8 เหตุผลที่คุณควรดูซีรีย์ Penny Dreadful เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสยองประจำปี เราขอชวนคุณๆ คอซีรีย์มาเพิ่มดีกรีความขนลุกให้อินเทรนด์กับเทศกาลนี้ด้วย Penny Dreadful หนึ่งในซีรีย์แนวดราม่า / สยองขวัญ ที่ได้รับการยกย่องว่ามาพร้อมความสะพรึงอย่างแท้จริง ทีเด็ดของซีรีย์นี้ นอกจากการมี แซม เมนเดส (American Beauty, Skyfall) ผู้กำกับชื่อดังมาเป็นหนึ่งในทีมผู้อำนวยการสร้าง ยังการันตีคุณภาพโดยผู้สร้าง (creator) อย่าง จอห์น โลแกน หนึ่งในนักเขียนบทมือฉมังแห่งฮอลลีวู้ด การันตีความเก่งกาจด้วยการเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้านการเขียนบทภาพยนตร์มาแล้วถึง 3 ครั้ง จาก Gladiator (2000), The Aviator (2004) และล่าสุด Hugo (2011) ดังนั้น เรื่องบทของซีรี่ย์เรื่องนี้ที่โลแกนยังเหมาเขียนเองทั้งหมดคือ ซีซั่นแรก 8 ตอน และซีซั่นสองอีก 10 ตอนนั้น จึงหายห่วงได้ในเรื่องคุณภาพ ซึ่งในฐานะซีรี่ย์แนวสยองขวัญ โลแกนได้โชว์ให้เห็นถึงสุดขีดสยดสยองและแปลกพิสดารในสไตล์โกธิค (Gothic fiction อธิบายคร่าวๆ ได้ว่าแนวหนึ่งของเรื่องแต่งที่ผสมผสานความสยองขวัญและโรแมนติกเข้าด้วยกัน) ยุควิคตอเรียน (Victorian era ยุคสมัยในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ ช่วงการครองราชย์ของสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียคือ ช่วงเวลาระหว่างปี ค.ศ. 1837 - 1901) ที่มาพร้อมคุณภาพงานสร้างระดับภาพยนตร์สู่ผู้ชมผ่านทางจอโทรทัศน์ Penny Dreadful ยังได้รับการการันตีคุณภาพด้วยคะแนนเสียงวิจารณ์เฉลี่ยระดับสูงจากเว็บไซต์ rottentomatoes.com ซึ่งในซีซั่นแรกได้ไป 78% ส่วนในซีซั่น 2 ได้ไปถึง 100% คิดเป็นคะแนนเฉลี่ยทั้งสองซีซั่นที่ 89% นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่ทาง Showtime สถานีผู้สร้างได้ประกาศไฟเขียวให้มีการสร้าง Penny Dreadful ในซีซั่นที่ 3 ต่อเนื่องได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2015 ที่ผ่านมา (โดยวางกำหนดออกอากาศไว้ในปี 2016) ก่อนหน้าที่ซีรี่ย์ซีซั่นที่ 2 จะออกอากาศในอเมริกาช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและกวาดคำชมไปเพียบเสียอีก และในโอกาสการหวนคืนจอแก้วอีกครั้งของ Penny Dreadful ในซีซั่นที่ 2 ทางเว็บไซต์ collider.com โดยผู้เขียน เฮลีห์ เฟาทช์ (Haleigh Foutch) ได้รวบรวม 8 เหตุผลที่ทำให้นี่หนึ่งในซีรีย์สยองขวัญที่คุณต้องดู! .jpg)
