The Starry Night
The Starry Night : ค่ำคืนแห่งดวงดาวแสนเศร้า ★ ★★ ★★ ★ "Starry, starry night Paint your palette blue and grey Look out on a summer's day With eyes that know the darkness in my soul " "ค่ำคืนแห่งดวงดาวพราวฟ้า ระบายสีน้ำเงินและสีเทาลงบนจานสี พลางทอดสายตาผ่านวันแห่งคิมหันตฤดู ด้วยดวงตาที่บ่งบอกถึงวิญญาณอันหม่นหมองและสิ้นหวัง" ฉันนึกถึงภาพหนึ่งของศิลปินผู้อาภัพ ในค่ำคืนอันไร้ดาวของบางคนนั้น ภาพวาด Starry Night ของ Vincent Vangogh วินเซนต์ แวนโก๊ะ (ฟานก็อก) อันโดดเด่นด้วยต้นไซเปสส์แทงกิ่งก้านขึ้นสุดขอบฟ้า เป็นภาพวาดที่แสดงทิวทัศน์ยามค่ำคืนของชนบท ท่ามกลางก้อนเมฆ หมู่ดาว และดวงจันทร์ เขารังสรรค์ดวงดาวให้เด่นสว่างเกินความเป็นจริงบนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม โทนสีและพู่กันตวัดแต้มสีเป็นเส้นๆ ทั้งเส้นตรงและเส้นโค้ง แฝงความลึกลับ มีพลัง และสะท้อนอารมณ์แปรปรวนของเขา The Starry Night นี้แวนโก๊ะวาดในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1889 เป็นภาพวาดสีน้ำมันบนพื้นผ้าใบ แวนโก๊ะได้กล่าวถึงภาพ " Starry Night " นี้ว่า "ฉันกำลังประสบกับปัญหาอย่างมากในการเขียนภาพของยามค่ำคืน ถ้าพูดให้ถูกแล้วก็คือ การถ่ายถอดภาพลงบนผืนผ้าในเวลากลางคืนก็ได้ " ภาพของแสงสีในยามค่ำคืนนั้น เป็นภาพที่เขาใฝ่ฝันอยากเขียนขึ้น และความฝันของเขาก็ได้กลายมาเป็นความจริง เมื่อเขาตัดสินใจย้ายมา อยู่ที่เมืองอาเรส ในเดือนกุมภาพันธ์ของปี ค.ศ. 1888 ในจดหมายเขาได้กล่าวไว้ว่า " ในชีวิตของจิตรกรแล้ว ความตายอาจไม่ใช่ความยากลำบากที่สุดในชีวิต ฉันสามารถพูดได้ว่า ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย แต่เมื่อฉันได้มองดูดวงดาวแล้ว ฉันก็เริ่มนึกคิดจุดดำมืด ที่แสดงถึงภาพของเมืองและหมู่บ้านในแผนที่ ทำให้ฉันคิดว่าทำไมมนุษย์เราถึงได้ให้ความสำคัญ ของจุดดำมืดที่อยู่บนแผนที่ของฝรั่งเศส มากไปกว่าแสงสว่างอันแท้จริงที่ส่องตรงมาจากสวรรค์ มันก็คงเหมือนกับการที่เราเลือกไปรถไฟ เพื่อจะไปยังทาราสคอน หรือโรนหรือเราจะเลือกเอาความตาย เพื่อจะไปให้ถึงดวงดาวบนฟ้านั่น " ผลงานเจิดจ้าอันนิรันดร์จากฉากชีวิตอันแสนเศร้าของแวนโก๊ะ ฉันนึกถึงถ้อยคำเรนัวร์ ศิลปินอีกคน ที่วาดภาพโดยใช้พู่กันผูกไว้กับแขนว่า The pain passes, but the beauty remains ความเจ็บปวดผ่านพ้นไป แต่ความงามยังคงอยู่. ● ●● ●● ●● ● " Now I think I know What you tried to say to me And how you suffered for your sanity And how you tried to set them free They would not listen They're not listening still Perhaps they never will..." "ห้วงยามนี้ ฉันรับรู้แล้ว... ว่าคุณพยายามบอกอะไรแก่ฉัน ว่าคุณทุกข์ทรมานเพียงใดกับการควบคุมจิตใจที่ว้าวุ่น สับสน คุณพยายามจะปลดปล่อยความรู้สึกเหล่านั้นออกมาอย่างอิสระ พวกเขาไม่ฟังเลย พวกเขายังคงไม่รับฟัง บางที พวกเขาจะไม่..ตลอดไป...." ● ●● ●● ●● ●
Create Date : 01 ตุลาคม 2550
26 comments
Last Update : 2 ตุลาคม 2550 19:23:03 น.
Counter : 8197 Pageviews.
ชอบเหมือนกันอีกแล้ว
ภาพของเขามีพลังมากเลยนะคะ
เคยเล่าเรื่องนี้ไว้ในบล็อกแม่เกาลัดเหมือนกันค่ะ
อ่านเจอในนิตยสารสารคดี ยิ่งประทับใจมากขึ้น
เขาเขียนถึงการประดิษฐ์หลอดสี
จนทำให้เกิดศิลปินอิมเพรสชันนิสม์
มาแทนที่การวาดรูปแบบเก่า
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=sineenart&date=25-05-2007&group=1&gblog=7
สงสารแวนโก๊ะจังค่ะ
และจอห์น แรนด์ ด้วย
อุตส่าห์อุทิศตัวเองให้กับการค้นคว้าการประดิษฐ์
ค้นพบต้นแบบหลอดที่คนเอามาใช้แพร่หลาย
จากหลอดสี พัฒนาเป็นหลอดยาสีฟัน
และอื่น ๆ แต่ตัวเองกลับยากจนตราบวันสุดท้าย