ยิปซีสีน้ำเงิน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
16 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ยิปซีสีน้ำเงิน's blog to your web]
Links
 

 
Modigliani : เจิดจ้า ทระนง เปล่าเปลือยในวิถีแห่งศิลปิน



Amedeo Modigliani : เจิดจ้า ทระนง เปล่าเปลือยในวิถีแห่งศิลปิน


Title: Woman with Red Hair




ศิลปินสมัยใหม่คนหนึ่งของอิตาลีที่ได้รับการยอมรับว่า
เป็นผู้สร้างผลงานที่มีลักษณะเฉพาะตัวชัดเจนคนหนึ่งในวงการศิลปะสมัยใหม่
คือ อะเมดิโอ โมดิเกลิยนิ (Amedio Modigliani)
โมดิเกลิยนิ เสียชีวิตในขณะที่มีอายุเพียง ๓๕ ปี
เช่นเดียวกับฟาน ก็อก อัจฉริยะศิลปินชาวดัตช์
แม้โมดิลยานิจะไม่ได้ฆ่าตัวตายอย่างฟาน ก๊อก
แต่ความกดดันทางจิตในทำให้เขาปล่อยตัวให้ถูกโรคร้ายคุกคามจนเสียชีวิตในที่สุด






ขณะที่ยังมีชีวิตทั้งสองคนต้องประสบกับความยากจนอย่างมาก
และไม่มีผู้เข้าใจผลงานของเขาเช่นเดียวกัน
นอกจากนั้นการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของทั้งสองคนยังคล้ายคลึงกันคือ
สร้างสรรค์ผลงานศิลปะตามความรู้สึกนึกคิดและความพอใจของตน
โดยไม่ติดอยู่กับหลักเกณฑ์ทางศิลปะลัทธิใดลัทธิหนึ่ง
จึงทำให้ผลงานของเขาก้าวกระโดดออกมา
จากลัทธิศิลปะที่กำลังเป็นที่นิยมกันในขณะนั้น






โมดิเกลิยนิ เป็นเด็กที่รักและสนใจศิลปะแม้ครอบครัวของเขาจะมีฐานะไม่ดีนักก็ตาม
แต่ผู้เป็นมารดาพยายามส่งเสริมลูกให้เรียนศิลปะในสถาบันที่มีชื่อเสียงของอิตาลี
ในปี ค.ศ. ๑๙๐๒ โมดิเกลิยนิ ได้เข้าเรียนศิลปะที่สถาบันวิจิตรศิลป์แห่งนครฟลอเรนซ์
ซึ่งเขาได้ฝึกฝนเกี่ยวกับงานประติมากรรม
แต่เรียนอยู่เพียงปีเดียวก็ย้ายไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์แห่งนครเวนิช
หลังจากนั้นในปี ค.ศ. ๑๙๐๖ โมดินยานีได้เดินทางไปกรุงปารีส
และได้เข้าศึกษาศิลปะที่ Academie Colorossi ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส
ชีวิตในนครปารีสเป็นชีวิตที่อิสระ เป็นแหล่งชุมนุมของศิลปินหัวก้าวหน้า
ที่เดินทางมาจากประเทศต่างในยุโรป


โมดิเกลิยนิ ก็เหมือนศิลปินหนุ่มต่างชาติทั้งหลายที่มักเข้ามาใช้ชีวิตเสรี
อยู่ที่ย่านมองมาร์ต (Montmartre) เขาได้เรียนรู้และเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น
จากการสนทนาถกเถียงและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
และมีมองมาร์ตนั่นเอง เขาได้พบเพื่อนศิลปินต่างชาติเป็นจำนวนมาก
บางคนได้คบเป็นเพื่อนที่สนิทสนมต่อมา เช่น บรานคูช
ได้แนะนำให้เขารู้จักมาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ทำให้ผลงานศิลปะของโมดิเกลิยนิ
มีทั้งวาดเส้นจิตรกรรม และประติมากรรมอันมีลักษณะพิเศษเป็นของตนเอง
ภาพบุคคลของเขามักมีใบหน้ายาว
บางชิ้นมีการวางท่าคล้ายประติมากรรมขอม





