กันยายน 2553

 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ล่าเสือดำกลางกรุง


แลนด์โรเวอร์ติดเครื่องหมายกรมปศุสัตว์ แล่นด้วยความเร็วไล่หลังกันตามเข้ามาอย่างกระชั้นชิด เสียงเครื่องยนต์ที่กระหึ่มอยู่ในเกียร์ต่ำ ขณะที่ชะลอผ่านผู้คนอันแน่นขนัดอยู่ยังช่องทางเข้าลานจอดรถชั้นใต้ดินของโรงพยาบาลตำรวจ เสียงตะโกนดังไม่เป็นสำเนียงแห่งการโกลาหลอลหม่านวุ่นวายของผู้คนหน้าประตูโลหะขนาดใหญ่ ที่ญาติหรือพวกพ้องยังติดอยู่ข้างในลานจอดรถ เป็นเป็นเรื่องผิดปกติของสถานที่รักษาพยาบาลซึ่งต้องการความสงบเงียบยิ่งนัก ทันทีที่เจ้าหน้าที่ผู้สวมใส่เครื่องแบบกรมปศุสัตว์ ก้าวขาลงมาพร้อมอาวุธปืนยิงยาสลบ แต่ยังมีบางคนที่มีปืนไรเฟิ้ลล่าสัตว์ขนาดใหญ่ติดมือมาด้วย พวกเจ้าหน้าที่ตำรวจนับสิบวิ่งกันพล่านเพื่อกันผู้คนอันไม่เกี่ยวข้องตามรถเข้าไป ภายในสถานที่นั้นเหมือนถูกปิดกั้นอย่างฉุกเฉิน หลังได้มีรายงานว่าสัตว์ป่าดุร้ายหลุดเข้ามา

เสือดำ สัตว์ป่ากินเนื้อขนาดใหญ่ได้มาปรากฏตัวในโรงพยาบาล สถานที่ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเป็นสิ่งที่ใครก็ไม่อยากจะเชื่อทั้งนั้น มันมาจากไหนไม่มีใครทราบ รู้แต่ว่ามีคนถูกเสือตะปบได้รับบาดเจ็บกันหลายราย สถานที่เริ่มแรกที่พบกับเสือดำตัวนี้คือห้องเก็บศพ หลังจากนั้นไม่นานมันก็ถูกไล่ต้อนมาจนมุม

“เกิดอะไรขึ้น ลานจอดรถข้างในมันมีอะไร?”

จ่าสิบเอกแจ๋ว เมืองสำราญ ผู้ซึ่งผ่านช่วงของการพักฟื้นร่างกายจากภารกิจในแนวหน้ากำลังจะเดินทางออกจากโรงพยาบาล ในมือยังถือถ้วยกาแฟ ๒ ใบส่งกลิ่นหอมกรุ่นและกำลังจะนำไปให้นายทหารของเขาที่จอดรถรออยู่ข้างใน เป็นเหตุให้ต้องมาติดอยู่ในฝูงชนหน้าทางเข้า ตำรวจคนหนึ่งรายงานมาว่า มีเสือดำหลุดเข้ามาในโรงพยาบาล ตอนนี้มันถูกกักให้อยู่ในพื้นที่ลานจอดรถ ประตูทางเข้า-ออกทั้งหมดถูกปิดเพื่อไม่ให้เสือดำหนีออกมาได้ แต่เป็นเหตุให้มีผู้คนจำนวนหนึ่งติดค้างอยู่ข้างใน

“ชิบหาย!! ผู้กองก็ดันติดอยู่ข้างในด้วย คงยังไม่ถูกไอ้ดำงาบไปแล้วหรอกนะ”

จ่ากระดกกาแฟจากถ้วยกระดาษไปหนึ่งอึกอย่างรวดเร็ว ปาทิ้ง แล้วชักปืนในซองรัดข้างลำตัวออกมา ปืนลูกโม่.๓๕๗ เนื้อโลหะสีเงินมันปลาบ พร้อมด้วยกระสุนเต็มรังเพลิงประจำมือ

“ไอ้น้องพี่เป็นเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ว่ะ ขอทางหน่อย”

จ่าปืนโตออกลูกมั่วหน้าตาเฉย

“เฮ้ย! ตาลุงอย่ามั่ว”ตำรวจคนขวางหน้ากางแขนกั้นทันที

“ลุงเตี่ยเอ็งดิออกจะหนุ่มฟ้อ”

ตำรวจนายนั้นเป็นอันต้องร้องว๊าก.ก.ลั่น เพราะจ่าแก่ผมสีดอกเลา หุ่นน้องช้างเดินชนจนหงายหลังตึงไปอย่างง่ายดาย รีบกึ่งวิ่งกึ่งโขยกลงทางลาดชั้นใต้ดิน หายเข้าไปในความมืดในที่เกิดเหตุทันที

ภายในพื้นที่กลับมืดทึบเพราะกระแสไฟฟ้าถูกตัด เห็นแต่ไฟฉุกเฉินสว่างเฉพาะทางเดินรถ กับแสงไฟฉายกราดไล่ค้นหาของพวกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการไล่ล่า คลื่นโทรศัพท์ และวิทยุสื่อสารของพวกเจ้าหน้าที่ถูกรบกวนจนใช้การไม่ได้อย่างไม่ทราบสาเหตุ

จ่าวิ่งสวนทางกับคนหรือไม่ก็เงาอะไรบางอย่างที่เขาไม่แน่ใจ มันวิ่งผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็วก่อนผลุบหายเข้าไปในหมู่รถยนต์ที่จอดอยู่มากมาย ทหารแก่ต้องรีบย่อตัวต่ำ เพราะมีเสียงปืนยิงดังกึกก้องไล่หลังมา พื้นที่คับแคบคล้ายมีการสู้รบจนฝุ่นผงยังร่วงกราวจากแรงอัด แข่งกับเสียงแผดคำรามกึกก้องของเจ้าป่า

ท่ามกลางแสงสลัวของไฟฉุกเฉินความตะลึงพรึงเพริดของคนที่ติดอยู่ข้างในลาน เสือดำขนาดมหึมากระโจนใส่พวกเจ้าหน้าที่อย่างดุร้าย คนแล้วคนเล่าที่โดนกรงเล็บตะปบเลือดสาด แล้วมันก็กระโจนไปใส่ตระแกรงเหล็กที่แสงจากโลกภายนอกลอดเข้ามา เมื่อเห็นช่องแห่งอิสรภาพ แต่ทำลายกรงออกไปไม่ได้ พริบตามันก็หันมาโจนเข้าใส่คนเคราะห์ร้ายที่ยืนตะลึงขวางหน้าอยู่ใกล้ที่สุด ด้วยสัญชาตญาณตื่นเต้นหนีภัยมากกว่าที่จะคิดทำร้าย ชายผู้นั้นร้องโหยหวนออกมาสุดเสียง ล้มครืนลงดิ้นพราดๆอยู่กับพื้น ใบหน้าถูกอุ้งเล็บตะปบยับเยินไปทั้งแถบ ลูกตาหลุดหายกระเด็นไปข้างหนึ่งเลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

