ปูดเส้นทางเงินซื้อตำแหน่ง"สีกากี ~

ที่มา : วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 20:16:56 น. มติชนออนไลน์


ปูดเส้นทางเงินซื้อตำแหน่ง"สีกากี" พ.ต.ท.โชว์สเตทเมนต์โอนเงิน อนุก.ตร.เลื่อนสรุปผล 7 ก.ย.นี้

พ.ต.ท.ขนบัญชีแบงก์ส่งอนุ ก.ตร. ปูดเส้นทางเงินซื้อขายตำแหน่ง "โฆษกคณะอนุ กก."เผยสอบพยาน 80 ปาก พบหลักฐานชัดเจน ชี้พิรุธขอยกเว้นโยกย้าย 2,912 ตำแหน่ง เตรียมชง"สุเทพ"ดำเนินการ


"พ.ต.ท."แฉเส้นทางเงินซื้อตำแหน่ง


คณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ชุดพิเศษตรวจสอบซื้อขายตำแหน่ง ประชุมเมื่อวันที่ 4 ก.ย.สรุปผลการตรวจสอบโดยมี พล.ต.ท.เหมราช ธารีไทย ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน แทนนายสมศักดิ์ บุญทอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ติดภารกิจ โดยอนุ ก.ตร.เชิญ พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้จัดทำบัญชีแต่งตั้ง พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผู้บังคับการกองกำลังพล เข้าชี้แจงเป็นครั้งที่ 2 และ พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง จเรตำรวจ (สบ 8) ให้ปากคำให้ฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค (ผบช.ภ.) 6 โดยมี พ.ต.ท.วีระยศ ชื่นกลิ่นธูปศิริ รอง ผกก.ป.สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เข้าให้ข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งนำให้หลักฐานเอกสารแสดงรายการเคลื่อนไหวสมุดบัญชีธนาคารหรือสเตทเมนต์ ที่ พ.ต.ท.วีระยศอ้างว่าเป็นหลักฐาน การโอนเงินเพื่อซื้อขายตำแหน่ง


พ.ต.ท.วีระยศ กล่าวภายหลังเข้าให้ข้อมูลว่า นำสเตทเมนต์ 2 แผ่น มามอบให้คณะอนุ ก.ตร. โดยได้จากพลเมืองคนหนึ่งที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นบัญชีของบุคคลหนึ่งซึ่งไม่ใช่ตำรวจมีข้อมูลว่าเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นนายหน้าในการซื้อขายตำแหน่ง โดยเป็นการเคลื่อนไหวบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2552-4 สิงหาคม 2552 ในบัญชีมีการโอนเงินมาหลายครั้ง ครั้งแรกวันที่ 1 กรกฎาคม โอนมา 1.3 ล้านบาท และถอนออกคราวละ 20,000 บาท หลายครั้งในวันเดียว มีการโอนเงินเข้าหลายครั้งรวม ประมาณ 3.4 ล้านบาท และมีการถอนเงินออกไปหลายครั้ง สืบสวนทางลับพบว่า เงินที่ผู้วิ่งเต้นตำแหน่ง โอนเข้ามาเพื่อวิ่งเต้นจากตำแหน่ง ระดับรองผู้กำกับการ (รอง ผกก.) ขึ้นเป็น ผกก. ใน บช.ภ.7 ซึ่งเป็นการจ่ายเงินให้ก่อนล่วงหน้า 70% หากได้ตำแหน่งจริงจะจ่ายให้อีก 30% โดยมีคนเกี่ยวข้อง 3 คน มีผู้สั่งการ รับงาน โอนเงิน ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่ตำรวจ


สอบพยาน 80 ปากมีหลักฐานชัด


ด้าน พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะโฆษกคณะอนุ ก.ตร. เปิดเผยว่า การสรุปผลตรวจสอบข้อเท็จจริงลงความเห็นตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน โดยสรุปข้อมูลที่ได้จากการสอบปากคำนายตำรวจผู้ใหญ่หลายคนทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท ผู้ช่วย ผบ.ตร ผู้บัญชาการเกือบทุกกองบัญชาการและพยานที่เกี่ยวข้องที่ถูกกล่าวอ้างไว้ รวมทั้งสิ้น 80 ปาก ซึ่งคณะกรรมการมีความเห็นว่าพยานหลักฐานทั้งหมดมีความชัดเจนเพียงพอ ที่จะลงความเห็นได้ ส่วนวันนี้ (4 กันยายน) สอบปากคำเพิ่มเติม 3 ปาก รวมทั้ง พ.ต.อ.วีระยศ นำข้อมูลมาให้อีกส่วนหนึ่ง จึงต้องรอความเห็นจากนายสมศักดิ์อีกครั้งในวันที่ 7 กันยายนนี้ เพื่อพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม จากนั้นจะทำรายงานส่งนายสุเทพ ในฐานะประธาน ก.ตร.ทันที


ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลที่ได้จะทำให้การลงความเห็นในวันพุธที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ พล.ต.อ.นพดลกล่าวว่า ไม่เปลี่ยนแปลงมาก แต่มีอะไรที่น่าสนใจมากขึ้น คิดว่าเป็นประโยชน์เพิ่มเติมในการพิจารณา ที่เรียก พล.ต.ท.สุวัฒน์ และ พล.ต.ต.ชนาภัทร มาให้ปากคำอีกครั้ง หลังถูกพาดพิง ให้มาแก้ต่าง เมื่อถามว่าเป็นข้อมูลจากสเตทเมนต์ที่ พ.ต.อ.วีระยศให้มาหรือไม่ พล.ต.อ.นพดลกล่าวว่า ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า สเตทเมนต์ ที่ พ.ต.ท.วีระยศกล่าวอ้างนั้นสัมพันธ์กับผู้ใด ส่วนจะนำเงินไปมอบให้กับผู้ใดเพื่อจัดสรรตำแหน่งให้ใครหรือไม่นั้น ตรงนี้อาจให้คณะกรรมการชุดอื่นตรวจสอบต่อไป เนื่องจากชุดนี้ทำงานมาเยอะแล้ว ซึ่งจะดำเนินการต่อหรือไม่ต้องแล้วแต่ ไม่อยากกดดันหรือให้ความเห็น แต่ทั้งนี้หากเป็นกรณีที่ผู้บริหารรู้ว่ามีการกระทำไม่ถูกต้องเกิดขึ้นแล้วไม่ดำเนินการกฎหมายก็มีระบุอยู่


ชี้พิรุธขอก.ตร.ยกเว้น2,912ตำแหน่ง


เมื่อถามว่า สรุปว่ามีการซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ พล.ต.อ.นพดลกล่าวต่อว่า ยังไม่พูดตอนนี้ แต่ขณะนี้พบข้อเท็จจริงในการแต่งตั้งครั้งที่แล้วในวาระประจำปี 2551 ที่พบอนุมัติแต่งตั้งตำแหน่งที่ไม่เป็นไปตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่ง ตั้งและโยกย้ายระดับสารวัตร ถึงจเรตำรวจแห่งชาติ และรอง ผบ.ตร. พ.ศ.2549 ถึง 2,912 ตำแหน่ง ซึ่งตามกฎ ก.ตร.กรณีที่ต้องโยกย้ายโดยไม่ครบหลักเกณฑ์ต้องมีเสนอขออนุมัติยกเว้น ซึ่งอำนาจก็อยู่ที่ผู้บัญชาการเสนอมาให้ ผบ.ตร.อนุมัติ ก็เลยใช้อำนาจตรงนั้นอนุมัติยกเว้นไปถึง 2,912 ตำแหน่ง มีอยู่ในทุกกองบัญชาการ โดย บช.น.เยอะที่สุด 347 ตำแหน่ง บช.ภ.1 จำนวน 325 ตำแหน่ง บช.ภ.5 จำนวน 168 ตำแหน่ง ผบช.ก.และ บช.ภ.อื่นๆ ประมาณ บช.ละ 200 กว่าตำแหน่ง ซึ่งมากมายมหาศาลจริงๆ ทำไมต้องยกเว้นกันมากมายขนาดนั้น ซึ่งเป็นจุดที่ไม่เหมาะสม


ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางอนุ ก.ตร.เสนอความเห็นให้นายสุเทพหรือไม่ว่าต้องดำเนินกับผู้ที่บกพร่องอย่างไร พล.ต.อ.นพดลกล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ เมื่อถามย้ำว่า จะเสนอไปหรือไม่ว่าการแต่งตั้งครั้งนี้เป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ฐานบกพร่องของ ผบ.ตร. พล.ต.อ.นพดลกล่าวว่า ต้องมีซึ่งที่จริงสื่อก็รู้ เพราะมันเป็นระเบียบอยู่แล้ว ตนไม่อยากจะพูดเพราะอาจเป็นการล่วงเกินอำนาจของนายสุเทพได้ เมื่อถามว่า นอกจาก ผบ.ตร.แล้ว มีบุคคลอื่นลงนามคำสั่ง ต้องผิดด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.นพดลกล่าวว่า ไม่สามารถบอกได้ แต่ก็เป็นตำรวจระดับสูง แต่ไม่จำเป็นเสมอไปว่าคนที่ร่วมลงนามจะได้รับโทษ คนที่แก้ต่างได้ พิสูจน์ได้ก็ไม่เกี่ยวข้อง เมื่อถามย้ำว่า มีการซื้อขายตำแหน่งจริงหรือไม่ พล.ต.อ.นพดลกล่าวว่า จำนวน 80 กว่าปากที่สอบนั้นไม่มีใครยืนยันว่ามีการจ่ายเงิน เพื่อได้ตำแหน่ง มีแต่บอกว่าเล่ากันปากต่อปากเท่านั้น


สั่งรักษาการตามโครงสร้างใหม่


วันเดียวกัน พล.ต.อ.พัชรวาท มีบันทึกข้อความ ที่ 004.25/ว0067 เรื่องการเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ ลงวันที่ 3 กันยายน ถึง ผบช.หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ผบก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร.หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า โดยมีเนื้อหาตามที่หน่วยงานต่างๆ ได้เสนอบัญชีข้อมูลการแต่งตั้งเพื่อปรับเกลี่ยตำรวจเข้าสู่ตำแหน่งตามโครงสรางใหม่ส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ใหม่ พร้อมทั้งได้ตรวจสอบความถูกต้องของร่างคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจกับทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนไปแล้วนั้น โดยมีผลบังคับใน 7 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ พ.ร.ฎ.แบ่งส่วนราชการ ตร.พ.ศ.2552 มีผลใช้บังคับ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติราชการ จึงให้แจ้งข้าราชการตำรวจที่จะได้รับการแต่งตั้ง เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งใหม่หลังจาก ตร.มีคำสั่งแต่งตั้ง โดยด่วนภายในวันที่ 8 กันยายน

Create Date : 04 กันยายน 2552		0 comments
Last Update : 4 กันยายน 2552 21:30:02 น.
Counter : 294 Pageviews.
Share Tweet