เขาเดินทางกลับไปอิตาลีเพื่อไปสร้างงานในแห่งที่มีหินอ่อนคุณภาพดีที่เมืองคารารา (Carara)
และแหล่งหินปูนที่เมืองลิโวโน (Livono)
โมดิเกลิยนิ ชอบสลักหินปูนซึ่งมีเนื้ออ่อนกว่าหินอ่อน
เขาได้สลักประติมากรรมรูปศีรษะ ในช่วง ค.ศ. ๑๙๑๑-๑๒ ไว้หลายชิ้น

ผลงานประติมากรรมเหล่านี้ แสดงให้เห็นอิทธิพลของศิลปะแอฟริกันปรากฏอยู่
คือโครงสร้างยาว ส่วนประกอบของศีรษะ เช่น จมูกจะยาวลงมาตามโครงหน้า
ประติมากรรมเหล่านี้มีแต่ศีรษะลงมาถึงคอเท่านั้น
ผลงานประติมากรรมของโมดิเกลิยนิแสดงให้เห็นว่า
เขาพยายามจะสร้างรูปทรงขึ้นใหม่ โดยละทิ้งความเหมือนจริง
ให้ความสำคัญกับปริมาณและองค์ประกอบของเส้นรอบนอกเป็นสำคัญ





ในปี ค.ศ. ๑๙๑๔ โมดิเกลิยนิหันมาสร้างงานจิตรกรรมและวาดเส้น
ส่วนมากเป็นการเขียนภาพเหมือนและภาพเปลือย
การวาดรูปของเขาเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับวงการศิลปะสมัยใหม่ในขณะนั้น
เขาจะวาดรูปอย่างที่เขาอยากจะวาดตามแบบของเขา
โดยไม่ยึดกฎเกณฑ์ของลัทธิศิลปะใดเป็นหลัก
แม้เขาพยายามจะเป็นจิตรกร แต่ก็ยังติดอยู่กับรูปแบบประติมากรรมของตน
ดังนั้นสิ่งที่เขาวาดมักจะมีใบหน้ายาวหรือคอยาว
และเขียนส่วนอื่นๆ ด้วยเส้นที่สัมพันธ์กันอย่างง่ายๆ







และภาพสุดท้ายคือ ภาพชื่อ Jeanne Hebuterne เป็นภาพเหมือนของ Jeanne Hebuterne
ภรรยาของโมดิเกลิยนิซึ่งเป็นผู้ให้ที่พักพิงแก่เขา
และเป็นภรรยาของเขาในเวลาต่อมา
และได้ให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่งในปี ค.ศ. ๑๙๑๘
ผลงานชิ้นนี้แม้จะมีโครงสีที่สดใจกว่าภาพเหมือนที่กล่าวมาก็ตาม
แต่ท่าทางของเธอนั้นแสดงอารมณ์ที่เศร้าซึมอย่างลึกๆ





ในระหว่างปี ค.ศ. ๑๙๑๗ เป็นต้นมา โมดิเกลิยนิหันมาวาดภาพเปลือยมากขึ้น
แต่ส่วนใหญ่มีโครงสร้างและการจัดวางองค์ประกอบของภาพคล้ายคลึงกัน
ผลงานเหล่านี้ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนในสมัยนั้น และกลับถูกต่อต้านเสียอีก
เขาถูกจัดเป็นจิตรกรและประติมากรชั้นเลว (Ies peintres maudits)
และถูกเรียกอย่างดูถูกต่างๆ นานา เช่น Accursed





โมดิเกลิยนิทำงานอย่างจริงจังมากขึ้น
ในปี ค.ศ. ๑๙๐๗ โมดิเกลิยนิ ได้พบกับ ดร.ปอล อะเล็กซานเดอร์
ซึ่งเป็นจิตแพทย์ที่เปิดคลีนิกอยู่แถวมองมาร์ตใกล้กับที่พักของเขา
ดร.ปอล อะเล็กซานเดอร์ เป็นคนรักงานศิลปะและเป็นนักสะสมคิลปะ
คงมองเห็นแววที่ก้าวหน้าของโมดิเกลิยนิ จึงให้การสนับสนุน
และคอยซื้อผลงานวาดเส้นและผลงานจิตรกรรมของเขาอยู่เสมอ
ทำให้โมดิเกลิยนิ มีเงินเลี้ยงชีพและทำงานศิลปะต่อไปได้
แต่ก็อยู่ในสภาพที่ยากจน เพราะผลงานของเขาขายได้เพียงชิ้นละไม่กี่ฟรังก์
แม้จะมีอาร์ตดีลเลอร์บางคนพยายามจัดแสดงผลงานให้เขาแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ



สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาหันไปดื่มสุราและใช้ชีวิตอย่างเสรี
จนสุขภาพของเขาเสื่อมโทรมลงไปทุกทีๆ และเป็นคนเจ้าอารมณ์
แม้ใน ค.ศ. ๑๙๑๗ จะได้พบกับ Jeanne Hebuterne
และได้อยู่ด้วยกันจนมีลูกสาวด้วยกันคนหนึ่งก็ตาม
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๑๙ เขาเดินทางไปเยี่ยมแม่ภรรยา นำลูกสาวไปฝากสถานเลี้ยงเด็ก
ในเดือนกรกฎาคมเขาได้จัดเแสดงผลงานของเขาในกรุงลอนดอน
แล้วกลับไปปารีสใน เดือนมกราคม ค.ศ. ๑๙๒๐


โมดิเกลิยนิ ยังคงเที่ยวดื่มเหล้าไปตามถนนในกรุงปารีส เพื่อผ่อนคลายความทุกข์อยู่เสมอ
เขามักกล่าวว่า “ I am going to drink myself death”
และในที่สุดความตายก็ย่างกรายมาหาเขา
โมดิเกลิยนิ ป่วยหนักถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
หลังจากนั้นอีกสองวันเขาก็เสียชีวิตในวันที่ ๒๔ มกราคม ๑๙๒๐

ต่อมาอีกวัน เมื่อ Jeanne Hebuterne ได้ข่าวการเสียชีวิตของสามี
เธอจึงตัดสินใจกระโดดจากหน้าต่างที่พักของครอบครัวลงมา
และเสียชีวิตในขณะที่เธอตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือน
ร่างของคนทั้งสองถูกฝังไว้ ณ สุสาน Pere-Lachise
ในฝรั่งเศสเป็นที่ซึ่งพ่อแม่ และลูกจะอยู่ด้วยกันไปชั่วนิรันดร์






แม้โมดิเกลิยนิจะสร้างงานจิตรกรรมและประติมากรรมไว้ไม่มากนัก
แต่เขาเป็นคนชอบสเก็ตช์ด้วยดินสอและสีน้ำ
และปรากฏว่าดร. ปอล อะเล็กซานเดอร์ซื้อผลงานของเขาไว้เป็นจำนวนมาก
ซึ่งต่อมา โนเอล อะเล็กซานเดอร์ บุตรชายของดร.ปอล อะเล็กซานเดอร์
ได้รวบรวมผลงานวาดเส้นจำนวนกว่า ๔๕๐ ชิ้นมาพิมพ์ไว้
ในหนังสือชื่อ The Unknown Modigliani ทำให้ผู้สนใจศิลปะได้รู้ว่า
ช่วงชีวิตสั้นๆ ของโมดิเกลิยนินั้นเขาสร้างสรรค์งานไว้ไม่น้อย






ในปี ค.ศ. ๑๙๘๔ สถาบันอะเมดิโอ โมดิเกลิยนิ (Amedeo Modigliani Institute)
ได้รวบรวมผลงานศิลปะของเขามาจัดแสดง
เพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดปีที่หนึ่งร้อย ให้แก่ศิลปิน
ผู้ซึงได้รับการยกย่องว่าเป็นศิลปินสมัยใหม่คนสำคัญ
ผลงานแต่ละชิ้นของเขามีราคานับพันล้านบาท

ทว่า...ในขณะที่เขามีชีวิตอยู่กลับถูกจัดว่าเป็นศิลปินชั้นเลว
ไม่มีใครเห็นคุณค่าในผลงานของเขาเลย....








ขอบคุณ : ข้อมูลประวัติศิลปินจาก “ห้องศิลป์บุญชัย”

















Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 1 มีนาคม 2551 14:36:20 น. 36 comments
Counter : 6108 Pageviews.