เจ้าเสือดำพุ่งปราดเข้าใส่คนต่อ ๆไป เท่าที่ทิศทางแห่งการเผ่นทะยานของมันจะผ่านไปได้ ผู้คนแตกกระจัดกระจายเลือดสาดไปตาม ๆ กัน ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายเอ็ดอึงอย่างตื่นตระหนกของคนที่ยังติดค้างอยู่ภายใน ทุกคนเผ่นหนีหลบเข้าหาที่ซ่อนอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ที่มีปืนอยู่ในมือต่างซัดกระสุนไล่หลังเจ้าพยัคฆ์ดำ พร้อมทั้งตะโกนบอกกันฟังไม่ได้ศัพท์

"เฮ้ย! ระวัง!!อย่ายิงมั่วเดี๋ยวโดนคน"

ร้อยเอกหาญศึก เสนานรงค์ หนึ่งในคนที่ติดอยู่ข้างในตะโกนลั่น ขณะย่อตัวลงต่ำหลบวิถีกระสุนที่พุ่งแฉลบโลหะตัวรถอย่างน่าหวาดเสียว เจ้าพยัคฆ์ร้ายพุ่งลิ่วผ่านคนที่วิ่งหลบกันอยู่จ้าระหวั่นในขณะนี้ มันตรงมายังเขาอย่างรวดเร็ว นายทหารกระโจนข้ามกระโปรงรถของตนเอง มันเผ่นผ่านหน้าเขาไปอย่างหวุดหวิด แล้ววิ่งเตลิดส่งเสียงคำรามตรงไปยังแถวรถยนต์ที่จอดอยู่ยาวเหยียด แล้วคำรามกึกก้องออกมาจากแถวจอดของรถยนต์แถวใดแถวหนึ่งอันมีรถยนต์อยู่มากมายนับพันคัน

เขาหันไปตะโกนสั่งให้พวกที่หลบอยู่ใกล้ๆ ให้เข้าไปหลบในรถยนต์ที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว ป้องกันตัวเองเอาไว้ ในขณะเดียวกันก็ร้องตะโกนบอกให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์กับพวกมีปืนอยู่ในมือทั้งหลาย ว่ามีคนอยู่ทางนี้ให้ระวัง ทุกคนวิ่งกันวุ่นชุลมุนไปหมด หลายต่อหลายคนได้รับบาดเจ็บจากเขี้ยวเล็บของพยัคฆ์ร้าย แต่ไม่มีใครถึงกับเสียชีวิตในขณะนี้เพราะมันกำลังตื่น ไม่ได้มุ่งที่จะประหัตประหารขย้ำใครโดยเฉพาะ นอกจากใครอยู่ใกล้กีดขวางหน้า ก็ตบกัดผ่านไปชั่วขณะเท่านั้น หลายคนเป็นตำรวจในนี้เริ่มชักปืนออกมาจะช่วยกันล่า แต่ความมืดเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้คลำเป้าไม่เจอ เสียงดังโฮกฮากของเจ้าพยัคฆ์ร้ายขู่คำรามมาจากมุมใดมุมหนึ่ง ทุกคนได้แต่ขวัญผวาไม่รู้ว่ามันจะตะปบเข้าให้เมื่อไหร่ ปืนสั้นในมือพวกตำรวจไม่สามารถจะหยุดยั้งมันไว้ได้ นอกจากจะเป็นการยั่วยุทวีให้มันเพิ่มความดุร้ายมากขึ้นไปอีก

การยิงไม่สามารถจะยิงได้ถนัดนัก เกรงจะพลาดโดนคนเข้า พวกที่ยังหาที่กำบังไม่ได้ก็วิ่งแตกตื่นกระจัดกระจายอยู่ในขณะนี้ ไม่รู้ว่าใครจะโดนลูกหลงถึงแก่เลือดเนื้อชีวิตไปกี่คนแล้ว เจ้าเสือร้ายยังคงคำรามดังกระหึ่มขย่มขวัญ เสียงของมันดังมากคล้ายขยายจากลำโพงพลังวัตต์สูง จนจับทิศทางของเสียงไม่ได้เพราะมันเป็นเสียงสะท้อนในพื้นที่อับ

หาญศึกยืนโคลงหัวสบถพึมพำอยู่ในลำคอ เพิ่งออกจากพักฟื้นก็ต้องมาเจอเรื่องที่ต้องออกแรงหนักๆเข้าให้ เขาไม่รู้ที่จะตัดสินใจอย่างไรถูก จะร้องห้ามพวกอาสาสมัครกับพวกเจ้าหน้าที่ ที่กำลังถือปืนเล็งลำกล้องไปทั่วพวกนั้น ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเสียแล้ว หนึ่งในเจ้าหน้าคนหนึ่งดูเหมือนจะได้สติกว่าเพื่อนร้องตะโกนสุดเสียง

“เฮ้ย! หยุดยิง! ทุกคนไม่ต้องยิง ประเดี๋ยวถูกกันเองตายโหงไปเท่านั้น พวกเอ็งหลบไปให้หมด”

พวกนั้นจึงพากันวิ่งหนี หลบเข้าไปยังที่กำบังตัวตามซอกรถจนหมดสิ้น

หัวหน้าหน่วยปศุสัตว์วิ่งหน้าเริ่ดมาที่เขา ซึ่งในขณะนี้ดูเหมือนจะเป็นคนเดียว ซึ่งยืนอยู่ในที่โล่งกลางเครื่องหมายเส้นจราจร ใกล้กับรถที่จอดอยู่ ร้องบอกละล่ำละลักร้องตะโกนชื่อเขาเสียงหลงเพราะจำหน้ากันได้

“ผู้กองช่วยจัดการกับไอ้ดำนั่นทีเถิดครับ ชิบหายใหญ่แล้ว”

