สมุนไพรที่ช่วยโรค เก๊าท์ และ ไขข้อรูมาตอยด์
พี่อี๊ดหายไปนานเลยอะ คิดถึงเพื่อนๆ บวก กับ ตอนนี้คุณนายแม่เป็นโรคปวดขา คุณเพื่อนที่มีอายุม๊ากมาย เป็นโรครูมาตอยด์ เลยได้ไอเดียแคนดู หาเน็ท เรื่องสมุนไพร จนได้ ความรู้จาก เว็บไซด์ กูรู กูรู้กูเกิล เรื่องนี้เลย ไปอ่านเลยเด้อ ------------------------------------------------------- โดยสรุปจากที่ได้ศึกษาข้อมูลมา
สมุนไพรไทย ที่สามารถลดอาการปวดของรูมาตอยด์ได้ มี 2อย่างครับ คือขิง และขมิ้นชัน แต่ ต้องทานในประมาณที่สูงมาก แนะนำให้ทานเป็นสารสกัด ในตอนนี้เมืองไทยยังไม่มีจำหน่าย
สารสกัดขมิ้น รอจาก คณะแพทย์ศาสตร์ มธ. ส่วนสารสกัดขิง สำหรับรูมาตอยด์ มีออกมาแล้วในชื่อการค้า ZINAXIN ในข้อจำกัดตอนนี้ ตามที่ผมวินิจฉัยให้ทานดังนี้
1.ขิง และขมิ้นชัน แค็ปซูล ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไป เพื่อได้รับสารต้านการอักเสบ แม้ในปริมาณน้อยนิด แต่สมุนไพร 2ชนิดที่กล่าวมา เป็นอาหารของไทยมานาน ไม่มีพิษ และอาการข้างเคียงครับ ขนาดที่รับประทาน ก็ 500มก. วันละ3-4ครั้ง หลังอาหาร
2.GLUCOSAMINE SULFATE(ไม่ระบุยี่ห้อครับ) วัตถุประสงเพื่อรักษาอาการข้อเสื่อม ซึ่งส่วนมากเป็นสาเหตุร่วมกับการเป็นโรครูมาตอยด์ เนื่องจากข้อเสื่อม ไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดี ทำให้การส่งสัญญาณของร่างกาย เกิดโรคภูมิต้านทานตนเอง เกิดการหนาขึ้นของเซลล์ กล้ามเนื้อรอบข้อ ไม้ให้ถูกใช้งาน ขนาดรับประทาน 1500มก.ต่อวัน ติดต่อกันนาน 4-6 เดือนครับ
3.สมุนไพรต้านอนุมูลอิสระ เพื่อลดสาเหตุหนึ่งที่ทำหให้เกิดรูมาตอยด์ ซึ่ังอาจเป็น หญ้าปักกิ่ง ขมิ้นชัน มะขามป้อม etc 4.ยาแผนปัจจุบันที่ลดอาการปวดของโรครูมาตอยด์ เลือกชนิดที่ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหารก็ได้ครับ เช่น nimisulide,meloxicam,cerecoxib ยากลุ่มนี้ให้ทานเฉพาะเวลาที่มีอาการปวดขึ้นมาเท่านั้นครับ
5.ยาสตรีแผนโบราณ อาจเลือกที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด เพื่อปรับสมดุลทางธรรมชาติ เกี่ยวกับฮอร์โมนของผู้หญิงให้กลับมาดีเหมือนเดิม เพราะปัญหาส่วนหนึ่งมาจากเรื่องฮอร์โมน เพราะโรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายมาก-------------------------------------------------------------
หน้าตาพี่ขิง เป็นแบบนี้ นอกจากรับประทานเป็นแคปซูล เรานำมาทำอาหาร คาว หวาน หรือ น้ำขิง แสนอร่อยได้
เจาะลึกเรื่องขิงๆ
