Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
22 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
- แถลงข่าวคาว -

แถลงข่าว

เนื่องจากมีหลายคนคอยเป็นห่วงเรื่อง love love ของฉัน
แต่ไม่ใช่คนในสาระบบออนไลน์นี้เลย
สารภาพตามตรง กว่าจะตัดสินใจคบคนนี้ได้
ตัดสินใจนานอยู่เหมือนกัน

พยายามทำไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่รับรู้
ฟังอะไร ก็ผ่านๆ ไปไม่ได้ใส่ใจจะจดจำ
แต่สิ่งที่ประทับใจพี่เค้าคือ

เค้าเป็นลูกที่กตัญญูมากๆ
พูดถึงพ่อให้ฟังบ่อยๆ
กลับไปหาพ่อก็บ่อย เท่าที่จะว่างและไปได้

พอถามถึงแม่ เค้าเล่าว่าแม่ทิ้งเค้ากับพ่อไปตั้งแต่เค้ายังเด็ก
เค้าเป็นลูกคนเดียว แล้วพ่อเค้าก็มีเค้าแค่คนเดียว
พ่อไม่ได้แต่งงานใหม่หรือมีใครใหม่ อยู่กันมาสองคนพ่อลูก แบบนี้มานาน

จนช่วงชีวิตนึง เค้าตัดสินใจจะแต่งงานแน่ๆ แล้ว
แฟน(เก่า)พี่เค้า ขอไปทำงานลงเรือสำราญสักพัก
เพื่อช่วยกันเก็บเงินสักปี กลับมาจะได้แต่งงานกัน
ก่อนไป เค้าขอยืมเงินพี่เค้าในค่าใช้จ่ายต่างๆ

ในระยะเวลาสามเดือนเค้าก็โอนเงินมาคืนให้
ด้วยความที่ไกลกันด้วย แฟน(เก่า)เค้าก็มีฝรั่งมาจีบ
แล้วก็คงมีอะไรกันลึกซึ้ง

ซึ่งพี่เค้าจับได้จากเมลล์ที่เค้าเข้าไปเปิดดู
เพราะเมลล์นั้น พี่เค้าเป็นคนสมัครให้เอง
เพื่อจะได้เอาไว้ส่งเมลล์คุยกันได้

พอจับได้ แฟน(เก่า) เค้าก็บินกลับมาเมืองไทยทันที
ขอเคลียร์ต่างๆ นาๆ ขอโอกาศเริ่มใหม่
แต่พี่เค้าบอก รักก็รัก แต่ทำใจให้โอกาศอีกไม่ได้

ระยะเวลาแค่ 3 เดือนที่ห่างกัน เปลี่ยนใจไวขนาดนี้
แล้วแผนที่วางไว้ว่าจะแต่งงานกัน หลังจากกลับมา
ก็ต้องล้มเลิกไป เสียดายเวลาที่คบกันมา 5 ปี

แม่ผุ้ ญ ก็ถามว่าลูกเค้าทำผิดอะไรขนาดให้อภัยกันไม่ได้
แฟน(เก่า)เค้าได้แต่นั่งร้องไห้แล้วก็ เอ่ยคำว่า "ขอโทษ" "ขอโอกาศ"
แต่เหมือนน้ำท่วมปาก เค้าก็เล่าไม่ได้ บอกให้ถามลูกสาวเอาเองเถอะครับ
ผมก็เสียใจไม่น้อยกว่าเค้าที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

หลังจากนั้นอีกสองปีก็คบอีกคน แต่เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ
ด้วยสาเหตุ น้องๆ แนะนำให้รู้จัก
(ประมาณว่า เพื่อนของน้องในออฟฟิสแนะนำเพื่อนให้)
แต่ด้วย สาวคนนั้น ติดเที่ยว ใช้เงินฟุ่มเฟือยมาก เป็นหนี้บัตรเกือบ 2 แสน

พอพี่เค้าบังคับให้ทำรายรับรายจ่ายควบคุมการใช้เงินของตัวเอง
ทำได้แค่ อาทิตย์เดียวก็บ่นอุบ แล้วก็ไม่ทำต่อ
พอเค้าถามว่าแล้วเราจะบริหารเงินได้ยังไง
ถ้ายังใช้ชีวิตแบบนี้.... จะเอาเงินที่ไหนใช้หนี้ จะเอาเงินที่ไหนเก็บ