“จะให้ผมจัดการยังไง?”เขาถามเสียงเครียด

“โชคดีที่คุณอยู่นี่ผมกะจะมาเยี่ยมไข้คุณอยู่พอดี แต่ดันมาเกิดเรื่องเสือหลุดขึ้นมาเสียก่อน ผมคงต้องขอแรงคุณแล้ว เอ้านี่ปืน คุณช่วยจัดการมันที”หัวหน้าหน่วยที่เขาพอคุ้นเคยอยู่บ้างจากการต้องออกป่ามาด้วยกัน ยัดปืนใส่ในมือของเขาทันที หาญศึกแยกเขี้ยวเหมือนอยากจะสบถด่าออกมาอย่างเหลือทน อยากตะโกนว่าตอแหลเสียจริง เขานอนพะงาบๆอยู่ใน โรงพยาบาลมาเป็นเดือนไม่เห็นมีหมาสักตัวมาเยี่ยมไข้ หัวหน้าหน่วยปศุสัตว์ยังคงชี้โบ้ชี้เบ้ไปยังพวกลูกน้องที่หิ้วปีกกันมาอย่างเลือดสาด

“ผู้กองยิงทิ้งเลยครับ เร็วเข้าเถอะ ประเดี๋ยวไม่ใครก็ใครได้ถูกมันขย้ำตายบ้างเท่านั้น เลือดสาดกันไปเป็นระนาวแล้ว”

หัวหน้าหน่วยพูดลิ้นพันกันอยู่เช่นนั้น หน้าซีด ตาเหลือก

นายทหารหัวเราะหึ ๆ อยู่ในลำคอ

“พวกเด็กของคุณนี่ไม่ไหวจริงๆไอ้เรื่องแบบนี้พวกคุณก็น่าจะชำนาญมากกว่าคนเป็นทหารอย่างผมนะ นี่ขนาดผมอยู่ตรงนี้ยังเกือบโดนลูกหลงเฉี่ยวหัวไปตั้งหลายที รอดจากสมรภูมิมาแล้วจะมาตายเพราะโดนลูกหลงในเมืองนี่แหละ เชี่ยจริงๆ คนยืนหัวโด่อยู่นี้ทั้งคนดันยิงมาได้ จะตกใจขี้แตกขี้แตนอะไรกันนักกับเสือดำตัวหนึ่ง”

เขาตำหนิด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หัวหน้าหน่วยเอาแขนเสื้อปาดเหงื่อ อ้าปากพูดละล่ำละลัก

“ก็ผมเตือนพวกมันแล้วยังไม่ทันจะก้าวขาออกไปจากรถ เสือมันก็กระโจนใส่เข้าให้ อารามตกใจพวกมันยิงออกไปส่งเดชเพื่อป้องกันตัว แต่พูดก็พูดเถอะผมไม่เคยเห็นเสือดำจะตัวใหญ่ขนาดเสือโคร่งเลย ตัวนี้เป็นตัวขนาดงามมาก บอกตรง ๆกะจะจับเป็นในตอนแรก แต่อีแบบนี้คงจับเป็นไม่ได้แน่ คนของผมเจ็บไปหลายคน คนข้างในนี้ที่ติดอยู่เหมือนคุณเขาจะพลอยได้รับอันตรายไปด้วยแน่ ถ้าขืนมัวแต่คิดจะจับเป็นอยู่ ยิงเถอะครับผมมีอำนาจเต็มที่ในการตัดสินใจ”

“ผมไม่รับผิดชอบนะถ้าลากปืนไปยิงไอ้ดำตัวนั้น ถึงไม่รู้ว่ามันหลุดมาจากสวนสัตว์ไหน มันยิ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนหายากอยู่ด้วยพวกนักอนุรักษ์กับพวกสื่อมันคงหมายหัวผมแน่ ประเดี๋ยวคงด่าเปิงว่าทำเกินกว่าเหตุ ว่าไม่สงวนพันธุ์สัตว์ป่าหายาก”

“แน่นอนครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกอนุรักษ์กับพวกสื่อหรอก ประเดี๋ยวผมพูดกับท่านรัฐมนตรีให้ท่านช่วยจัดการเรื่องข่าวเอง ตอนนี้คุณรีบจัดการมันเลยครับ เรื่องทุกอย่างผมจะรับหน้าไว้เอง”

บอกเร็วปรื๋อ

ร้อยเอกหาญศึก เสนานรงค์ สั่นศีรษะช้า ๆอีกครั้ง กระชับเจ้าวินเชสเตอร์ โมเดล ๗๐ มาดูให้เต็มตา ปากก็ขมุบขมิบว่ามันเป็นของเก่าที่พวกพรานในอดีตชอบใช้ ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีคนใช้อยู่ ตรวจศูนย์ปืนแล้วกระชากลูกเลื่อน เทกระสุนในรังเพลิงมาดูหนึ่งนัด

"หัวกระสุนขนาด ๓๐๐ เกรน ความเร็ว ๒๗๐๐๐ ฟิต/วินาที นับตั้งแต่กระสุนถูกขับออกจากรังเพลิง เกิดแรงปะทะอย่างสูงสุดถึง ๔๖๑๕ ฟุต - ปอนด์ ถือว่าเป็นกระสุนที่มีความเร็วและแรงมากทีเดียว ต้นตระกูลปืนลูกเลื่อนของไอ้กันมัน”

เขาแสยะยิ้มได้อย่างใจเย็น เพราะเป็นคนชอบเล่นปืนพวกนี้อยู่แล้ว

“โชคดีที่เมื่อกี้คุณไม่เอามันมายิงสักเปรี้ยง ที่นี่มันจุดอับวิถีกระสุนขืนโป้งป้างออกไป รถสมัยนี้เหล็กบางยังกะกระป๋องเบียร์คงทะลุไปสี่ห้าคัน เผลอๆคนหลบในรถจะตายโหงเอา”

พูดจบก็เหนี่ยวแขนหัวหน้าหน่วยพิทักษ์สัตว์ผลักรุนให้เข้าไปนั่งอยู่ในรถของเขาเอง ที่เป็นอันต้องจอดสนิทเพราะโดนรถคันอื่นจอดคาขวางทางออกเอาไว้

“อยู่ในนั่นแหละ อย่าออกมา จนกว่าจะเรียบร้อย”

ว่าแล้ว เขาก็หยิบกระสุนหัวซิวเวอร์ทิปลูกเดิมคืนเข้ารังเพลิง กระแทกลูกเลื่อนปิดดังลั่น ปากก็บอกย้ำกับตัวเองว่าต้องสังหารในนัดเดียวให้ได้ มือล้วงเข้าไปในคอเสื้อนิมนต์บารมีหลวงพ่อโตมาคุ้มครองอย่างเช่นทุกครั้งที่ออกไปทำภารกิจเสี่ยงตายสองเท้าก้าวเดินดุ่มๆ มองสูง เพดานคอนกรีตค่อนข้างต่ำ รถแวนหลังคาใกล้เพดานไปจนถึงรถเก๋งขนาดมินิ มีรถเกือบทุกยี่ห้อจอดเรียงรายเป็นระนาว เป็นจุดอับที่ไม่รู้ว่ามันจะซ่อนตัวอยู่ตรงไหน หรือแม้แต่พวกเจ้าหน้าที่กับคนที่ติดอยู่ ไม่รู้ว่าใครหลบอยู่ตรง ไหนกัน หากขืนยิงพลาด กระสุนอาจแฉลบไปโดนคน