 
ดีจังที่นำผลงานศิลปินคนโปรดมาแสดง
โมดิเกลียนี่เป็นผู้ใช้สีน้ำตาลได้วิเศษสุด
และเขียนผู้หญิงได้อ่อนหวานสุด
เราว่าเขารู้จักธรรมชาติและอารมณ์ผู้หญิง
มากกว่าศิลปินคนไหนในยุคเดียวกัน
(พิกัสโซเหรอ ไม่ติดฝุ่น ดีแต่แฟนสวยและละอ่อนกว่านิ)
รัก...(โมดิเกลียนี่) จ้ะ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:34:43 น.  

 
น่าเสียดายจังค่ะ ยังอายุน้อยอยู่เลย

ไม่มีอะไรให้อ่านจริงๆด้วย ขอแต่เข้ามาอ่านก่อนแล้วกันนะคะ


โดย: อย่าบอกนะว่าเจ้าคือขุนศึก วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:56:55 น.  

 
ผลงานมีเอกลักษณ์ทุกชิ้นเลยนะคะ
ชอบภาพผู้หญิงใส่หมวกจังเลย หน้าตาเธอลึกลับดี

ปล. ช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว มีเวลาอัพบล็อกนานขึ้นละค่า อุอุ
ปล.2 เศร้าใจเล็กๆ ไม่เคยอยากให้เด็กได้ศูนย์
เพราะไม่เชื่อว่าคะแนนตัวเลขเป็นสิ่งวัดคุณภาพคนได้
แต่ก็จำเป็นต้องแจกศูนย์ไปแล้ว... ตามพฤติกรรมการเรียนของเจ้าตัวแสบ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:17:00 น.  

 
ภาพที่สองคุ้นมากๆเลยค่ะ ไม่รู้ว่าไปเห็นจากหนังเรื่องไหนหรือเปล่านะ

อ่านแล้ว ชีวิตเขาเศร้าจังนะ โดยเฉพาะเรื่องภรรยาของเขา


โดย: cottonbook วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:31:35 น.  

 
เศร้าอ่ะพี่ยิบซี

เค้าจะมาเล่าเรื่องเอ๊ย แจ้งข่าวเด็ดๆค่ะ

พ่อเปิดบลอคแล้วค่ะพี่ยิบซีคนสวย

อ้อ ถ้าพี่แวะไปหาพ่อ พี่แวะไปหาเป็ดน้อยที่น่าสงสารด้วยนะคะ

เป้ดโดนขังอยู่ที่ group blog

"เล้าดั่ค บึงเป็ด" ค่ะ

ฝันดีนะคะพี่ยิบซีของเป็ดจัง


โดย: be-oct4 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:02:49 น.  

 
เข้ามาชมศิลปะสวยๆครับ
ที่ชอบอีกอย่างคือชอบลักษณะประจำตัวของศิลปินดูเรียบๆง่ายๆสบายๆ

เพิ่งทราบว่าคุณยิปซี พูดน้อย ต่อยหนัก แบบนี้น่ากลัวกว่า คนพูดมาก อีกนะครับ


โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:37:42 น.  

 
ท่าทางฌานจะรักสามีของหล่อนมาก มากถึงขั้นกระโดดจากหน้าต่างลงมาตายทั้งๆ ที่ตัวเองท้องอยู่แท้ๆ

หรือว่าหล่อนมีปัญหาทางจิตกันแน่หนอ...

เป็นผลงานที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ ชีวิตรันทดคล้ายๆ แวน โก๊ะห์ แต่เรารู้สึกว่าเขายังสบายกว่าแวน โก๊ะห์อยู่โข (รายนั้นเป็นพวกแสวงหาความทุกข์ให้ชีวิต)

หน้ายาวๆ ถ้าวางองค์ประกอบดีๆ ก็สวยมากนิ


โดย: waidhaya วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:2:05:57 น.  

 
ชอบ ศิลปะ แบบนี้จังครับ


โดย: everything on วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:30:07 น.  

 
อย่างนี้ต้องชอบงานของกรองแก้วแน่เลยค่ะ
กรองแก้วชอบโมดิเกลียนี่

//www.sarakadee.com/modules.php?name=AvantGo&op=ReadStory&sid=2206


โดย: ม่วนน้อย วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:08:43 น.  

 
ภาพวาดของโมดิเกลียนี่
ม่วน.ว่ามันไม่ใช่ภาพของมนุษย์
เพราะมนุษย์เรามีแววตา


โดย: ม่วนน้อย วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:11:37 น.  