ผุ้ ญ คนนั้นตอบมาว่า "เราแต่งงานกันซิ"
พี่เค้าอึ้งเล็กน้อย ว่า แต่งเพราะเอาสินสอดมาใช้หนี้งั้นเหรอ???
เรื่องใช้หนี้ให้เค้าบอกว่าเรื่องเล็กน้อยมากๆ (สำหรับคนที่เราคิดจะใช้ชีวิตด้วย)

แต่ด้วยพฤติกรรมการใช้เงินแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง
ทำให้เค้าเริ่มคิดใหม่ว่าควรดัดนิสัยการจับจ่ายของ ญ คนนี้ยังไงดี
แต่พยายามหลายวิธีแล้ว เธอก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม

สุดท้าย ก็ ต่างคนต่างไปดีกว่า

จนมารู้จักกัน (เราและเค้า)

ที่ทำให้ประทับใจพี่เค้าคือ
- รักพ่อ ดูแลพ่อดี
- ใช้เงินเป็น (บางคนอาจจะคิดว่าขี้เหนียว)
- บริหารและจัดการชีวิตตัวเองและ พ่อได้ดีมาก
- พ่อขยัน เจ้าระเบียบ สะอาด (ลูกก็เป็นงั้น)
- ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ขี้โม้โอ้อวด
- เค้าดูแลตัวเค้าเองได้ดีพอสมควร

จากที่กินข้าวด้วยกันมื้อแรก
เราต้องการดูเหมือนกันว่าการใช้เงินของเค้าเป็นยังไง
ใจเราอยากกินอะไรข้างทางมื้อนึงไม่เกิน 2 ร้อยมากกว่า

เหมือนรู้สึกตรงกัน ว่ามื้อนี้ควรกินอะไรยังไง ที่ไหน และเท่าไหร่
ตามระยะเวลา และโอกาศ กับเงินที่ควรจับจ่ายใช้สอย
แต่ละมื้อ ตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่เคยกินมื้อนึงเกิน 300 เลย (กิน 2 คนนะอ่ะ)

ยอมรับว่ารู้สึกดีอีกข้อ ที่ว่า "อืมมมม ไม่เวอร์ ไม่เฟ้อ เปย์จนทำตัวป๋าหน้าใหญ่ดีแห๊ะ"
กินเท่าที่ควรกิน แถมยิ่งกว่าเราอีก มือเย็น งดอาหารหนัก
หาเหตุผลมาอธิบายสารพัดสารเพ
(จนคล้อยตามทำตาม แต่ก็ยอมรับว่าดีกับสุขภาพเราด้วย)

และ....จากที่เห็นบ้านช่อง ห้อง หับมาแล้ว แล้วก็เท่าที่เจอพ่อเค้ามา
ทุกอย่างโอ.เค. ไม่มีอะไรน่ากังวลเท่าไหร่
กังวลก็แต่ ความรู้สึกของตัวเองนี่แหละ
กลัวผิดหวัง กลัวนั่น กลัวนี่

ทำให้พยายามถอยห่างเค้าออกมาหลายครั้ง
เพื่อนๆ พี่ๆ บางคน ถามว่า "เองจะกลัวอะไร กลัวแบบนี้แล้วจะมีปั๋วมั้ย"
"อย่ากลัวลุยเลยไอ้น้อง จะเจ็บ จะเสียใจอีกก็ช่างแมร๊ง"
"ถ้าเองไม่กล้าพอ แล้วเองจะรู้ได้ไงว่าดี หรือไม่ดี"
"แล้วถ้าเองต้องเสีย อะไรดีดีไป เพราะทุกๆ อย่างที่เองคิดไปเอง จะมาเสียใจทีหลัง"

กับอีกพวก

มักจะเตือนด้วยความเป็นห่วง
"เห้ยดูดีดีนะ ไม่ใช่มีลูกมีเมียแล้วนะเว้ย"
"เห้ยไว้ใจได้รึเปล่าวะ ไม่ใช่มาจีบหลอกฟันแล้วชิ่งนะ"