กระสุนนัดเดียวจะต้องเข้าไปฝังในร่างเสือให้สิ้นชีพให้ได้

ไม่มีใครกล้าให้เสียงเพราะกลัวจะเป็นเป้าให้เสือ มันยิ่งแย่หนักที่หาญศึกไม่รู้ว่าใครหลบอยู่ที่ไหนกันบ้าง ไฟฉุกเฉินให้แสงสลัวบางจุดเท่านั้น ความมืดอาจจะทำให้เขากลายเป็นเป้ากระสุนปืนของพวกเจ้าหน้าที่เสียเองเพราะถูกเข้าใจผิด หรือจะกลาย เป็นเหยื่อกรงเล็บเสือ อย่างไหนไม่รู้จะโดนก่อนกัน โทรศัพท์มือถือไม่มีคลื่น วิทยุสื่อสารของเจ้าพวกนั้นก็ถูกรบกวน ติดต่อหากันไม่ได้ มันเป็นปรากฏการณ์ประหลาดยิ่งนัก

“เฮ้ย!!ไอ้ดำปลอด ออกมาฉะกันสิวะ ไอ้แมวหง่าวขี้เรื้อน!”

เขาแหกปากท้าทายออกไปเพื่อดึงความสนใจจากเสือ

ไม่ผิดคาด ทันทีมีเสียงดังตึงตังคล้ายแผ่นโลหะถูกเหยียบยุบ รถยนต์ในแถวหนึ่งโคลงเคลงต่อเนื่องกัน‘มัน’แน่ที่กำลังไต่มาบนหลังคารถ มีคนพยายามฉายไฟมาทางเขาเพื่อเตือนถึงอันตราย แต่แล้วเสียงนั่นกลับหายไป หาญศึกพยายามใช้ประสาทหูให้มากที่สุด เหมือนมันมาหยุดหลบอยู่หลังต้นเสาตรงหน้า

ในมุมสลัวถัดจากตู้แดงอุปกรณ์ดับเพลิง มีอะไรชนิดหนึ่งยืนเอาร่างพิงอยู่ที่นั่น สูงขนาดหกฟุต มีหัว มีลำตัว แขน และขาพร้อม และขณะนี้มันทรงร่างทั้งหมดอยู่กับขาทั้งสองข้าง ทีแรกคิดว่าเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บจากเสือ หรือไม่ก็อาจโดนลูกหลง จะเรียกแล้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อร่างนั่นหันหน้ามา ดวงตาสีเขียวลุกวาวแผดจ้าผิดมนุษย์ คล้ายไฟสัญญาณจราจร แล้วหาญศึกก็ต้องขนลุกไปทั้งตัวเมื่อมันตวัดลิ้นยาวเลียที่ต้นแขนเหมือนสัตว์ได้รับบาดเจ็บ จนในที่สุดเมื่อร่างนั้นยอมเผยตัวออกมาอย่างเต็มสัด ส่วน เป็นชายร่างฉกรรจ์ร่างเปลือย แผงอกกว้างใหญ่กำลังหอบขึ้นลง ข้อลำใหญ่โตฉกาจฉกรรจ์ยิ่งนัก ดวงมรกตขนาดลูกมะนาวในความมืดสลัว ดูทะมึนไม่ผิดอะไรกับภูตผี หรืออสุรกาย

“มัน..เป็นตัวอะไรกันแน่วะ..”

เสียงของผู้กองหลุดลำคอออกมา ดังไม่เกินกระซิบจ้องตาเบิกโพลงอยู่ที่ร่าง
นั้นไม่กระพริบ พอได้สติฉายไฟเข้าใส่ มันก็หลบวูบ ตะกายด้วยสี่ขาเป็นเงาดำหายไปในระหว่างซอกรถ

บัดนี้พวกเจ้าหน้าที่ และคนที่ติดอยู่ข้างในทั้งหมดเป็นอันต้องหลบเข้าไปอยู่ในรถคันที่ใกล้ตัวที่สุด สายตาทั้งหมดจับนิ่งมายังร่างของนายทหารร่างยักษ์เป็นตา เดียวด้วยใจอันสั่นระทึก สายตาอันเริ่มชินกับความมืดแล้วของเขา เริ่มกวาดมองอย่างระมัดระวังไปรอบด้าน เมื่อตนเองเดินช้า ๆ อยู่ในระหว่างรถเมอร์เซเดส กับปอร์เช่สุดหรู ที่บัดนี้ที่กระจกหน้ามีรูกระสุนสามสี่แห่งจากการยิงมั่ว ภายใต้พัดลมระบายอากาศตัวใหญ่ที่เป็นอันต้องหยุดทำงานเพราะไฟฟ้าถูกตัด ทำให้หายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างอึดอัดยิ่งนัก ประสาทตื่นพร้อมเมื่อได้ยินเสียงคำรณก้องออกมา มีเสียงฝีเท้าคนหลายคนวิ่งกรูแล้วตามด้วยเสียงปืนดังเปรี้ยงปร้างพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของคนที่โดนมันตะปบเข้าอีกราย พอวิ่งตามก็เจอคนนอนร้องโอดโอย ไอ้ดำคงโดนไปอย่างน้อยหนึ่งนัด เพราะเห็นรอยเลือดหยดเป็นทางให้ตาม แล้วไปเจอมันนอนหมอบที่ซอกระหว่างเก๋งมิตซูสีบรอนซ์ กับกระบะโตโยต้าสีน้ำเงิน กำลังเลียแผลจากกระสุนปืนซึ่งฝังอยู่ที่ต้นขาหน้า กับอีกหลายแผลเลือดโชก รูปการณ์เดียวกันกับไอ้เจ้าอสุรกายตัวเมื่อกี้ไม่มีผิดเลย เขามองเสือกลายเป็นคนไปได้ยังไงเมื่อครู่นี้

พอถูกฉายไฟจับใส่ มันก็อ้าปากแดงฉาน กางกรงเล็บ เขาตวัดไรเฟิลขึ้นอย่างใจเย็น จะกดให้แม่นๆตาจับอยู่ที่เป้าหมายอันมีระยะห่างประมาณไม่เกิน ๑๐ เมตร ดวงตาของสัตว์ร้ายสะท้อนแสงมาแรงกล้า เขาหยุดชะงักกึก นิ้วไม่ทันกระดิกไกปืนไอ้ดำเผ่นพรวดพราดขึ้นไปบนหลังคารถคันหนึ่ง กระโจนไต่ตะกุยตะกายจนหลังคารถอีกหลายคันยุบตัวลงตามน้ำหนักตัว พอไปถึงหลังคารถปาเจโร ก็หมอบตัวทำหูลู่อ้าปากแสยะเขี้ยวมาทางเขา พร้อมด้วยดวงตาอันลุกจ้าดุร้าย และพริบตานั้นเอง มันก็เผ่นพรวดสยายเล็บพุ่งลงมาใส่อย่างดุเดือด