1. ซีรีย์เรื่องนี้ยิ่งดูยิ่งสนุก จุดเด่นข้อแรกของ Penny Dreadful ในมุมมองของเฟาทช์ก็คือ ซีรีย์แต่ละตอนล้วนดีกว่าตอนก่อนหน้า เฟาทช์เขียนไว้ประมาณว่าเขาต้องใช้ความพยายามนิดหน่อยในช่วงแรกของการชม โดยอธิบายว่าซีซั่นแรกนั้นค่อนข้างจะใช้เวลาในการปูพื้นเรื่องราวอย่างช้าๆ เห็นได้จากตัวละครหลักของเรื่องยังคงไม่ได้รับการแนะนำจนกระทั่งช่วงท้ายของตอนที่ 2 (episode 2) แต่นั่นก็นับเป็นการรอคอยที่แสนจะคุ้มค่า เมื่อซีรีย์เรื่องนี้ดูจะมุ่งท้าทายให้ผู้ชมทุ่มเทความสนใจต่อเรื่องราว ตัวละครจึงมักจะไม่ค่อยมาอธิบายตัวเองให้เราฟังหรือมาบอกแผนการของพวกเขาหรือเธอให้เรารู้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม แม้คำอธิบายจะต้องมี ทว่าโลแกนก็สามารถซุกซ่อนมันเอาไว้ภายใต้บทสนทนาที่คมคายและงดงามราวบทกวี ที่แม้บางครั้งอาจทำให้ผู้ชมงุนงงบ้าง แต่ถ้าคุณอดทนและใส่ใจสักนิด รางวัลที่คุณจะได้รับก็คือเรื่องราวและอารมณ์ที่ถูกถักทอเอาไว้อย่างซับซ้อน ตลอดจนการปลดปล่อยอารมณ์ที่รุนแรงออกมาในห้วงเวลาที่ชาญฉลาด 
2. ซีรีย์เรื่องนี้เริ่ดหรูดูมีคลาส เฟาทช์มองว่างานด้านภาพของ Penny Dreadful นั้นดีเลิศน่าตะลึง จากการเลือกใช้โลเคชั่นหลักในการถ่ายทำที่ดินแดนอันเขียวชอุ่มของประเทศไอร์แลนด์ ซีรี่ย์เรื่องนี้ยังมาพร้อมคุณภาพของงานสร้างอันงดงามหรูหราที่ถ่ายทอดสุนทรียะในยุควิคตอเรียนได้ดี เช่น เสื้อผ้าของเหล่านักแสดงที่โดดเด่นน่าตะลึงจากการผสมผสานความเคร่งขรึมสไตล์โกธิคเข้ากับเครื่องแต่งกายยุควิคตอเรียนจนกลายเป็นชุดเสื้อผ้าที่สามารถสะท้อนบุคลิกตัวละครแต่ละคน เช่น เสื้อเชิ้ตผ้าไหมที่โอ้อวดความหรูหราของ ดอเรียน เกรย์ (รีฟ คาร์นี่ย์) หนุ่มทรงเสน่ห์ผู้ไม่แก่เฒ่าแถมยังเป็นอมตะ, ชุดเสื้อผ้าที่มีการตกแต่งอย่างพิถีพิถันของ เซอร์ มัลคอล์ม (ทิโมธี ดาลตัน) ขุนนางและนักสำรวจผู้แข็งกร้าว และแน่นอน ชุดสีโทนหม่นมืดที่มาพร้อมโครงร่างเหลี่ยมมุมของ วาเนสซ่า ไอฟ์ส (อีวา เกรน) หญิงสาวลึกลับตัวเอกของเรื่อง ซึ่งชุดเสื้อผ้าเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกได้ถึงบุคลิกตัวละครก่อนที่แต่ละคนจะเอ่ยปากพูดเสียอีก 
3. ซีรีย์เรื่องนี้เหล่าตัวละครล้วนมีเสน่ห์ ชัดเจนว่า Penny Dreadful นำเอาตัวละครสำคัญจากวรรณกรรมโกธิคสุดคลาสสิกมารวมกันในเรื่องเดียว ซึ่งเฟาทช์มองว่า จอห์น โลแกน ผู้สร้างและเขียนบทได้นำเสนอตัวละครเหล่านี้โดยมาพร้อมทั้งการท้าทายความคาดหวังและความน่าประหลาดใจ เช่น ดร. แฟรงเกนสไตน์ (แฮร์รี่ ทรีดอเวย์) ซึ่งซีรี่ย์เรื่องนี้ได้ตอบคำถามที่ว่า อะไรคือนักวิทยาศาสตร์บ้า? ภายใต้ข้อจำกัดที่น่าชื่นชม แฟรงเกนสไตน์ในที่นี้คือเด็กหนุ่มผู้เศร้าหมองในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมผู้มาพร้อมความเป็นอัจฉริยะ เขาดูน่าสะพรึงอย่างเห็นได้ชัดโดยที่ไม่จำเป็นต้องหัวเราะดังเสียงแหลมอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่กับตัวละครที่แต่งขึ้นใหม่ โลแกนก็สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม เช่น เซอร์ มัลคอล์ม ผู้เป็นดั่งหัวหน้าและผู้อุปถัมภ์ของกลุ่มตัวละครหลักในเรื่อง ที่รับบทได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยนักแสดงผู้เป็นหนึ่งในอดีต เจมส์ บอนด์ อย่าง ทิโมธี ดาลตัน ที่ทำให้ เซอร์ มัลคอล์ม เป็นตัวละครที่ทั้งสง่างาม, มีเสน่ห์ ทว่าบางครั้งก็เลวทรามได้อย่างน่าทึ่ง 
