มีคนถามเข้ามาเยอะมากว่าเตรียมตัวอะไรยังไง สอบเป็นยังไงบ้าง ก็เลยคิดว่า เขียนโพสท์เดียวแล้วแชร์เลยน่าจะดีกว่า การสอบครั้งนี้เราสอบแบบ Academic เพื่อเอาไปยื่นเรียนต่อ (IELTS มีการสอบ 2 แบบ คือ Academic กับ General ต่างกันยังไง ลองไปหาดูเองนะ) ต้องการคะแนนเฉลี่ยทั้งหมด 6.5 แต่ละพาร์ทไม่ต่ำกว่า 6.0 ซึ่ง IELTS ประกอบไปด้วย 4 พาร์ท คือ Listening, Reading, Writing และ Speaking แต่ละพาร์ท จะให้เวลาไม่เท่ากัน แต่คะแนนเฉลี่ยหรือ Band Score ของทุกพาร์ทจะเต็ม 9 และรวมไปถึงเฉลี่ยทั้งหมดด้วย
มี 40 ข้อ ให้เวลา 40 นาที โดยที่เป็นเวลาสำหรับฟังและจดคำตอบ 30 นาที และให้เวลาในการย้ายคำตอบไปใส่ในกระดาษคำตอบ 10 นาที ข้อสอบจะแบ่งเป็นส่วนๆ 5 ข้อบ้าง 10 ข้อบ้าง เมื่อพูดจบหนึ่งส่วนแล้วจะให้เวลาในการตรวจทานคำตอบเล็กน้อย ก่อนจะไปยังส่วนถัดไป ซึ่งตรงนี้ก่อนเขาจะเริ่มพูดเขาจะให้เวลาเราดูคำถามก่อนประมาณ 30 วินาที
ข้อควรระวัง คือ ต้องฟังดีๆว่าการพูดครั้งหนึ่ง ครอบคลุมกี่ข้อ บางครั้งคำถามอาจจะอยู่ในหน้าถัดไปที่เราไม่ทันได้ดู ทำให้เราพลาดได้ง่ายๆ
ข้อสอบจะมีหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งเติมคำในบันทึก, คำถามพร้อมตัวเลือก, จับคู่, ดูแผนที่แล้วจับคู่สถานที่ ส่วนใหญ่แล้วคำตอบจะเรียงลำดับตามการพูดของเขาเลย แนะนำว่าถ้าพลาดตรงไหนแล้วให้ข้ามไปก่อนเลย แล้วค่อยกลับมานึกตอนจบส่วนนั้นแล้ว ไม่งั้นอาจจะพลาดยาวทั้งชุดคำถาม ต้องมีสติมากๆ
ข้อควรระวังที่ 2 คือพวกตัวเลข จำนวน หรือ วันที่ เพราะเขาอาจจะมีการพูดแก้ไขภายหลัง การพูดออกมาตอนแรกอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกเลย ต้องโน้ตไว้ก่อนแล้วฟังให้จบอย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป เราควรดูคำถามว่าเค้าน่าจะพูดถึงอะไร พอเริ่มเข้าเค้าแล้วก็พยายามตั้งใจฟังดีๆ
ข้อควรระวังที่ 3 บางคำตอบ จะต้องอยู่ในรูปพหูพจน์ หรือเติม s ซึ่งเรามีโอกาสพลาดตรงนี้สูงมาก เพราะฉะนั้นต้องใช้บริบทในคำถามช่วย ด้วยการดูแกรมม่าว่า เออ คำตอบมันควรจะมี s รึเปล่า ตรงนี้ก็ช่วยได้เยอะเหมือนกัน
ควรเขียนคำตอบทั้งหมดด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ และระวังพวก ลำดับที่ ลำดับชั้น ที่คำตอบไม่ใช่ตัวเลขธรรมดา เช่น 1st , 2nd
พาร์ทนี้ไม่รู้ว่า Academic กับ General ต่างกันยังไงบ้าง ขอเล่าในส่วนที่ไปเจอมาก่อนละกัน คือข้อสอบจะมี 3 เรื่องให้อ่าน และให้เวลา 1 ชั่วโมง (เฉลี่ยบทความละ 20 นาที) แต่ละเรื่องยาวประมาณ 2-3 หน้า