หาญศึกวาดลำกล้องปืนตาม ในขณะที่มันตะกายหนีศูนย์ปืนไปที่รถอีกคัน ความแคบจำกัดระหว่างหลังคารถ กับเพดานทำให้มันกระโจนตัวไปได้ไม่ไกลนัก ช่องแอร์ขวางหน้าเจอทางตัน ก่อนที่มันจะแว้งตัวเผ่นเข้าใส่ .๓๐-๖๐ ก็แผดระเบิดกึกก้องไปทั่ว เป็นการยิงสวนในระยะเผาขน

ร่างที่คิดว่าเป็นเสือดำกับกลายเป็นร่างคน พุ่งลงมาปะทะกับกระโปรงรถเก๋งคันหนึ่งจนยุบตัวลงทั้งโคลงเคลงสั่นไหวไปทั้งคัน จากน้ำหนักตัวอันมากมายนั้น มือข้างหนึ่งยังกระตุกพลิ้วอย่างพยายามจะยันตัวลุกขึ้นให้ได้ เขาแทบจะทำปืนหลุดจากมือ ตะลึงพรึงเพริด ก้าวขาถอยหลังไปหลายก้าวตามสัญชาติญาณส่วนร่างที่คิดว่าเป็นเสือร้ายนั่นกลับเป็นร่างเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์มาปกปิดของมนุษย์ผู้ชายตัวสูงใหญ่ ใกล้ เคียงกับตัวเขาทีเดียว เสือร้ายหรือมนุษย์บ้าคนนั้นยังคงตัวสั่นริก ๆอยู่กับที่ตรงนั้น มือยังพยายามยันตัวลุกขึ้นอีกแต่แล้วก็ทรุดหวบลงไปแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น

“ชิบหาย!นั่นมันคนนี่หว่า นี่กูดันล่อคนด้วยกระสุนยิงช้าง”


ห้องนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ หนึ่งคืนก่อนวันเกิดเหตุการณ์


ประตูบานพับใหญ่ถูกผลักเข้ามา ร่างสันทัดหนึ่งของของนายตำรวจก้าวเดินนำเข้ามาก่อน ตามหลังมาติดกันคือร่างสูงในชุดวอร์มแบบนักกีฬา คนที่อยู่ในห้องสามคน กับอีกหนึ่งร่างบนเตียงชันสูตรศพ ต้องละมือหันมาทันที

“สวัสดีครับ ผมเป็นตัวแทนจากสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย”

ชายร่างสูงกล่าวแนะนำตัวมาอย่างง่ายๆ มือชูบัตรประจำตัวที่ห้อยคออยู่ นาย

แพทย์ประจำแผนกนิติเวชผู้กำลังง่วนอยู่กับศพ เพียงละมือแล้วหันมาพยักหน้าหงึกตอบรับ นายตำรวจอีกสองคนที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว ต่างลุกไปหยิบ
เอกสารของตนขึ้นมาอย่างเตรียมพร้อม กับคำถามที่จะตามมา

“คุณตำรวจครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา”

เทรนเนอร์สูงวัยเริ่มคำถามขึ้นด้วยสีหน้าสลดกับคำตอบที่เห็นอยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว นายตำรวจเจ้าของคดีมีสีหน้าอึดอัดเช่นกัน หยิบแฟ้มของตนขึ้นมาเตรียมพร้อมกับคำถามทันที

“ผมขอแสดงความเสียใจด้วยครับคุณเทรนเนอร์ เราพึ่งจะเสียคุณ ไพรวัลย์ ไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วมานี่เองครับ เขาถูกยิงด้วยกระสุนปืนหลายขนาดเข้ายังจุดสำคัญของร่างกาย และเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ทางเราได้ตัวเขามา ก็ตอนที่หมดลมหายใจไปแล้ว”

“งั้นหรือครับ ไพวัลย์ตายไปแล้ว”คนแก่ต้องยืนคอตกไป

ร่างแน่นิ่งไร้ชีวิต ไร้ลมหายใจของนักกีฬาคนดังบนเตียงโลหะ ร่างเปล่าเปลือยของเขากำลังถูกชำระล้างคราบเลือด และตกแต่งบาดแผลจากรอยกระสุนปืนบนลำตัว ที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดว่าคือรอยยมทูตอันปลิดชีวิตของเขาไป ใบหน้าหล่อเหลาคมสันแบบลูกครึ่งเอเชีย-ตะวันตก ยังคงหลับตานิ่งราวกับคนหลับไปเท่านั้น เทรนเนอร์สูงวัยแทบไม่เชื่อต่อสายตาของตนเองว่า ไพรวัลย์ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติชื่อดัง ที่ตนฟูมฟักมานานเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝันเหรียญรางวัลโอลิมปิก ได้ตายจากเขาไปแล้วจริงๆ
เหตุการณ์เมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมา ไพรวัลย์ ซึ่งควรอยู่ที่แค้มป์เก็บตัวทีมชาติ กลับหุนหันออกมาหลังได้รับโทรศัพท์เรียกจากรุ่นน้องคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เทรนเนอร์อย่างเขาก็พอรู้ระแคะระคายมาบ้างว่า เด็กดาวพระเกตุ ทีมชาติระดับเยาวชน ไปมีเรื่องกับเจ้าของค่ายมวยซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพล เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไพรวัลย์คงรีบออกไปช่วยเด็กคนนั้นแน่ จึงได้ถูกยิงตายกลายเป็นศพกลับมา

นายตำรวจพับปกรายงานเพียงเท่านั้น ชำเลืองตามองร่างบนเตียงอีกครั้ง ไพรวัลย์ก็เป็นบุคคลที่ตนเองเคารพเช่นกัน เพราะเคยเป็นครูฝึกพิเศษให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายตำรวจเดินไปหยิบแฟ้มเอกสารบันทึกรายงานการสวบสวนอย่างคร่าวๆอีกเล่ม คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันหลังจากพลิกกระดาษไปสองสามแผ่น เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับยกมือขึ้นกุมขมับ ครุ่นคิดไปได้ครู่หนึ่ง รูปคดีที่เขาคิดไม่ได้มีอะไรมากที่จะสรุปเอาคร่าวๆ