4. ซีรีย์เรื่องนี้มี อีวา โคตรเจ๋ง เกรน เฟาทช์ถึงกับเขียนไว้ว่าเขาไม่เชื่อว่าเราจะสามารถสรรหาถ้อยคำใดมาพรรณนาความน่าทึ่งของ อีวา เกรน ใน Penny Dreadful คอหนังต่างทราบดีว่านักแสดงสาวสวยชาวฝรั่งเศสผู้นี้ คืออดีตสาวบอนด์จาก Casino Royale (2006) ที่ยังมีผลงานแสดงโดดเด่นในหนังฮอลลีวู้ดอีกหลายเรื่อง เช่น Dark Shadows (2012), 300: Rise of an Empire (2014) ฯลฯ ในกรณีของซีรีย์เรื่องนี้ เฟาทช์ตัดสินใจเลือกใช้คำว่า เธอคือพลังแห่งธรรมชาติ (She is elemental) เพราะเธอทั้งคลุ้มคลั่ง, ชักดิ้นชักงอ, และร่ายมนตร์ใส่สัตว์ประหลาดสุดสยอง นี่คือข้อพิสูจน์ชัดแจ้งถึงความสามารถของเกรนว่าต่อไปนี้คงยากที่จะนึกภาพเธอทำอะไรที่ธรรมดาสามัญ เกรนพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งในการผสมผสานทั้งความงามและความสยดสยองเข้าไว้ในช่วงเวลาเดียวกัน ในตัวของ วาเนสซ่า ไอฟ์ส ตัวละครที่เธอรับบทในซีรี่ย์นี้ เราจึงได้เห็นการต่อสู้กันระหว่างความดีและความชั่วที่อัดแน่นอยู่ในตัวคนๆ เดียว และนั่นแหละคือสิ่งที่น่าทึ่ง 
5. ซีรีย์เรื่องนี้ คือหนึ่งในการแสดงชั้นดีของ จอช ฮาร์ทเน็ทท์ คุณจำ จอช ฮาร์ทเน็ทท์ กันได้มั้ย? คำถามนี้อาจมีหลายคำตอบ กับคอหนังน้องใหม่วัยเยาว์ คำตอบที่ได้อาจเป็น จำ (แทบ) ไม่ได้ แต่คอหนังรุ่นโตกว่านั้นอาจพอนึกหน้าเขาออกจากหนังดังช่วงต้นยุค 2000s อย่าง Pearl Harbor (2001) และ Black Hawk Down (2001) แต่พักหลังๆ ดูเหมือน ฮาร์เน็ทท์จะห่างหายจากกระแสในฮอลลีวู้ดไปพักใหญ่ แม้เขาจะมีผลงานแสดงบ้าง แต่คงไม่นับว่าฮ็อตเท่าก่อนหน้านี้ ล่าสุดหนุ่มวัย 37 ปีผู้นี้ดูจะสามารถกลับมาโดดเด่นอีกครั้งได้ใน Penny Dreadful ที่เขารับบท อีธาน แชนด์เลอร์ หนุ่มนักดวลปืนชาวอเมริกันที่ย้ายไปพำนักในอังกฤษและต้องดิ้นรนต่อสู้กับ ด้านมืด ของตัวเอง เฟาทช์มองว่าบุคลิกของตัวละครที่ดูบึกบึนแข็งแกร่งของฮาร์ทเน็ทท์ในซีรี่ย์เรื่องนี้อาจถูกมองว่าแข็งทื่อ แต่ขณะเดียวกันเขาก็คือตัวละครที่นำความแข็งแกร่งมาสู่ทีม ทั้งยังมาพร้อมความอ่อนไหวในแบบที่คาดไม่ถึง 
6. ซีรีย์เรื่องนี้มาพร้อมการสร้างโลกและความสัมพันธ์ของตัวละครที่ซับซ้อน เฟาทช์มองว่าจุดเด่นอีกอย่างของ Penny Dreadful คือความสัมพันธ์ของเหล่าตัวละครที่มีอยู่หลายรูปแบบตั้งแต่การเหยียดหยามอันน่าขมขื่นไปจนถึงความรักอันแสนอ่อนโยน ในเรื่องนี้มีทั้งเพื่อน, คนรัก, พันธมิตร, คู่แข่ง, ศัตรู และพวกเขาหรือเธอทั้งหมดต่างก็มีปฏิกิริยาต่อกันในลักษณะเฉพาะ ความสัมพันธ์เหล่านี้ถูกนำเสนอในลักษณะสีเทาซึ่งทำให้มันดูมีน้ำหนักอย่างน่าทึ่ง โลแกนยังสามารถนำโลกของวรรณกรรมคลาสสิกแต่ละเรื่องมาผสมผสานกันได้อย่างเชี่ยวชาญ ตัวละครดังแต่ละคนล้วนถูกนำเสนอในแนวทางที่มีชีวิตชีวาและชาญฉลาด ดังนั้น การนำเรื่องราวของแต่ละตัวละครดังมาเชื่อมโยงกันอย่างคาดไม่ถึงในเรื่องนี้จึงยังคงดูมีความสมเหตุสมผล ปฏิกิริยาที่พวกเขามีต่อกันไม่ว่าจะในเชิงเป็นมิตรหรือเคียดแค้นชิงชัง จึงไม่เคยทำให้รู้สึกเหมือนถูกยัดเยียดแต่อย่างใด 