โอ้โหวววว จิตตก รอบที่สามสิบแปดเจ้าค่ะ
อินี่ ถอยยย อีก เงียบหายไปสองวัน
ด้วยความสงสัย เค้าคง งง ว่าเราเป็นอะไร

จากที่มีโอกาศได้ช่วยเค้า ดูรายรับรายจ่ายของเค้า
ได้รู้ ได้เห็น ได้คุย ได้ยิน

- ได้รู้

* รายได้เค้าหลักๆ เดือนเท่าไหร่ (สำหรับเงินเดือน) เยอะกว่าเรา 3 เท่า (ว้าว)
* รายได้รอง (จ๊อบละเท่าไหร่) ก็ไม่น้อยเลย
* พอลูกค้าโอนเงินค่าทำงาน ปิดจ๊อบจบ ก็บอก เอาบัญชีให้ดู

- ได้เห็น

* เห็นสลิปเงินเดือนของเค้า (ไม่ได้โม้นี่หว่า)
* เงินในบัญชีเค้าว่ามีเท่าไหร่ จ่ายอะไรเดือนละเท่าไหร่
* ภาระอะไร ยังไง แค่ไหน เท่าไหร่ ต่อเดือน

- ได้คุย
* พี่เค้าว่าน่าหาอะไรทำเสริมรายได้ แต่คุยกันอีกที ว่าใครถนัดอะไรยังไง
* ถือว่าเป็นรายได้เสริมของเราสองคน

- ได้ยิน

* ตลอดเวลาที่ได้มีโอกาศใช้เวลาอยุ่ด้วยกันนานๆ หลายครั้ง
* ไม่มีอะไรผิดปกติที่เป็นที่น่าสงสัย โทรศัพท์ก็ส่งให้รับ ให้อ่านแมสเสจให้ฟังบ่อยๆ

แต่เรื่องโทรศัพท์ อีเมล์เค้า ไม่ค่อยอยากไปยุ่งเท่าไหร่
ไอ้อยากรู้อะอยากรู้แน่นอนอยู่แล้ว (ที่สุดเลยด้วย)
แต่บางที อะไรที่รู้ ที่เห็นแล้วทำให้ไม่สบายใจก็เลี่ยงดีกว่า

บางคนอาจจะว่าทิ้งโอกาศในการจับผิดไป
อืมมมม แต่เรากลับคิดกลับกัน
ในเมื่อตัดสินใจจะคบเค้าแล้ว

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องส่วนตัวเค้าที่เราไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย
เพราะถ้าเค้ามาก้าวก่ายเรื่องของเราแบบนี้เราคงไม่พอใจเท่าไหร่
(แต่ก็ไม่มีอะไรปิดบังนะ)

อีกอย่างถ้าอะไรจะเกิดวันข้างหน้า
คงโทษคนอื่นไม่ได้ นอกจากโทษตัวเอง
ถ้าไม่เริ่ม อะไร อะไร มันก็คงไม่เกิด

ได้แต่ภาวนาให้ความชื่นมื่น คงอยู่แบบนี้ไปนานๆ

เราเจออะไรมาคล้ายๆ กัน จึงเข้าใจภาวะจิตใจอยุ่บ้าง
เวลาเจ็บมันก็เจ็บนาน กว่าจะหายไม่ใช่ระยะเวลา แค่สองสามเดือนจะหาย
แต่มันใช้เวลาเป็นปี

แรกๆ ฉัน ตั้งกฎให้ตัวเองเลยว่า
จะโทรคุยกันแค่วันเว้นวัน
วันนี้โทร (วันละครั้งพอ) ถ้ามีธุระก็ว่าไปอีกเรื่อง
วันพรุ่งนี้ ถ้าคิดถึง ก็ส่งแมสเสจหา วันละครั้ง

สลับกันไปแบบนี้อยู่พักนึง
พี่เค้าคงอึดอัดกับสิ่งที่เราทำ
เค้าเลยถามว่า "พี่ทำให้เราอึดอัดใจอะไรรึเปล่า ถ้าไม่อยากคบพี่ก็บอกตอนนี้เลยนะ"
"ทิ้งระยะเวลาไปนานกว่านี้มันจะเจ็บหนักกว่าตอนนี้"