 
ไม่รู้เหมือนกันนะคะ ว่าทำไมศิลปินสมัยก่อนนี้
กว่างานจะโด่งงดังเป็นที่รู้จักและนิยมสำหรับชาวโลก
ถึงต้องแลกด้วยชีวิตก่อนทุกทีเลย ...

...................

ตอนนี้มีเวลาและเน็ตว่างคอมว่างเลยแย่งมา
ใช้ก่อนเลยค่ะ ก่อนที่คนอื่นจะแย่งเล่นและเน็ตเต่า
อีกรอบ ... ตอนนี้ไม่ได้ยินเสียงไก่ขันเป็นวงๆ
ค่ะ เลยนอนสบายมาหน่อยแล้ว เย้ๆ


โดย: JewNid วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:24:54 น.  

 
ชอบรูปแบบนี้จังค่ะ ชอบรูปผู้หญิงที่นั่งบนเก้าอี้ด้วย ทำไมศิลปินต้องมีชีวิตเศร้าๆด้วยน๊า ทั้งๆที่พวกเค้าทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น

ถ้า โมดิเกลิยนิ ไม่เสียชีวิตในวัยหนุ่ม ป่านนี้โลกคงมีศิลปะสวยๆไว้ประดับอีกเยอะเลยนะคะ



โดย: KOok_k วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:39:53 น.  

 
กรี๊ดดดดด
พี่ยิบซีสีชมพูจ๋า น้องบีของพระทัยในความสุภาพแสนหวานและดวงตาอันเปรื่องปราชญ์ของพี่ยิบซีอย่างสุดชีพค่ะ อิอิ อ่านแล้วดีใจสุดๆอ่ะพี่ ที่ว่าแลดุเหมือนอยู่ในวัยเรียน กรี๊ดดด กันบ้านแตกค่ะพี่ขา

บีน่ะ อีกแค่สามกิโลเมตร ก็เลี้ยวเข้าแยกหลักสี่แล้วค่ะพี่ยิบซี ตอนนี้ก็มาปักหลักอยู่แถวริมคลองประปาแหละ อีกสามกิโลเมตรถึงหลักสี่จริงๆ (อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ ให้ดิ้นตาย)

เฮ้อ พ่อกลับมาคราวนี้ดีใจสุดชีพเลยค่ะพี่ขา

อีก สามเดือนก็ครบวันแต่งงานหนึ่งปีของเป็ดจังแล้วนะคะ

เป็ดจังเหลืออีกแค่สามเดือน จะต้องผลิตลุกเป็ดแฝดให้ได้

ฮ่าๆๆๆๆ

ปล. พี่ยิบซีมีเทคนอคผลิตเป้ดแฝดไหมคะ


โดย: น้องบี...สีไวโอลิน (be-oct4 ) วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:41:53 น.  

 
สวัสดีครับ

ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยมีหนังเรื่องชีวประวัติของเขาด้วยครับ
มีในบทต้องปะทะกับปีกัซโซ่ด้วย

ผมไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันรึเปล่า

เป็นหนังเกี่ยวกับศิลปะที่สนุกมากๆครับ


.......................


ปล. ผับเมืองนนท์มีผับไหนกล้าจ้างผมบ้างครับ
ถ้าได้ชั่วโมงละ 5 หมื่นจะลงไปร้องทันทีเลยครับ 5555
พอดีที่เชียงใหม่ไม่มีใครกล้าจ้างครับ
เลยต้องร้องและเล่นให้ลูกเมียฟังแทน 5555




โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:38:38 น.  

 
ขอบคุณมากเลยค่ะ คุณยิปซีฯขา

วันนี้เราใจตรงกัน ออนพร้อมกันเลยเนอะ ....

ช่วงนี้กำลังต้องการ กำลังใจอย่างแรงพอดีเลยค่ะ

ช่อชบาทะลุผ่านกำแพงมาชั้นหนึ่งมาเเล้ว..

. .................. .

แต่ตอนนี้กำลังพยายามจะทะลุผ่านอีกชั้นที่ยากกว่า..

ยากกว่า....ตรงที่เป็นกำแพงที่มองไม่เห็น

มืดจังเย้ย....ช่วยด้วย


โดย: `ช่อชบา (HHG ) วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:32:34 น.  