สรรพคุณ ช่วยดับกลิ่นคาวในอาหาร ใช้ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน เพราะในเหง้าขิงแก่ มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบด้วย GINGEROL และ SHOGAOL แก้อาการท้องอืดเฟ้อ ขับลม ลดอาการไอ และระคายคอ จากการมีเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับเหงื่อ ขับน้ำนม แก้อาการเมารถเมาเรือ แก้บิด บำรุงธาตุ ช่วยในด้านการไหลเวียนของโลหิต ช่วยลดความดัน ช่วยลดคลอเลสเตอ รอล ช่วยลดการอักเสบ ช่วยแก้ปวด ผู้ป่วยหลังผ่าตัดที่มักมีอาการเมายาสลบให้จิบน้ำขิงเข้มข้นสักครึ่งช้อนชา จะช่วยแก้อาการเมายาได้:
แพทย์จีนโบราณจะใช้ประโยชน์จากขิงสดและขิงแห้ง ในแง่มุมที่ต่างกัน ขิงแห้ง ในภาวะที่ขาดหยาง ภาวะขาดหยาง คือ ภาวะที่ร่างกายอาการเย็น หนาวง่ายทนต่อความเย็นได้น้อย การย่อยอาหารไม่ดี เป็นต้น ทั้งยังมีการใช้ขิงแก่ ในคนไข้ปวดข้อรูมาติกส์ม
ขิงสด จะใช้กำจัดพิษที่เกิดจากการติดเชื้อภายในร่างกาย โดยการขับพิษออกมาทางเหงื่อ ขิงสดช่วยทำให้ร่างกาย ปรับสภาพในภาวะที่ร่างกาย มีอาการเย็นได้เช่นเดียวกับขิงแห้ง
ลดการคลื่นไส้อาเจียน โดยใช้ขิงสด 30 กรัม ( 3 ขีด) สับให้ระเอียดต้มทานน้ำในขณะท้องว่าง ช่วยขับเสมหะ โดยใช้ขิงสดคั้นเอาแต่น้ำ ประมาณครึ่งถ้วยผสมน้ำผึ้ง 30 กรัม ( 6 ช้อน) อุ่นให้ร้อนก่อนรับประทาน แก้หวัดหน้าหนาว โดยการใช้ขิงสดทุบหรือขูดให้เป็นฝอย หรือขิงแห้งก็ได้ ใส่ในกะละมังน้ำอุ่น เติมน้ำผึ้งลงไปด้วยเล็กน้อย แช่เท้า กลิ่นของขิงที่หอมกลุ่นจะกระตุ้นให้จมูกโล่ง ศรีษะโล่ง ร่างกายสามารถต่อสู้กับหวัดได้ และผิวหนังที่แช่เท้าอยู่ก็จะรู้สึกนิ่มนวลขึ้น ไม่แห้งกร้าน แก้อาการปวดข้อ ปวดศรีษะ ด้วยการใช้น้ำขิงอุ่นๆ จุ่มผ้า แล้วนำมาประคบตามข้อที่ปวดหรือศรีษะ อาการจะทุเลาลง
ด้านความงาม ใช้ถูหนังศรีษะเพื่อกันผมร่วง นอกจากนี้ยังคั้นเอาแต่น้ำผสมน้ำมันมะกอก หมักผม แล้วนวดให้ทั่วศรีษะ เอาหมวกพลาสติกคลุมไว้ แล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นทั้งผืนในอุณหภูมิที่อุ่นจัด บิดให้หมาด แล้วคลุมศรีษะไว้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง แล้วจึงล้างออก จะทำให้ผมสวย นิ่ม และแข็งแรง ไม่ขาดง่าย
++ ในญี่ปุ่นพบว่าขิงมีฤทธิ์บำรุงหัวใจ ลดความดันโลหิต ลดคลอเลสเตอรอล ในด้านความงาม ใช้ขิงสดขูดเป็นฝอย แล้วใช้นวดละเลงลงบนต้นขา ก้น หรือส่วนที่เป็นไขมันผิวส้ม หรือมีเซลล์ลูไลท์ ขิงจะช่วยทำให้ผิวส้มนั้นกระจายตัว ไม่เกิดให้เกิดผิวขุรขระ เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเรียบเนียนขึ้น
