ดื้อยา-แพร่เชื้อไวดังไฟลามทุ่ง อาการหวัดที่โลกตระหนักแล้ว แต่รัฐไทยยังงึกๆงักๆ
จนถึงวันนี้รัฐบาลไทยยังคงแสดงท่าทีต่อการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ในลักษณะการรับมือเชื้อหวัดใหญ่ธรรมดาอยู่เหมือนเดิมครับ กล่าวคือยังคงคิดว่าเป็นปัญหาทำนองฤดูกาล คือเดี๋ยวมันก็เผ่านไป แล้วทุกอย่างก็คงจะดีขึ้นเอง
แรกเริ่มเดิมทีออกมาบอกทำนองว่าจะไม่มีคนไทยเสียชีวิตจากเชื้อหวัดนี้ ผมยังคิดเลยว่าอย่าพูดไปก่อนจะดีกว่า เดี๋ยวเกิดมีคนไทยตายขึ้นมาจริงๆ รัฐบาลจะเสียหน้า และขาดความน่าเชื่อถือลงไป พูดไม่ทันไร ถึงวันนี้พิสูจน์คำพูดชนิดกลอนพาไป ของรัฐบาลด้วยตัวเลขผู้เสียชีวิต 5 ศพแล้วนะครับ
ยังไม่แค่นั้น ยังมีความพยายามให้ข้อมูลต่อไปในเชิงที่ว่า ที่เสียชีวิตนั้นเป็นเพราะอาการจากโรคอื่นเป็นเหตุ เช่นจากไตวาย หัวใจวาย ฯลฯ ทำให้คนเข้าใจผิดๆว่า ถึงติดเชื้อหวัดก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่ได้เป็นโรคหัวใจหรือโรคไตมาก่อน
ทั้งๆที่จริงๆแล้วควรจะบอกว่า ถ้ารู้ตัวว่าป่วยให้รีบไปหาหมอ ถ้าปล่อยไปนานก็อาจหัวใจวายหรือไตวายได้
โดยสรุปจะเรียกว่ายังไงดี เรียกว่ารัฐบาลมองปัญหาเรื่องนี้ว่าเป็นปัญหา "ตัวใครตัวมัน" เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกันทั้งโลก เราจะไปทำอะไรได้ หรือเปล่าไม่รู้? แต่เท่าที่เห็นรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงสารธารณะสุขไม่ได้มีการปูพื้นความคิด และแนวทางปฎิบัติ ณ ปัจจุบัน และ ณ อนาคตอันใกล้ หากสถานการณ์ผันแปรหนักหนาขึ้นตามลำดับ ให้แก่ประชาชนได้รับรู้เข้าใจอย่างเป็นรูปธรรมอย่างใดเลย
เพราะอย่างน้อยก็ควรจะบอกว่า หากเชื้อหวัดขยายตัวลุกลามมากขึ้นไปกว่านี้ ประชาชนคนไทยควรจะทำอย่างไรกันบ้าง หนึ่ง สอง สาม สี่ ... ไม่ใช่บอกซ้ำๆแค่ว่าให้ล้างมือ ล้างปาก บ่อยๆ แลวก็จบกันไป แล้วก็ได้แต่ปลอบใจคนไทยว่า ยาที่สั่งไว้กำลังจะมาถึง
แต่ถ้าการแพร่ระบาดยังเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ อีกไม่นานคงไม่ต้องคิดถึงว่ายาที่สั่งมาจะพอรักษาหรือไม่ เพราะโรงพยายาลหรือหมอจะเพียงพอต่อการรับผู้ป่วยหรือเปล่ายังสงสัย
วันนี้มีข่าวว่า เริ่มพบผู้ป่วยที่ดื้อยาบ้างแล้ว เป็นเหตุให้แพทย์ต้องทดลองนำยาตัวอื่นมาใช้กับผู้ป่วยแทน นั่นคือสัญญาณที่ส่อว่า มีความเป็นไปได้ที่เชื้อหวัดที่ฝังอยู่ในตัวมนุษย์ต่างพันธุ์ ต่างสภาพกันนั้น มีโอกาสจะกลายพันธุ์ได้ ซึ่งไม่ทราบว่าหากกลายพันธุ์ต่อไป ผลของการติดเชื้อหวัดนี้จะเป็นยังไง จะร้ายแรง รวดเร็ว มากขึ้นมากน้อยแค่ไหน ในฐานะคนไทยคงจะทำได้แต่แค่เพียงสงบจิต ภาวนาว่าอย่าให้เป็นเช่นในนั้นเลย
