พอถึง Disney Resort เราก็หาขนมกินก่อน กินอีกละ ยังไม่ทันไปไหนเลย
แม่บอกว่าขนมเยลลี่สีส้มๆนี้ มีตั้งแต่แม่สมัยเด็กๆเลยนะคะ


เล็กก็เดินสำรวจน้ำ อื้ม อยากกิน ชาเขียวเอาอันนี้ล่ะ แพคเกจสวยดี

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้กินผักและผลไม้ บำรุงกันหน่อย ประกอบไปด้วยผัก 23อย่างและผลไม้ 4 อย่าง เอาอันนี้ด้วย

แต่ทำไมดูเธอเหมือนหิว?

เอาล่ะ เนื่องจากจุดมหายเราอยู่ที่ disney sea เราจะต้องนั่ง monorail ไปกันค่ะ
ซื้อตั๋วก่อน ตั๋วจะออกมาใบเล็กๆ คนละ 250 Yen



พร้อมแล้วเราก็ไปขึ้น monorail กันเลย

รถมาแล้ว หน้าต่างเป็นลาย mickey mouse ตื่นเต้นค่ะ



ขึ้นมาบนรถแล้ว ถ้าจำไม่ผิดต้องนั่งไป 2 ป้าย หรือ 3 ป้ายนี่แล่ะค่ะ



ระหว่างนั่งอยู่ในรถ พี่สาวก็แกะกล่อง kit kat รส เสาวรส ออกมา (กินอีกแล้ว)



อยากจะบอกว่า รสนี้มันอร่อยมาก กลิ่นหอมๆ เปรี้ยวนิด แต่แปลกทำไมไม่ค่อยเป็นรสที่คนไทยนิยมซื้อฝากกันนะ

มาถึงแล้วจ้า วันที่ไปเป็นวันจันทร์ ไม่ค่อยมีคนเลยแฮะจากด้านหน้า แอบดีใจท่าทางคงไม่ต้องต่อคิวเครื่องเล่นนาน



เดินเข้ามาเรามาถ่ายรูปกับสัญลักษณ์ micky กันเถอะ แต่ถ้าอยากถ่ายแบบมุมตรงต้องต่อคิวยาวเลยค่ะ เราเอาแค่ข้างๆนี้ก็ได้ เห็นเหมือนกัน --"



เดินเข้าไป จะเห็นทะเลสาบใหญ่ๆ น่าจะเป็นจุดกลางนัดพบของที่นี่ค่ะ สวยดีนะ

เจอ department store การตกแต่งร้านสวยดีค่ะ



ข้างใน department store ถ่ายมาให้ดูคร่าวๆละกันเนอะ



เราก็ไปเดินสำรวจร้านต่างๆ ดูแล้ว แม่ พี่สาว น้องสาวจะสนุกมาก

ซักพักเราก็ตัดสินใจนั่งรถไฟไปลงด้านในๆของ disney sea ค่ะ เริ่มจากด้านในก่อนแล้วค่อยๆ ย้อนออกมา ออกจากรถไฟ เดินลง อิ้มหืมกลิ่นอะไร ทำไมหอมจัง (อยากกินอีกแล้ว) เราก็สะดุด หยุดที่ร้านนี้ค่ะ เนื่องจากความหอมของมันทำเราเดินต่อไปไม่ไหว ยังไม่ทันจะไปไหนเลย



เผลอแป๊บเดียว พี่สาวรู้หน้าที่ค่ะ วิ่งไปต่อแถว ของแบบนี้ อย่ารอช้า มิงั้นอด



มันก็คือ Apricot Maple Pastry นั่นเอง ชิ้นละ 300 หอมอร่อยใช้ได้ ทำมาร้อนๆ หวานกำลังดี



กินก่อนๆ น้องสาวสั่งเป็น เหมือนโยเกิตใส่เยลลี่ หวานๆ แปลกๆค่ะ แต่ก็โออยู่

รู้สึกว่าที่นี่เครื่องเล่นมีไม่มาก ออกแนวเด็กๆ เครื่องเล่นหวาดเสียวไม่ค่อยมีนะคะ
จะเล่นอะไรทีก็ต่อคิวยาวมาก ทั้งๆที่ตอนแรก ประตูทางเข้าคนไม่เยอะ เราตั้งใจว่าจะเล่น Indiana Jones
แต่...พอดูคิว ต้องต่อแถว 90 นาที ท้อใจมาก แถม จะบ่าย 2 โมงแล้ว เลยตัดสินใจเดินหาอะไรกินก่อน --" เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย
เดินผ่านร้านนี้ ทำไมคิวยาว? ขายอะไร ไปต่อมั่ง ส่งน้องสาวไปยืนรอ ส่วนเล็กกับพี่สาวไปกด fast pass เครื่องเล่นอื่น