ก็เลยเล่าให้เค้าฟังว่าเรา มีความคิดแบบนี้ๆๆ
ไม่อยากติดพี่มากเกินไป ยิ่งคุยอาจจะยิ่งติด
วันไหนถ้าไม่ได้คุยกันจะรู้สึกกระวนกระวาย

(แบบที่เคยผ่านมามันเป็นแบบนี้ รู้สึกทรมานจิตใจมากมาก)
เลยขอเลือกที่จะทำให้เป็นความเคยชินไปดีกว่า
ว่า โทรคุยกัน วันเว้นวัน จะดีกว่า

พี่เค้าเลยบอกว่า "เราทำตามความรู้สึกตัวเองจะดีกว่ามั้ยอย่าตั้งกฎเกณฑ์"
"อยากโทรก็โทร อยากคุยก็คุย อย่าคิดว่า เมื่อวานโทรคุยกันแล้ว วันนี้อย่าคุยเลย"
"มันดีกับเราสองคนแล้วเหรอ"

แต่ก็ยอมรับ ว่าเหมือนตั้งกำแพงให้ตัวเองในระดับนึง ถึงได้ทำแบบนี้
เผื่อว่ามันอาจจะทำให้เราไม่รู้สึกผูกพันธ์กับเค้ามากเกินไปนัก
แบบว่า "วันนี้ไม่ได้คุยก็ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย เฉยๆ ชิวๆ"

อยากคุยถึงคุย อยากรับก็รับ ไม่อยากรับก็ไม่ต้องรับ
(อาร์ทตัวเมีย) (แต่อาร์ทตัวแม่นี่ มียิ่งกว่าเราอีกนะ)
ทุกวันนี้ก็ยังเป็น เลยต้องตกลงทำความเข้าใจกันก่อนเลย

ว่าเราเป็นแบบนี้นะ อย่าเซ้าซี้ คุยก็คุย ถ้าบอกว่าขี้เกียจคุย ก็วางซะ
อย่าเว้าวอนอะไรมากมาย เพราะจะรำคาญได้
มันจะพาลทะเลาะกันไปเปล่าๆ หรือบางทีโทรมาไม่มีอะไรจะคุย

ก็แป๊บเดียววางสายไปไม่เสียหาย ถือว่าเรายังได้รู้ว่ายังมีชีวิตอยุ่ดีกันทั้งคู่
จะว่าไป คบกัน เป็นแฟนกัน มันก็เหมือน คนอื่น
ไม่ใช่ว่า ฉันเป็นน้ำ เธอเป็นอ๊อกซิเจนซะที่ไหน
ขนาดที่ว่าจะขาดกันไม่ได้

ฉันพยายามคิดอยู่ตลอดเวลา ว่า "ยังไงเค้าก็คนอื่นนะ"
ถึงแม้ตอนนี้จะมีอิทธิพลกับความรู้สึกฉันมากเพียงไหน
เค้าก็ยังคงเป็น "คนอื่น" เสมอแหละ

ไม่มีใครครอบครองใครได้
ตัวเราของเรา
ตัวเค้าก็ของเค้า
แต่ใจเรา จะเป็นของเราได้ตลอดไปรึเปล่า ตอบไม่ได้
แล้วใจเค้า จะเป็นของเราตลอดไปรึเปล่า อย่าไปคิดเลยดีกว่า

บางคนต่อให้มีคนล้อมหน้าล้อมหลัง
แต่ในใจรู้สึกว้าวุ่น หรือเหงาหงอย
ยังไงก็หงอย ยังไงก็เหงา
หรือบางคน ว้าวุ่น ต่อให้จับไปปล่อยเกาะ
ลอยอยู่กลางทะเลคนเดียว ไงมันก็ว้าวุ่นอยู่ดี

สุดท้ายก็ไม่มีอะไร นอกจาก "ตัวเราเอง"
ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องจากกันอยู่ดี
แต่แตกต่างกันด้วยวิธี แหละเหตุผลในการจากลา

จากเป็น
กับ
จากตาย

แต่ยังไงมันก็คือการจากกันอยู่ดี
วันนี้เลยคิดแบบที่ จี้ กับ พี่ป๊อบ บอกว่า
"จะไปคิดไรมาก วันนี้มีความสุขก็โอ.เค.แล้ว พรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง อย่าไปคิดไรมาก"
"อนาคตก็คืออนาคต แต่วันนี้เรารู้ว่าเราควรทำอะไร ให้ดีแค่ไหน"

ขอบคุณ สำหรับความห่วงใยจากทุกๆ คนนะจ๊ะ

ปล. ตอนนี้ฉันเป็นคนตาบอด(สี) อยู่




Create Date : 22 เมษายน 2552
Last Update : 22 เมษายน 2552 14:48:53 น. 16 comments
Counter : 661 Pageviews.