คำถามมีความหลากหลายเช่นเคย แต่เซทปราบเซียนคือ True, False, Not Given ซึ่งสร้างความสับสนวุ่นวายมากว่า มึงคือ False หรือ Not Given 555555 ซึ่งเทคนิคคร่าวๆคือ False คือประโยคที่เขาพูดนั้นผิด หรือมีข้อโต้แย้ง แต่ Not Given คือเขาไม่ได้ให้ข้อมูลมาในบทความเลย
รูปแบบอื่นๆ เช่น เติมคำใน short note , เลือกหัวข้อที่เหมาะสมกับย่อหน้านั้นๆ , คำถาม-ตัวเลือก
ข้อควรระวัง คือดูให้ดีว่าเขาให้เติมคำตอบแบบไหน เป็นคำหรือเอาเฉพาะตัวเลือก A B C มาตอบ และจัดการเวลาดีๆ
เทคนิคส่วนตัวในพาร์ทนี้คือ เราจะอ่านให้จบบทความก่อน แล้วค่อยไปดูคำถาม โดยตอนอ่านประมาณเวลาว่าไม่เกิน 10 นาที พยายามขีดเส้นใต้ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ทำไม เพื่อให้รู้เนื้อเรื่องคร่าวๆ และเวลาอ่านคำถามจะได้ไม่ต้องมาหาทีเดียวทั้งบทความ
จำไว้ว่า ทุกคำตอบของพาร์ท Reading อยู่ในบทความนั่นแหละ
3 พาร์ทแรกจะสอบพร้อมกันกับผู้สอบคนอื่น หลังจากนั้นเขาจะนัดสอบพูดกับกรรมการแบบตัวต่อตัว ซึ่งเขาได้กำหนดเวลาสอบให้กับแต่ละคนเรียบร้อยแล้ว แค่รอเวลาสอบเท่านั้น ซึ่งนี่ก็เป็นอีกพาร์ทที่มีปัญหาสำหรับเรา คือ เตรียมตัวน้อยมาก และ กังวลว่าเราจะทำได้ไม่ดี
การสอบจะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
1. แนะนำตัว กับคำถามที่เกี่ยวกับตัวเอง ตรงนี้เราได้คำถามเกี่ยวกับ Hometown , ว่ายน้ำ, การทำอะไรในเวลารีบเร่ง
2. พูดตาม topic ที่กำหนด โดยพูดไปเรื่อยๆประมาณ 2 นาที เขาจะให้เราดู topic แล้วให้เวลาเราเตรียมตัว เขียนโน้ตประมาณ 1 นาที โดยจะมีไกด์คร่าวๆว่าเราควรพูดถึงอะไรในหัวข้อนี้มาให้ด้วย เราได้หัวข้อ ของที่เรายืมคนอื่นมาแล้วมีประโยชน์กับเรามากที่สุด ตรงนี้เราใช้เวลา 1 นาทีนั้นแต่งเรื่องสด 555555 เพราะมันจำเป็นต้องพูดให้ได้ถึง 2 นาที
3. คำถามแบบถามตอบเหมือนส่วนที่หนึ่ง แต่เนื้อหาจะเกี่ยวกับ topic ในส่วนที่สอง ตรงนี้ถือว่าค่อนข้างยาก เพราะเราต้องคิดก่อนตอบ และเวลาคิดน้อยมาก ลักษณะคำถามจะเป็น คุณเห็นด้วยหรือไม่ ... คุณคิดว่า ... ทำไม ... อะไรประมาณนี้ คำถามที่เราเจอ เช่น คิดว่าการยืมของสามารถทำให้เกิดการขัดแย้งกันได้หรือไม่ , คิดว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องขออนุญาตก่อนยืมของของคนอื่น (ยากอีกแล้ว T_T)
หลังจากสอบเสร็จทุกพาร์ท พูดได้เต็มปากว่าจิตตกไปซักพัก 5555 เพราะรู้สึกว่าตัวเองทำพาร์ทเขียนกับพูดได้ไม่ค่อยดี