 
เศร้าจังอีกแล้ว....

ทำไมต้องตายแล้วถึงดังด้วย งง

เมื่อคืนก็แวะมาเยี่ยมนะคะ เพราะคิดถึง

แต่อ่านไม่จบเลยไม่ได้เม้นท์


วันนี้แวะมา....ขอบคุณที่คิดถึงกัน


โดย: ช่อชบา (HHG ) วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:45:32 น.  

 
มา Blog นี้ ได้เห็นภาพสวยๆ ความรู้ด้านศิลปะดีๆ ทุกทีเลยครับ
ชอบครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:3:59:08 น.  

 
ได้ความรู้เพิ่มเติม.........
เก็บเกี่ยวงานศิลปะดีๆ
เรื่องราวดีๆ...ได้จากที่นี่..
.....


โดย: พุกไม้ IP: 222.123.20.234 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:10:21 น.  

 


พี่ยิปซีฯ คะ...


แว๊บจากที่ประชุมมาชื่นชมศิลป์งามๆ ค่ะ

เป็นเรื่องแปลกอยู่อย่างนะคะ
คนเราเวลามีชีวิตอยู่ ผู้คนมักไม่ค่อยเห็นคุณค่า
ต่อเมื่อ..ตายไปแล้วนั่นล่ะ หากมีผลงานดีดี จึงมาชื่นชมกัน
แต่ก็ยังดีเนอะ ที่ยังมีคนเห็นมั่ง




โดย: หทัยชนก IP: 202.29.129.10 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:37:53 น.  

 
ยิปซีจ๋า...
ต่อไปยิปซีต้องซื้อธูปติดบ้านไว้มั่งนะจ๊ะ
เราจะได้ไม่คิดถึงกันจนมากเกินไป
...
แง แง แง




โดย: ป้าซ่าส์ วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:25:45 น.  

 


ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ที่มีมาให้เสมอนะคะ

เข้ามาในบล็อกสวยๆ นี้แล้วสบายใจที่สุด

แต่ไม่เห็นโฉมเจ้าของบล็อกบ้างเล้ยยยย



โดย: ป้าเเอ๊ด (addsiripun ) วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:16:44 น.  

 
เป็นชีวิตที่น่าเศร้าจังเลยครับ

แต่เห็นผลงานเค้าก็อดนึกถึงเพื่อนหญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้ายาวไม่ได้

ปล.ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อัพบล็อกเลย
ขอโทษด้วยนะครับ อีกสามวันก็จะกลับไปซิดนี่ย์แล้ว


โดย: กะได วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:23:08 น.  

 
ดีจ๊ะคุณยิปซี .. โตสโผล่มาหาได้แล้ว......

อ่านตรงช่วงย่อหน้าแรกแล้วรู้สึกว่า .. พวกศิลปินเนี่ย .. หลาย ๆ คนทีเดียวเลยนะ
ที่มี "อารมณ์และความคิดของตัวเอง" เป็นศัตรูตัวร้ายของตัวเอง
แล้วก็ทำให้คิดไปอีกด้วยว่า .. ทำไมศิลปินส่วนใหญ่ ถึงมีความคิดอ่านที่เข้าใจยากจริง ๆ เลยเนอะ
เข้าใจยากแบบที่ว่า แม้แต่ตัวเอง ก็ยังไม่เข้าใจตัวเองจนทำให้เกิดความสับสนและกดดันกับตัวเองอะไรเงี้ย
พูดถึงตรงนี้แล้วนึกถึงตัวเอง .. โตสไม่ใช่ศิลปิน แต่ก็เคยเป็นพวกอารมณ์แปลก ๆ แบบศิลปินเหมือนกันล่ะ
แต่ตอนนี้หายแปลก หายสับสนกดดันแล้วจ๊ะ .. แค่ยังรำคาญตัวเองบางอย่างแค่นั้นเอง