“เด็กสาวที่ชื่อดาวพระเกตุกับเด็กที่ชื่อคงกะพัน สองคนยอมรับกับผมมาเองว่าบุกไปที่ค่ายมวยเพื่อจะชิงเอาตัวนักมวยที่ชื่อคมทวน หรือมีชื่อว่าโย่งออกมาจากค่าย เลยถูกเจ้าถิ่นกระทืบให้ซะเกือบสลบเหมือด คุณไพรวัลย์ตามมาทีหลังเจอเด็กโดนทุบเกือบตายเลยเกิดบ้าเลือดจนเกิดการลงมือกันขึ้น ค่ายมวยนั้นเป็นของผู้มีอิทธิพลที่ทางกองปราบกำลังจ้องหาทางจัดการอยู่ด้วย พวกเขาไม่น่าเกิดบ้าบิ่นบุกไปทั้งอย่างนั้นเลย ในที่เกิดเหตุมีคนตายเป็นสิบ คนของค่ายมวยไม่มีใครรอดเลยสักคนรวมทั้งเจ้าของค่ายมวยคนนั้นด้วย”

“เด็กสองคนแอบไปก่อเรื่องจริงๆ”คนแก่พูดมาอย่างแค้นเคือง“ผมกะจะปลดออกจากทีมชาติไปหลายครั้งแล้วแต่เพราะไพรวัลย์ขอไว้ พวกเขาอุ้มชูอุปถัมภ์กันมานานผมจึงไม่อยากจะยุ่งด้วยอีก สุดท้าย..เขาก็ต้องมาตายเพราะเด็กพวกนั้น”

นายตำรวจมองรูปถ่ายศพที่ตายในที่เกิดเหตุแล้วต้องส่ายหน้า

“คุณไพรวัลย์แกร่งจริงๆ ตอนเขามาสอนพิเศษให้กับพวกตำรวจคอมมานโด เขาเคยแสดงศักยภาพของร่างกายมนุษย์ที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ทุกส่วนมาแล้ว แม้แต่นิ้วมือของเขาก็แกร่งขนาดสามารถแทงทะลุกระป๋องเบียร์ได้เหมือนเหล็กแหลมแทง ศพในที่เกิดเหตุวันนี้ก็เช่นเดียวกัน โดนแทงหลอดลมจนทะลุ บ้างก็เหมือนโดนกรงเล็บเสือตะปบเลือดสาดเอาเลย สู้กับเขาก็เหมือนสู้กับเสือ อันตรายขนาดสัตว์ป่าตัวหนึ่งเลย นี่ขนาดโดนยิง เขายังอึดพอจะฆ่าพวกนั้นได้จนหมด”

“ผมขอดู”ชายชรายื่นมือมาขอดูแฟ้ม นายตำรวจส่งรูปถ่ายสภาพศพเหยื่อของไพรวัลย์ให้ดู เทรนเนอร์บอกว่าเป็นท่านิ้วแทงคอแบบยูยิตสูที่ไพรวัลย์ฝึกนิ้วมือจนแกร่งใช้เป็นอาวุธได้

“คุณไพรวัลย์เป็นครูฝึกพิเศษของกองทัพและของตำรวจ ผมเองก็เป็นศิษย์คนนึงของเขาด้วยเช่นกัน ฝีมือของครูเยี่ยมจริงๆขนาดตัวโดนยิงเข้าไปตั้งหลายนัด ก่อนขาดใจตายก็ยังจัดการพวกมือปืนได้ด้วยมือเปล่าได้ สภาพศพที่ผมตรวจอย่างคร่าวๆเป็นกลยุทธ์ของคอมมานโด ที่มุ่งเล่นงานตรงจุดตาย ถ้าหากพวกนั้นไม่ใช้ปืนที่ยิงจากระยะห่างแล้วละก็ คงไม่มีทางฆ่าครูได้แน่”

เทรนเนอร์สูงวัย คนคู่ใจของไพรวัลย์ผู้ล่วงลับ ต้องยืนทอดอารมณ์อย่างตายอยากอยู่ข้างเตียงโลหะขนาดใหญ่ ภายในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อและอุปกรณ์ผ่าตัดของนิติเวช สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลถึงวันข้างหน้ายิ่งนัก กำหนดการแข่งโอลิมปิกเพียงเดือนเดียวเท่านั้น แต่กลับต้องมาเสียนักกีฬาความหวังไปอย่างกะทันหัน ขณะที่มองนายแพทย์นิติเวชลงมือทำความสะอาดให้ร่างไร้ชีวิต หมดงานในการชันสูตรแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเขากับทางตำรวจที่จะต้องร่วมกันแถลงข่าวการเสียชีวิต

“ผมขอเลื่อนเวลาการแถลงข่าวออกเป็นวันพรุ่งนี้ได้ไหมครับ”ชายสูงวัยพูดขึ้นขณะที่ใช้มือสัมผัสหน้าอกของศพ รูกระสุนหลายรูที่ปลิดชีพของเขา ผิวที่เริ่มแข็งและซีดจาง

“เรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของเขา ผมอยากให้ข่าวการตายของไพรวัลย์ออกมาเป็นอุบัติเหตุมากกว่า เพื่อให้คนทั้งประเทศนึกถึงเขาในแง่ดีเท่านั้น ผมไม่อยากให้ใครคิดว่าเขาไปเกี่ยวพันกับพวกอาชญากร”

คนแก่พูดเสียงเกือบเหือดหาย นายแพทย์นิติเวชพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เขาชำเลืองตามองร่างบนเตียงและพูดเสียงเรียบ

“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณและทางสมาคมดี คุณไพรวัลย์เองก็เป็นถึงวีรบุรุษของชาติ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศของเรามาก็มากมาย คงไม่มีใครอยากเห็นจุดจบของเขาที่ไม่ดีแน่ คนก็ตายไปแล้วยังไงก็อยากรักษาชื่อเสียงเอาไว้เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชนรุ่นต่อไป แต่เรื่องนี้มันเกินขอบเขตอำนาจของผมไปแล้ว ผมจะสรุปรายงานส่งไปให้ทางเบื้องบนของผมก่อน พวกท่านคงหาทางเคลียร์คดีพวกคนที่ตายจากน้ำมือของคุณไพรวัลย์ได้ แต่มันคงต้องใช้เวลามากหน่อย เพราะคดีนี้มีคนตายนับสิบราย และยังเป็นคนของผู้มีอิทธิด้วยคงต้องว่ากันยาวเลย”

นายแพทย์นิติเวชสรุปมา คนแก่ชะงักไปเล็กน้อยและถอนหายใจ

ทุกอย่างมันจึงต้องลงเอยที่ เก็บศพเอาไว้เพื่อรอสะสางคดี ข่าวการตายของไพรวัลย์จึงต้องถูกเก็บเอาไว้ก่อน ศพถูกเคลื่อนผ่านหน้าของทุกคนไป เพื่อนำไปไว้ยังห้อง เก็บศพต่อไป


เที่ยงคืน..


เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก เวลานี้เหลือเพียงตำรวจอยู่เวรหน้าห้องเก็บศพ นายแพทย์นิติเวชคนเดิมได้กลับมาอีกครั้ง และคราวนี้มีหญิงสาวตามมาด้วยอีกคน เขาบอกกับตำรวจหน้าห้องว่าเธอเป็นญาติคนตายจะมาขอดูหน้าศพ ทันทีสองคนมาอยู่ตามลำพังในห้องดับจิต คุณหมอรีบไปเปิดตู้เก็บศพที่มีร่างของไพรวัลย์อยู่ในนั้น ศพถูกนำออกมาวางยังเตียงด้านนอกอีกครั้ง

“พอใจหรือยังครับคุณกานดา”

ดร.เทิดไท สมิทธ์ นายแพทย์นิติเวชหันมายิ้มให้

หญิงสาวร่างบาง เข้ามากอดด้านหลังของเขา พร้อมกระซิบแว่วหวาน

“ถ้าจะให้ขอบคุณละก็ คุณหมอต้องชุบชีวิตของเขาขึ้นมาให้ได้สิคะ”
เหมือนคำหยอกล้อมากกว่า ดร.เทิดไท กลับยิ้มด้วยประกายตาคมวาว วางกล่องใบหนึ่งที่เอาติดมือมาด้วย วางลงข้างศพก่อนเผยเข็มฉีดยา ข้างในบรรจุของเหลวสีเขียวเรืองแสง รอยยิ้มอันผิดผู้ผิดคนของนายแพทย์หนุ่มใหญ่ แสดงออกอย่างคนจิตไม่ปกติ มองร่างของยอดนักกีฬาผู้ล่วงลับไปแล้วเหมือนของมีค่าที่ยากยิ่ง

“โชคดีจริงๆ ผมมองหาศพที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้มานานแล้ว ทั้งโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อช่างสมบูรณ์แบบจริงๆ สมแล้วที่เป็นยอดนักกีฬา วิเศษๆคราวนี้การทดลองปลุกชีพมนุษย์ของผมจะต้องประสบผลสำเร็จ”
เขาหันมาทางหญิงสาวโฉมสะคราญข้างตัว

“หากไม่ได้คุณกานดา นำตัวอย่างเลือดมามอบให้ก่อนหน้านี้แล้วละก็ ผมคงไม่สามารถสร้างโลหิตอสูรออกมาได้แน่ ศพของไพรวัลย์จะเป็นศพแรกที่ผมทำสำเร็จ เขาจะเป็นคนที่สองถัดจากพระเยชูที่ฟื้นคืนชีพมาจากความตาย”
ดร.เทิดไทกล่าวมาอย่างลิงโลด

“แน่นอนเลือดนี้เป็นของลูกสาวของฉันเอง เป็นเลือดของคนเผ่าอารยันแท้ ที่คุณหมอจะหามาจากไหนไม่ได้อีก เมื่อการทดลองนี้สำเร็จคุณหมอก็จะสามารถปลุกชีพลูกเมียที่ตายไปเพราะอุบัติเหตุได้แล้วสินะ แล้วคุณหมอยังช่วยเหลือผู้คนที่เศร้าโศกจากการสูญเสียคนที่รักไปได้อีก”

“โลหิตอสูร แท้จริงคือเครื่องจักรขนาดเล็กระดับนาโน มันเป็นผลงานทางวิศวกรรมการแพทย์ที่ผมสร้างมันขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคทุกชนิดในร่างกายมนุษย์ มันจะไปแทนที่เซลล์เม็ดเลือดขาวในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่เหนือกว่าของเดิมที่พระเจ้าสร้างให้มนุษย์มาเสียอีกไม่เพียงเท่านั้นนะโลหิตอสูรยังสามารถซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายซึ่งเสื่อมสภาพลงตามวัยให้กลับคืนสภาพเดิม คนจะคงความหนุ่มความสาวได้ตลอดไป และที่น่าทึ่งแม้กระดูกจะหักกล้ามเนื้อจะฉีกขาด เครื่องจักรที่ซ่อนตัวในเม็ดเลือดขาวจะซ่อมแซมให้คืนสภาพเดิมได้อย่างรวดเร็ว หรือนั่นคือมนุษย์จะเป็นอมตะ โลหิตอสูรจะช่วยให้มนุษย์พ้นจากอำนาจของพระเจ้าไปอย่างตลอดกาล”
นายแพทย์หนุ่มใหญ่ยิ้มได้เพียงนิด ก่อนกัดฟันกรอดเผยแววตาเหมือนคนบ้าออกมา “แต่..ผมกลับถูกแพทยสภาต่อต้านหาว่าสติเฟื่อง! ลวงโลก! จนต้องถูกย้ายให้มาเฝ้าห้องเก็บศพอันแสนคับแคบนี่ ไอ้พวกไร้ความสามารถมันริษยาผม!”

“แน่นอนไม่มีใครรู้ความสามารถของ ดร. นอกจากฉันหรอก”

“คุณกานดาคือผู้จุดประกายความหวังในการชุบชีวิตลูกเมียที่ตายไปของผมช่วยเหลือทุกสิ่งทุกอย่างจนมาถึงวันนี้ เดิมทีผมกับครอบครัวเป็นคริสต์ศาสนิกชนที่เคร่งครัดยิ่งนัก พร่ำสวดมนต์เช้าเย็นสรรเสริญพระองค์แต่พระเจ้ากลับทรยศมาพรากลูกเมียของผมไป เมื่อพระองค์กล้าทำเช่นนี้ผมก็จะไม่ขออยู่ใต้อุ้งหัตถ์อีกต่อไปแต่จะขอกุมชะตาของมนุษย์แทนพระเจ้าเอง”

เขาแทงเข็มฉีดเลือดอสูรเข้าศพของคุณไพรวัลย์ทันที

“ต้องขอขอบคุณหนูดาวพระเกตุ ลูกสาวของคุณกานดาจริงๆหากผมปลุกชีพศพไพรวัลย์ได้สำเร็จ ต่อจากนี้ผมก็สามารถปลุกชีพคนตายได้อย่างไม่จำกัด โลกนี้จะไม่มีคนต้องตายอีกต่อไป”

กานดา บรรจงก้มลงจูบบนหน้าผากของร่างอันเย็นซีด พร้อมกับหัวเราะเสียงแว่วหวานจนขนาดหมอเทิดไท ยังตะลึงในจิตอันกล้าแข็งของหญิงสาวคนนี้ยิ่งนัก

