรขึ้นละเฮ้อ ๆ ผมเกือบจะบ้าเลยหล่ะครับ 55555 คิดแล้วก็ขำ
ด้วยสถานการณ์ตอนนั้นผมไม่สามารถปรึกษาเพื่อนคนไหนได้เลยครับ เพราะว่าผมไม่ได้อยู่ในที่ ๆ จะติดต่อเพื่อน ๆ ทางโทรศัพท์ได้เลย นอกจากในเอ็ม ซึ่งเพื่อนมันก็ไม่ค่อยออนไลน์
ด้วยความเครียดมากเกินไปครับ ผมเลย ทำใจ ในเมื่อมันไม่คิดจะคุยกะกูแล้ว จะตัดกันแล้วก็ต้องตัดให้ขาดครับ ผมเริ่มทั้งลบเมลเขาออก ลบเขาออกจากรายชื่อ hi5 ลบหมดเลยครับ เบอร์ในเครื่อง sms ที่เคยส่ง ลบมันทิ้งออกไปจากความทรงจำครับ
ถึงผมกับเขาจะสนิทกันมาก แต่ก็มีหลาย ๆ อย่างครับ ที่ผมเคยทำผิดพลาดกับเขา (ผมเด็กกว่าเขาครับ ก็เรียกเขาพี่ตลอด แล้วผมก็คิดว่าเขาเป็นเหมือนพี่จริง ๆ ของผมจริง ๆ ) เวลาที่ผมทำผิด เขาจะเตือน ผมก็พยายามไม่ทำผิดอีก เป็นแบบนี้มาตลอดครับ(ก็ไม่ใช่ว่าเราจะเป็นคนดีอะไรขนาดนั้นนะ กูก็เป็นคนนะคร๊าบ ไม่ได้ perfect)
สิ่งที่ผมคิดได้ตอนนั้นคือมันคงถึงเวลาของผมแล้ว ที่เขาจะเขี่ยผมทิ้งออกจากชีวิตเขา อาจจะเพราะผมเองเดินก้าวลึกเข้าไปในโลกของเขามากกว่าที่เป็นไม่ได้ ก็ได้มั้งครับ หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมคงไม่อาจจะไปรู้เหตุผลนั้นได้ และคงไม่มีโอกาสได้รู้อีกต่อไป
หลังจากที่ผมลบทุกสิ่งทุกอย่างออกไปครับ อย่างว่าแหละ อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ ผมไม่สามารถจะลบเขาออกจากความทรงจำได้ครับ
สิ่งที่เราเผชิญผ่านด้วยกันมา ความสุข ความทุกข์ มันช่างวันเวียนหลอกหลอนผมมากเหลือเกิน คนเรามันตัดกันได้ไม่ง่ายหรอกครับ(สำหรับผมนะ)
เวลาผ่านไป เดือนแล้วเดือนเล่า สิ่งที่ผมยังคงต้องเป็นอยู่ก็คือ ความคิดที่หลอกหลอนตลอดเวลา มันจะเป็นไงบ้างฟระ นอนได้มะฟระ แดกไรยัง สารพัดครับ
ผมพยายามลืมให้ได้มาตลอด จนกระทั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาครับ อยู่ ๆ ผมก็เป็นห่วงมันขึ้นมาอีกครั้ง ผมเริ่มห่วงมาก จนเริ่มจะเป็นบ้าอีกครั้ง สุดท้ายผมก็เลยคุยกับเพื่อนครับ
เพื่อนผมคนนี้เขาพูดอะไรหลาย ๆ อย่างให้ผมคิดได้ครับ มันเตือนสติผมได้อย่างมากเลยครับ (ขอบใจมากเว้ย)
มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะลบความทรงจำทิ้งไป แต่เลือกจำในสิ่งดี ๆ ดีกว่าต้องมาจำเรื่องร้าย ๆ อย่างน้อย เราก็เคยได้มีความสุขหลาย ๆ อย่างร่วมกัน
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ เขาก็ยังจะเป็นเพื่อน ในจิตใจผมตลอดไป ถึงแม้ว่าวันนี้ เราคงเป็นได้แค่คนเคยรู้จักเท่านั้น
คงเป็นไปไม่ได้อีก ที่เราจะได้เจอกัน เพราะเส้นทางของเรานั้น มันไม่ใช่เส้นขนาน มันเป็นเส้นตัด ที่ตัดผ่านกันไปแล้ว คงจะมีโอกาสยากที่จะวนมาเจอกันอีก
ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่สอนผมมากมายเหลือเกิน ขอบคุณประสบการณ์ชีวิต ที่อีกทั้งตลอดชีวิตนี้ของผม ผมคงไปหาที่ไหนไม่ได้อีก ขอบคุณเวลาที่เคยมีให้กัน เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน(ไม่ใช่แบบผัวเมียนะเมิง)
ขอบคุณมึงมาก ๆ ถึงแม้ว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีก
--------------------------------------------------------------------
ที่มาบ่นนี่ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ตัดสินใจแล้วว่า จะขังความทรงจำนี้ไว้ จะไม่คิดมากอะไรกับมันอีก พอกันทีกับความห่วงใยที่มีให้กัน เพราะ คงไม่จำเป็นแล้วที่ผมจะต้องไปห่วงใยอะไรเขาอีก
ผมจะได้กลับไปเป็นคนเดิม คนที่เชื่อมันในตัวเอง ตัดสินใจอะไรได้เองแล้วสามารถทำได้
ให้ความทรงจำนี้เป็นเครื่องย้ำเตือนไว้ว่า อย่าไปไว้ใจเชื่อใจใคร หรือไปให้ความหวังดีกับใคร แบบนี้อีก
อย่างที่เขาว่าคนเราจะโตได้ด้วยประสบการณ์ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็โตขึ้นหน่อยแล้วหล่ะ
ปล. ให้สัญญากับตัวเองฝังเรื่องนี้ไว้ใน blog นี้ แล้วไม่คิดถึงมันอีก ปล2. เพื่อนเจง ๆ นะคับ ไม่ใช่แฟน ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น เหอ ๆ (มีหลายคนละ ชอบมาหาว่าเป็นแฟนกัน มัน เพศเดียวกานว้อยยย มะเอา ๆ ) ปล3. Blog นี้ใช้เวลาเขียน 2 ชม เต็ม เหอ ๆ นานเชี่ย ๆ
ความผิดติดตัวฉันไม่มีวันหาย ติดอยู่ในหัวใจไม่อาจจะลบร้าง ความผิดติดตัวฉัน โฮ โว้ โฮ้ โฮ โว เธออภัยให้ฉันอย่างไร แต่ในใจเธอคงไม่ลืม
Create Date : 10 มีนาคม 2552 |
Last Update : 10 มีนาคม 2552 23:27:41 น. |
|
3 comments
|
Counter : 656 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: Ann (ann_shinchang ) วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:18:11:41 น. |
|
|
|
โดย: Mellitus วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:3:46:48 น. |
|
|
|
| |
|
|
EDDY_TG |
|
|
|
|
บางครั้ง ทำอะไรไม่ได้ ก้อต้องทำจัยค่ะ
ความรู้สึกที่ผิดหวังจากเพื่อน
จากคนที่เราไว้ใจ มันมากกว่า ผิดหวังจากแฟนอีกค่ะ