7. ซีรีย์เรื่องนี้คือความสมดุลระหว่างความน่าประหลาดใจและความกระจ่างชัด เฟาทช์อธิบายประมาณว่า Penny Dreadful ในซีซั่นแรกให้เวลากับการสร้างพล็อตและเรื่องราวก่อนจะหักล้างมันลงอย่างหนักหน่วงในภายหลัง ขณะที่เรื่องราวเดินหน้าไป แม้จะผ่านการเล่าเรื่องที่ไม่เป็นเส้นตรง และโครงเรื่องหลักที่สร้างไว้ในตอนแรกจะถูกไขกระจ่างในตอนท้ายของซีซั่น แต่แน่นอนว่ายังคงมีความลึกลับสืบเนื่องต่อมาในซีซั่นสอง โลแกนในฐานะคนเขียนบทได้ กั๊ก เอาจุดสำคัญของแต่ละเรื่องราวสุดคลาสสิก เช่น ภาพวาดเหมือนของ ดอเรียน เกรย์, การถือกำเนิดของ ปิศาจของแฟรงเก้นสไตน์ เอาไว้ ซึ่งการเปิดเผยของสิ่งเหล่านี้ยังคงไม่ปรากฏให้เห็น (หมายเหตุผู้เรียบเรียง: ข้อเขียนของเฟาทช์เขียนขึ้นในช่วงการออกอากาศตอนแรกของซีซั่น 2 แต่ล่าสุดซีซั่น 2 ออกอากาศจบไปแล้ว รายละเอียดตรงนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง) ขณะที่โครงเรื่องของตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ เช่น วาเนสซ่า หรือ อีธาน ยังคงมีเส้นเรื่องให้เดินหน้าไปได้อีกไกล แต่ผ่านพล็อตเรื่องดำเนินไปทั้งในลักษณะที่ปิดบังพอๆ กับกระจ่างชัด 
8. ซีรีย์เรื่องนี้ไม่เสียเวลาเยิ่นเย้อเมื่อเข้าสู่ซีซั่น 2 สิ่งเลวร้ายใดกันที่สามารถทำให้วาเนสซ่าขวัญผวาได้? นี่คือคำถามที่ Penny Dreadful ถามตั้งแต่ในตอนแรกของซีซั่น 2 ในขณะที่กลุ่มของตัวละครนำต้องเผชิญหน้ากับปิศาจร้ายตนใหม่ นักแสดงหญิง เฮเลน แม็คครอรี่ มาในบท มาดามกาลี ที่ปรากฏตัวในบางตอนของซีซั่นแรก พอมาในซีซั่นสองเธอจะฉายแววความสยองและคุกคามชนิดจัดเต็ม คอหนังอาจจดจำแม็คครอรี่ได้บ้างจากการรับบท นาร์ซิสซา มัลฟอย แม่ของ เดรโก มัลฟอย นักเรียนคู่อริของ แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ในหนังฟอร์มยักษ์ชุด Harry Potter มาในซีรีย์เรื่องนี้เฟาทช์มองว่าแม็คครอรี่ยังคงมาพร้อมบุคลิกเข้มงวดเย็นชาแบบคุณนายมัลฟอย ทว่าเป็นเปลวเพลิงต่างหากที่อยู่ในหัวใจของเธอแทนที่จะเป็นน้ำแข็ง และหากซีรีย์เรื่องนี้เคยถูกติติงว่าเริ่มเรื่องได้เชื่องช้าไปสักนิดในซีซั่นแรก พอในซีซั่นสอง จะไม่มีอะไรแบบนั้นให้ได้เห็นอีกแล้ว นั่นหมายความว่าเข้าเรื่องกันแบบกระชับฉับไวทันใจเลยล่ะคราวนี้ 
| Create Date : 21 มีนาคม 2559 |
| Last Update : 21 มีนาคม 2559 16:09:30 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1105 Pageviews. |
 |
|