++ ในอินเดียใช้ขิงในการทาถูนวด เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ใช้ลดการอักเสบของตับ แก้ปวด ลดอาการบวมน้ำ ใช้เป็นยากระตุ้นการอยากอาหาร เป็นยาช่วยย่อย ช่วยขับลมในลำไส้ นอกจากนี้ยังช่วยทำความสะอาดปากและคอ ช่วยระงับการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยกระตุ้นกำหนัด ใช้ขิงผงแห้งละลายน้ำอุ่น ทาที่หน้าผากรักษาอาการปวดหัว
++ กรีกจะใช้ขิงช่วยย่อยอาหาร และช่วยแก้พิษ ใช้ขิงในการรักษาอัมพาต โรคปวดปลายประสาท และโรคเก๊าท์ ชาวอาหรับโบราณใช้ในการกระตุ้นความกำหนัด ส่วนคนยุโรบใช้ขิงในการช่วยย่อย ช่วยรักษาอาการท้องอืดจากการดื่มเหล้า ช่วยขับลม ทั้งยังใช้ในการรักษาโรคเก๊าท์ และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
อ้างออิงขอ้มูลจาก
//variety.teenee.com/science/10739.html
อาจจะยาวกันนะ เอาความรู้มาฝากจ้า --------------------------
ต่อที่ขมิ้นชัน อันนี้ฮอตสุดๆ ทุกคนน่าจะเคยได้ยินสรรพคุณมากมาย อย่างไรก้อดี ขอนำมาฝากอีกครั้งคะ อ้างอิงขอ้มูลจาก OKNATION
ขมิ้นชันมีประโยชน์ และสรรพคุณ หลายประการดังนี้
ขมิ้นชันมีวิตามิน เอ,ซี,อี ทั้ง 3 ตัว วิตามินที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานได้ ต้องมีพร้อมกันทั้ง 3 ตัว ซึ่งจะมีผลทำให้
- ช่วยลดไขมันในตับ - สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร - ช่วยย่อยอาหาร - ทำความสะอาดให้ลำไส้ - เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ - ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ - สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง - กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่กินเข้าไปแล้วสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง
- ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลี ถ้ากินขมิ้นชันสดๆ
ต้องปอกเปลือกออกให้หมดก่อน เพราะที่เปลือกมีสารพิษอยู่ แต่ถ้าทำขมิ้นชันบดเป็นผงต้องนำขมิ้นชันมาต้มน้ำให้เดือดสักพักหนึ่ง แล้วตักออกนำมาผึ่งให้เย็นหั่นเป็นแว่นเล็กๆ ตากแดดจนแห้ง อาจจะตากหลายครั้ง แล้วถึงจะนำมาบดให้เป็นผง ถ้าใช้เครื่องอบให้ขมิ้นชันแห้ง ความร้อนควรไม่เกิน 65 องศา ถ้าความร้อนเกินอาจเกิดสารสเตรอยด์ได้
ปิดท้ายด้วยหน้าตาที่สวยงามของขมิ้นชัน
แล้วจะไปเยี่ยมเพื่อนน๊า ไปช้าแต่ไปแน่นอนจ๊ะ
Create Date : 20 มิถุนายน 2553 |
|
24 comments |
Last Update : 20 มิถุนายน 2553 21:36:46 น. |
Counter : 11689 Pageviews. |
|
|
|
มาส่งคุณอี๊ด เข้านอน หลับฝันดีนะคะ(ไม่ได้เจอนานคุณอี๊ดกลายเป็นแพทย์แผนไทยไปแย้ว)