พร้อมๆกันกับข่าวผู้ป่วยดื้อยานั้น ที่ลอนดอนก็มีรายงานว่ารัฐบาลได้ออกมายอมรับ เมื่อวันพฤหัสบดี(2) ว่าอังกฤษอาจพบผู้ติดเชื้อหวัดมรณะนี้ 100,000 คนต่อวัน ในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม ก็เป็นได้ แต่ก็ย้ำว่าไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกแต่อย่างใด เพราะเป็นแค่เพียงการคาดการณ์เท่านั้น ข่าวระบุว่า แอนดี เบิร์นแฮม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้หากแนวโน้มผู้ติดเชื้อในอังกฤษยังคงเป็นไปตามทิศทางปัจจุบัน ที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสเอช1เอ็น1 เพิ่มเป็นสองเท่าในแต่ละสัปดาห์และเวลานี้มีผู้ติดเชื้อเกือบ 7,500 รายแล้ว
"ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุกสัปดาห์ และตามทิศทางแบบนี้เราอาจมีผู้ติดเชื้อกว่า 100,000 คน ในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม แต่ผมย้ำว่ามันเป็นเพียงการคำนวณล่วงหน้าเท่านั้น" เบิร์นแฮม บอกกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร "สถานการณ์นี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ และแน่นอนเราต้องมีแผนสำหรับกรณีที่ยุ่งยากกว่าที่เป็นอยู่"
สำหรับในเมืองไทยเรา เอาเฉพาะ ณ เวลานี้นะครับ ตัวเลขอัตราการติดเชื้อ (ที่ไม่รู้ว่าจะเชื่อถือได้แค่ไหน) ยังคงเพิ่มมากขึ้นทุกวัน และดูเหมือนว่าจะเหนือกว่าอังกฤษด้วยซ้ำไปซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ต้องให้ถึงวันละ 1 แสนคนหรอกครับ เอาแค่หลักพันต่อวัน
ก็คงจะเกิดเป็นกลียุคกันแล้ว
จะว่าไปก็ไม่ไกลแล้วนะครับ ทุกวันนี้ก็มีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นทางการเกือบ 100 คนต่อวันแล้ว กว่าจะลากไปถึงเดือนสิงหาคม ถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น แต่เลวร้ายลงไปอีก ถึงวันนั้นเราคงต้องเตรียมข้าวสารอาหารแห้ง ตัวใครตัวมันแล้วก็เป็นได้
ความน่าสะพรึงกลัวทั้งหลายไม่เกิดขึ้นหรือบรรเทาเบาบางลงก็ดีไป แต่ถ้าเป็นในทางตรงกันข้าม ก็อย่าไปคิดว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ เพราะถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ต่อไป ไม่นานคุณจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ได้เข้ามาพัวพันอยู่ใกล้ตัวคุณมากขึ้นทุกทีๆ
ถ้าถึงเวลานั้น อย่าได้คิดหวังพึ่งพาภาครัฐโดยเด็ดขาดครับ ปัจจุบันเอาแค่เจ็บป่วยด้วยโรคภัยธรรมดาสามัญก็หาเตียงอนาถาในโรงพยายาลรัฐแทบจะไม่ได้อยู่แล้ว สำมะหาอะไรกับสถานการณ์ถ้าโรคระบาด
พึงช่วยเหลือตนเองและครอบครัวเอาเองเถิดครับ ต้องสังเกตสังกาเรื่องสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวให้มาก
เตรียมคิดเรื่องการเก็บเงินสดและของมีค่าที่แปลงเป็นเงินได้ทันทีไว้กับตัวบ้าง เรื่องที่อยู่อาศัยบ้างและความปลอดภัยในเวลาที่ผู้คนวุ่นวายฉวยโอกาสบ้าง อาหารและเครื่องนุ่งห่มบ้าง
ใครที่บอกว่าเรื่องนี้ไม่น่ากลัว บ้าบอกันไปเกินเหตุ ก็ไม่เป็นไรครับ คนเรามองโลกต่างกันได้ แค่คิดเตรียมการให้มากอย่างมีสติเข้าไว้ คงไม่เสียหายอะไรกระมังครับ .
Create Date : 04 กรกฎาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 4 กรกฎาคม 2552 10:56:27 น. |
Counter : 509 Pageviews. |
|
|
|