 


ตาบอดเป็นสีชมพู ^^


โดย: nanida วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:16:39:18 น.  

 
โอ๊ะ โอ พุชายเค้าเรียนบัญชีหรือเปล่าเนี่ย ทำไมละเอียดจัง


ถ้าพี่อกหักบอกหนูนะ หนูจะช่วยดาม อิอิ


โดย: กั๊ดจัง IP: 58.136.127.44 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:16:57:37 น.  

 
นานๆจะเข้ามาขอทำหน้าแบบนี้สักครั้ง แถลงเป็นการเป็นงานมากเลยคุณอ้อนอี๊ด สรุปว่าลุยไปเลยใช่ไหม


โดย: prunelle la belle femme วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:17:27:49 น.  

 




ดีใจด้วย เพื่อนสาวมีแฟน


ส่วนข้อดี 5 ข้อของคุณแฟนนี่ต่างกับผมสิ้นเชิงเลย

55555555555555555


มิน่าหล่ะกุโสดดดด




โดย: นายแมมมอส วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:18:19:04 น.  

 
พี่มด : ตาบอดสีจริงๆ นะ

อาบูด : วิศวะกรตัวเล็กๆ อะ ไม่จบบัญชีหรอก แต่ทำบัญชีไว้ (พี่ว่าดีนะ) เจอเค้าทำบัญชี พี่ยังอายเลย

คุณพรุน อ้อมแอ้ม อิอิ : มีคนสงสัยกันเยอะ เลยเล่าซะละเอียดเลย จากได้เลิกถาม

แมมมด : ฮ่าๆๆๆ เอ้ยคุณ งดเหล้าน้อยลง เดี๋ยวดีเอง ลองดิ


โดย: Ta Pling วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:19:24:52 น.  

 
ว๊าวววว

เตรียมงานแต่งได้เรยแบบนี้

เหมาะโสมกันดี ... อิอิอิ



โดย: ซซ วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:20:05:00 น.  

 
ซาหวัดดีจ๊าพี่อี๊ด

อ่านแถลงข่าวของพี่อี๊ดวันนี้แระ รู้สึกถึงช่วงที่ตัวเองตาบอดสีอยู่นั้นเลย

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จักกับเค้า ตัวเราเอง (ไม่ใช่ตัวเค้า) อาจจะชอบเค้ามากขึ้นทุกวัน ๆ และมันก็เป็นจริงเช่นนั้น แต่กำแพงที่ตัวเองสร้างไว้ก็คอยเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าตัวเองเป็นคนยังไง มีสภาพแบบไหน และพร้อมที่จะให้เค้าได้เจอสิ่งที่ดีกว่าอยู่ตลอดเวลา แต่พอเอาเข้าจริงเป็นเราเองที่รู้สึกเจ็บ (และเป็นเราเองที่ปล่อยใจไปมากขนาดนั้น)

แต่ถึงตอนนี้ก็ไม่รู้สึกเสียใจ เพราะดีใจที่ครั้งหนึ่งก็เคยมีความรู้สึกดี ๆ มอบให้กับใครซักคน และสิ่งที่ผ่านไปมันสอนอะไรมากมาย

เพียงแค่คำพูดบอกสั้น ๆ ว่าเป็นยังไงบ้าง ยังอยู่ดีรึเปล่า เพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

แต่ตอนนี้มีนจะพยายามดูแลใจของตัวเองให้ดี ๆ และจะพยายามอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด

เฮอๆๆ จ้อเรื่องของตัวเองอีกแร้วววว (แต่รู้สึกดีจังอ่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะพี่อี๊ด)

โฮะๆๆ ยังไงก็ดีใจด้วยจ๊าพี่อี๊ด ก็ขอให้ตาบอดสี สีนี้ด้วยนะ (ห้ามเอาสีอื่น) แบบนี้ตลอดไปเลยน๊า

ขอให้ Happy ๆ มีความสุขมาก ๆ น๊า

เป็นกะลังใจให้จ๊า

หลับฝันดีน๊า

"สุดท้ายก็ไม่มีอะไร นอกจาก "ตัวเราเอง"
ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องจากกันอยู่ดี
แต่แตกต่างกันด้วยวิธี แหละเหตุผลในการจากลา" :::::: ชอบประโยคนี้อ่ะ


โดย: minporee วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:21:39:30 น.  