แต่ก็อ่ะนะ .. ในกรณีของ นายโมดิเกลิยนิ เนี่ย .. เป็นใครก็คงต้องกลุ้ม ๆๆๆ แหละเนอะ
เพราะศิลปินหลาย ๆ คน เค้าเกิดมาเพียงเพื่อเป็นศิลปิน ..
คือประมาณว่า .. ไม่รู้จะทำอะไรกิน นอกจากงานศิลปะ อะไรเงี้ย
แต่ในกรณีของเค้า .. โตสมองว่าเค้าค่อนข้างเห็นแก่ตัวด้วยนะ
คือถ้าเป็นโสดตัวคนเดียวก็ว่าไป อยากทำอะไรก็ทำ .. แต่นี่มีลูกมีเมีย
แต่พูดออกมาได้ว่า I am going to drink myself death .. แล้วลูกกับเมียล่ะ ??
น่าสงสารลูกสาวที่ต้องไปอยู่สถานเลี้ยงเด็ก แล้วยังต้องมาเป็นกำพร้าทั้งพ่อและแม่ในเกือบเวลาเดียวกัน
อืม .. พูดถึงเรื่องเด็กแล้วอินน์ทุกทีเลยดิโตส .. ถ้าอินน์ไปก็โทษทีจ๊ะ

อีกอย่างนึงที่ ฟาน ก็อก กับ อะเมดิโอ โมดิเกลิยนิ เหมือนกันก็คือ
ทั้งสองคนไม่ได้มีโอกาสยินดีกับความสำเร็จและชื่อเสียงของตัวเอง
และอีกอย่างก็คือ ทั้งสองคนไม่ได้ทำเงินจากงานของตัวเอง
และอย่างสุดท้ายที่ทั้งสองเหมือนกันก็คือ .. ตายไปแล้วถึงจะดัง .. น่าเสียดายแทนทั้งสองคนจัง ..

เป็นจิตรกรและปฎิมากรชั้นเลว .. ฟังดูรุนแรงดีจังเลยเนอะคุณยิปซี

โตสเพิ่งรู้วันนี้นี่แหละคุณยิปซี ว่าศิลปะยาว ๆ ยืด ๆ เนี่ย มันเป็นศิลปะแอฟริกัน

.......................

โตสไม่ได้เล่นเน็ทเป็นเดือน บอกตรง ๆ ว่าคิดถึงเหมือนกันเลยล่ะ
แต่ก็ดีใจ ที่เห็นเพื่อน ๆ บางคน .. รวมทั้งคุณยิปซีด้วย ที่ไม่ลืมเลือนกันไป
ที่ยังแวะไปร้องหา ไปบอกคิดถึงกัน .. อ่านแล้วมีความสุขดีล่ะคุณยิปซี ..
ขอบคุณสำหรับความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ตรงนี้จ๊ะ


โดย: Chini วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:6:00:25 น.  

 
มาแย้วววว....

เฮ้อ...ไปได้สัมผัสเทคโนโลยี่เสียหลายวัน...ชักจะฝืดๆเหมือนกันแฮะ
ช่วงนี้อยากทำงาน อยากเขียนรูปเลยไม่ได้เข้าบล๊อคเลยเจ้าค่ะ
รู้สึกว่าตัวเองห่างไปเสียนานจนเก้ๆกังๆ ปล่อยไว้นานกว่านั้นมันก็จะเป็นเพียงสายลมที่ผ่านเลย

เลย...เลยดักทางลมไว้เสียหน่อย
รู้สึกดีค่ะ...เลยดองบล๊อคไว้ซะเเป็นเดือนๆ แล้วก็ดองไว้จนไม่ได้ไปทักทายใคร

ผู้น้อยสมควราตาย...โปรดไว้ชีวิตผู้น้อยด้วย...

แล้วจะไปยืนอ่านหญิงไทยทุกๆต้นปักษ์นะคะ
(พวกไม่ลงทุนน่ะ...แหม...อ่านคอลัมภ์เดียวแล้วให้ซื้อทั้งเล่มน่ะเงินทองมันหายากนะจะบอกให้....ฮี่....ฮี่)


โดย: ปลายแปรง วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:7:53:24 น.  

 
People are lonely ....

Because they build ..

WALLS instead of bridges


โดย: ช่อชบา IP: 58.9.165.196 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:37:06 น.  

 
ศิลปินแต่ละท่านนี่ชีวิตจบลงอย่างน่าเศร้า (อีกแล้ว!)

ผมเคยดูหนังเรื่อง Modigliani ครับ
ในหนังเน้นว่าเขาเป็นคู่แข่งกับพิกัสโซ
โดยส่วนตัวไม่ค่อยประทับใจตัวหนังเท่าไหร่


โดย: wayakon วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:18:46 น.  