เดินกลับมา ได้แล้วหรอ อ่อ มันคือ น่องไก่รมควัน อร่อยใช้ได้ค่ะ แต่เค็มเอาเรื่องอยู่ กินกับข้าวน่าจะกำลังดี จัดมา 4 น่องคนละน่อง แต่พี่สาวบอกว่าอยากกินข้าวด้วย (เย้ย แค่นี้เธอไม่พอหรอ)



เรา 4 คนก็เลยเดินไปหาร้านนั่งทาน และหวังว่าทานเสร็จคิวของ Indiana Jones จะลดลงบ้าง ซัก 30 นาทีก็ยังดี มาหยุดในโซน อาลาดินค่ะ พี่สาวสั่งเซทแกงกะหรี่มากิน แน่นอน เป็นแกงสไตล์อินเดียวค่ะ ไม่ใช่ญี่ปุ่นนะ กลิ่นเครื่องเทศชัดเจน



เล็กขอ ผักสลัดมากินกับไก่ละกัน เค็มจริงๆ กินไปกินมา สลัดจานนี้แพงเอาเรื่องอยู่นะ เห็นน้อยๆแบบนี้



กินเสร็จเดินออกมา ถ่ายรูปกับอูฐหน่อย แชะ
หลังจากนั้นเราก็เดินกลับไปที่ Indiana Jones ต่อคิว 1 ชม 30 นาที งืมมม นานมากกกกก ส่วนเครื่องเล่นคิดว่างั้นๆ ไม่ค่อยคุ้มกับการต่อแถวเลย T^T อาจจะเพราะตั้งความหวังไว้สูงมาก

ออกจาก disney sea เล็ก แม่ พี่สาว ก็ไปต่อกันที่ Shibuya  ไปหาข้าวเย็นทาน
ส่วนน้องสาวซื้อข้าวกล่องและขอแยกกลับโรงแรม เพราะเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ
ที่ย่านชิบุย่า มีร้านราเมนเยอะมากๆค่ะ เราเลือกกินแบบสไตล์ฮอกไกโด จะเป็นแบบน้ำข้น
ชามใหญ่มาก เล็กคงได้แต่นั่งดูแล้ว เพราะวันนี้กินทั้งวัน แต่พี่สาวยังฮึดสู้ค่ะ แม่ก็ช่วยได้นิดหน่อย



ชามใหญ่จริงๆนะ



พี่สาวสั่งเกี๊ยวซ่ามาด้วย แอบชิมชิ้นนึง คหสต. รู้สึกว่ารสชาติเหมือนที่ทานตามร้านญี่ปุ่นในเมืองไทย ไม่ได้ต่างมากนะคะ



หลังจากกินเสร็จก็ไปเดินห้างสรรพสินค้า Tokyo ก่อนลงสถานีรถไฟ เนื่องจากได้ยินมาว่าก่อนห้างปิด จะมีอาหารลดราคามากมาย พอลงไปก็เจออาหารลดราคาเยอะแยะค่ะ เรียกได้ว่าลดแทบทุกอย่างนะคะ พวกอาหารทำสด ตะโกนเรียกลูกค้ากันได้สนุกสนาน จนเล็กรู้สึกถึงแรงดึงดูดให้ต้องซื้อ ไม่แน่ใจเพราะป้ายลดราคาด้วยรึเปล่า --" กินไม่กินไม่รู้ซื้อไว้ก่อน ส่วนพี่สาวก็ยังเดินหาอะไรกินต่อไป เธอได้ เยลลี่ถ้วยมา 2 ลัง และมันสีม่วงมาอีก 2 หัว เธอกินมันสีม่วงหมดตรงนั้น และเล็กยังสงสัยว่าเธอกินไหวได้ไง

จบจากการช้อปอาหารที่ Tokyo Department store เราก็เดินทางกลับโรงแรม วันนี้เหนื่อยจริงๆค่ะ
ขอกลับไปเก็บแรง พรุ่งนี้เราจะไปตลาดปลา tsukiji รับรองรีวิวหน้า อาหารเพียบค่ะ