 
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด เป็นคนแรกที่บอกว่า(เดา) ตัวเล็กหน้าเด็ก สาธุขอให้สมพรปากคุณอ้อนอี๊ด

ทำงานวันนี้ชิลล์มาก ทำงาน 50 เล่นเน็ตส่งแมว 50 โหะ โหะ โอกาสองแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เริ่มแสบตามาละ

แถลงขนาดนี้เราว่าใครมีคำถามอีกก็เกินไปละ 555 อย่าเรียกน้องบ่อยนะ ขนลุก หุหุหุ


โดย: prunelle la belle femme วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:22:18:03 น.  

 
อ่ะพี่อี๊ดมีนลืมเลยอ่ะ

ว่าจะแว้บมาบอกว่าคำว่า "โอกาศ" ต้องใช้ "ส" อ่ะ เป็น "โอกาส"

แต่ถ้าเราเขียนคำว่า "อากาศ" ใช้ "ศ" ได้จ๊า

อ่ะคุณครูตรวจให้แร้ววววว

ไปหละน๊า

หลับฝันดีจ๊า

ปล.พี่อี๊ดมันยากจังเลยอ่ะ แต่ก็จะพยายาม ก็ชอบนี่หน่า


โดย: minporee วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:22:18:04 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

ดีใจด้วยครับ สำหรับคนที่มีความรัก

ไม่น่าเชื่อว่าความรักจะทำให้คนพิมพ์เรื่องราวได้ยาวขนาดนี้

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:23:04:05 น.  

 
ต่อไปต้องเป้น ถะแหลงๆๆงานแต่ง อิอิ

ตรงไหนของบางรักบอกม๊า

ตามหาจุ๋ยก้วยสุดขอบฟ้า


โดย: ซซ วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:20:55:24 น.  

 
...
...

กี๊ดดดดดดดดดดด

...
...


โดย: ^-^ IP: 58.8.152.164 วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:21:32:59 น.  

 
อะไรกัน ผมไม่ได้เข้ามาไม่กี่วัน มีแฟน (อีก) แล้วเหรอ


โดย: pick IP: 58.137.81.212 วันที่: 24 เมษายน 2552 เวลา:6:56:49 น.  

 


รถถังเจ้าขา..

พูพูดได้คำเดียว
"เอาเหอะ"

อบอุ่นด้วยอาทรเกินผ่อนแล้ว
กับโผยแผ่วหวานละมุนคอยหนุนให้-
ละเมียดความหอมกรุ่นแห่งอุ่นไอ-
ของความนัยโอบบ่วงคล้องดวงมาน

เนอะ



โดย: พธู วันที่: 24 เมษายน 2552 เวลา:6:58:52 น.  

 
จริงๆ แล้ว พุชายเค้าก็ดีนะ + กับที่พี่อายุก็ปูนนี้แล้ว

ถามคำเดียวว่า

พี่ยังจะคิดอีกเหรอ

อุตส่าห์จะมีคนสอยลงจากคาน แล้วยังจะกลัวอีกแน่ะ


โดย: butbbj วันที่: 24 เมษายน 2552 เวลา:7:35:04 น.  

 
หวัดดีคุณอี๊ด เขียนละเอียดมากเลย อ่านเเล้ว ใช้เหตุผลคิดตามไปได้ไม่ยาก รู้สึกดี ก็อย่าลืมทำดีต่อกันมาก ๆ นะครับ ยังไงขอให้โชคดี


โดย: Wild Strawberries วันที่: 25 เมษายน 2552 เวลา:14:02:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ta Pling
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ทำตามที่ใจสั่งการ


Friends' blogs
[Add Ta Pling's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.