 
สวัสดีครับ

นอกจากไม่ถือว่าก้าวก่าย
ผมต้องบอกว่าขอบคุณมากๆครับที่มอบคาถาบทนี้ให้
ผมก็มอบให้มาดามท่องครับ
แต่ไม่ยอมท่องเลย 55555

ผมท่องบทสวดนี้ก่อนนอนมาตั้งแต่ ป.5 ครับ
จนถึงทุกวันนี้ก็ยังสวดทุกคืนก่อนนอน

มาดามคงผ่าออกนะครับ

เค้าบอกว่าจะเลือกวิธีนี้ครับ
ผมมีหน้าที่ให้กำลังใจอย่างเดียวครับ



โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:02:54 น.  

 
เขียนคอมเม้นท์พาดพิงถึงคุณ ไว้ดังนี้ครับ

วันนี้ MSN กับคุณแอม I am just fine ถามเธอว่ารู้จักศิษย์สะดือไหม เธอชักงง
เลยพอรู้ว่าเราคงคนละรุ่นกัน เลยชวนเปลี่ยนเรื่องคุย ไปเรื่องความฝันกันเสียเลย

มาอ่านคอมเม้นท์คุณยิปซีสีน้ำเงิน เลยคิดว่าเราน่าจะร่วมสมัยกันนิ แต่จะบอกว่าระวังเวลาชวนชวนคุยกับใครเรื่องศิษย์สะดือ ระวังเขาจะบอกว่าไม่รู้จัก ใครหรือ จะผงะ แล้วย้อนดูตัว คนแบบเรา ก็ชอบหวนคิดอดีตน่ะนะ

บ่นไปงั้น แต่จะบอกว่าชอบฝันจนป่านนี้ก็เพราะ ศิษย์สะดือ นี่แหละครับ

คนเราขาดความฝัน ชีวิตจะมีค่าอะไร เนอะ


โดย: คนขับช้า วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:31:13 น.  

 
นึกถึงเสมอเช่นกันครับ

ช่วงนี้ยังคงเร่งงานอยู่อย่างหัวปั่น และคงยังจะหายหน้าไปอีกพักใหญ่ล่ะครับ

แต่ช่วงพักสมองก็จะใช้วิธีแว่บเข้ามาเที่ยวบล๊อกคนโน้นคนนี้บ้างแบบนี้แหละครับ


ชีวิตศิลปินคนนี้เศร้าจริงๆ ความเศร้ายังเผื่อแผ่ไปถึงเมียและลูกอีกด้วย...


โดย: คนทับแก้ว วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:44:16 น.  

 




ไปเล่นระบายสีที่บล็อกคุณพลทหารไรอันมาค่ะ
เอาผลงานมาแปะไว้ค่ะ สนุกมากๆ ขอบคุณคุณไรอันฯ
ที่นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต....


โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:42:27 น.  

 

หนุกๆๆเอาอีกรูปนะคะ




โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:04:30 น.  

 
มีหนังสือของศิลปินท่านนี้อยู่เช่นกัน
วันนี้ได้เข้าใจประวัติมากขึ้นอีก
แม่ยิปนี่เก่งจริงๆ


โดย: พ ร า น IP: 222.123.138.101 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:47:38 น.  

 
สวัสดีค่ะ..คุณหลาน...

สบายดีหรือเปล่าคะ...สบายดีนะ...ส่วนป้าสบายดี...


โดย: nu-an วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:57:06 น.  

 
สวัสดีครับคุณ ยิปซีสีน้ำเงิน เชิญแวะดื่ม cocktail ก่อนนะครับ(คนวาดภาพ nude จิตใจไม่ nude ตามภาพครับ)


โดย: veerar วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:41:16 น.  

 
มาชมภาพอีกครั้งนะครับ



โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:39:27 น.  

 
เศร้าจังเลยค่ะ
คนที่ตายไปแล้วเท่านั้นที่เป็นตำนาน
น้อยครั้งเหลือเกินที่จะเห็นตำนานที่ยังมีชีวิต

อ่านแล้วนึกถึง J.S. Bach


โดย: gluhp วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:16:40:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.