“ตื่นขึ้นมาสิคะที่รักเพราะต่อจากนี้ตราบจนชั่วนิรันดร์ ชีวิตของคุณจะเป็นของฉันตลอดกาล จะไม่มีความตายมาแยกเราออกจากกันอีกแล้วเว้นเสียแต่จะมีผู้มีสายเลือดอารยันแท้มาปลดปล่อยคุณไปจากฉันเท่านั้น”

โลหิตอสูรถูกฉีดเข้าเส้นเลือดของศพ กว่าตัวยาจะเริ่มทำงานก็ต้องใช้เวลามากกว่าชั่วโมง อากาศในห้องดับจิตแสนเย็นยะเยือกยิ่งนัก ทั้งสองจึงต้องออกไปรอข้างนอกก่อน ตำรวจเฝ้าอยู่หน้าห้องเป็นต้องแปลกใจยิ่งนัก เมื่อเห็นทั้งสองออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ราวกับมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นข้างใน


เนินนานจนไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าใด แต่เวลาชีวิตของชายหนึ่งกลับได้เริ่มต้นขึ้นมาอีกครั้ง ละอองขาวมัวจากเครื่องทำความเย็นกำลังทำงานเต็มที่ กลิ่นไอความตายคลุ้งไปทั่ว เสียงนาฬิกาหน้าห้องดับจิตดังติกๆอยู่ตลอดเวลา คนที่เหมือนตายไปแล้วกลับรู้สึกขึ้นได้ทุกขณะจิต แต่ความปวดร้าวรานทั่วร่างกายมันกลับทำให้เขาขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว

“นี่..นี่มันเกิดอะไรกับฉันทำไมมันหนาวเหลือเกิน..”

“ตื่นเถิดไพรวัลย์..”

เสียงเรียกชื่อของเขาไม่ไกลนัก

“ใคร.. นั่นใครเรียกชื่อฉัน”

“ฉันเอง ที่รักของฉัน ไพรวัลย์เธอจงตื่นขึ้นเถิด..”

สิ้นเสียงกังวาน ในเงามืด จากอากาศธาตุได้ก่อตัวเป็นรูปร่างของมนุษย์คนหนึ่ง ไพรวัลย์รู้ตัวทุกขณะจิต ว่าเจ้าของน้ำเสียงได้มาถึงตรงที่ตนเองนอนอยู่แล้ว แต่เปลือกตากลับหนักอึ้งไม่สามารถเปิดขึ้นได้

“คุณเป็นใคร?”

“ฉันคือคนที่รักเธอที่สุดในสากลจักรวาลนี้ยังไงล่ะ”

สุรเสียงอันเปล่งมาอย่างนุ่มนวล จนไม่อาจแยกแยะว่าผู้พูดเป็นชายหรือหญิง

“รึคุณเป็นเทวดา นี่ผมได้ตายไปแล้วงั้นรึ”

“ไม่ใช่ เธอยังคงมีชีวิตอยู่ ก่อนหน้านี้กานดาลูกสาวของฉันได้มาปลุกชีวิตของเธอแล้ว ตอนนี้เธอกำลังจะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เธอคงไม่รู้หรอกว่าท้าวยมราชได้จำหน่ายชื่อของเธอออกจากสาระบบคนตายไปแล้วนะ”

“แต่ทำไมผมจึงเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ไม่มีแรงแม้จะกระดิกนิ้ว”

“นั่นเป็นเพราะเธอยังขาดกำลัง ธาตุขรรค์ยังไม่เข้าที่ จิตจึงยังไม่สามารถควบคุมร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้เราจึงมาเพื่อช่วยเธอยังไงล่ะ”

ไพรวัลย์รู้สึกว่าเจ้าของน้ำเสียงอันอ่อนโยนได้มาหยุดยืนมองดูตนอยู่ใกล้ๆแล้ว พลันนำเสียงของคนปริศนาเปลี่ยนเป็นสะอื้น ดังกระซิกๆ กังวานไปทั่วทั้งห้องอย่างเศร้าโศกยิ่งนัก

“นี่คุณกำลังร้องไห้หรือ”

“ใช่จ๊ะไพรวัลย์ที่รัก ฉันหลั่งน้ำตาเพราะได้รับรู้ความเจ็บปวดของเธอ เจ้าพวกมนุษย์สามานย์พวกนั้นที่มันทำร้ายเธอจนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล แม้นพวกมันจะตายไปแล้ว แต่เราจะสาปส่งพวกมันลงสู่ขุมนรก ให้นายนิรยบาลสับร่างพวกมันเป็นชิ้นๆโยนให้เป็นเหยื่อสัตว์นรกในอบายภูมิ เกิดแล้วดับ ดับแล้วเกิด วนเวียนอยู่เช่นนั้นให้พวกมันทุกข์ทรมานอย่างสาหัสสากรรจ์ไปตราบจนสิ้นอสงไขยปีนรก”

นิ้วมือเรียวลูบไล้ไปตามบาดแผลจากรอยกระสุนปืน พลันบาดแผลก็หายไปสิ้น ไพรวัลย์รู้สึกถึงมืออันอบอุ่นมาสัมผัสสร้างความสบายให้กับตนเองยิ่งนัก เปลือกตาเริ่มขยับอย่างช้าๆ ร่างกายลุกขึ้นได้เองอย่างไม่ต้องสั่ง แล้วก็พบเจ้าของน้ำเสียงนั่งเคียงอยู่

“อา..คุณสวยเหลือเกิน”

“ปากหวานจริงนะพ่อยอดชาย”

“คุณ คุณเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ ไฉนถึงสวยขนาดนี้”

“ผิดหวังงั้นรึพ่อคนคารมคมคาย”

ชายร่างเปลือยผิวขาวผ่อง และเรือนร่างงดงามราวกับรูปสลักของเทพเจ้าของพวกจิตรกรมือเอก ขยับเข้ามาใช้สองแขนโอบกอดเขาเอาไว้ บรรจงจุมพิตจากริมฝีปากนุ่มนวลอย่างแสนเสน่หาที่หน้าผากของเขา ไพรวัลย์แทบไม่เชื่อเลยว่าเรี่ยวแรงของตนจะกลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง

“รูปกายนี่ หามิใช่รูปกายที่แท้จริงของเราไม่ หากแต่เป็นรูปกายของมหาบุรุษผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งเกิดมาเพื่อเป็นเจ้าชีวิตของมนุษย์ทุกผู้ทุกคน แม้นเหล่าทวยเทพเทวาต่างเฝ้ารอเนื้อนาบุญผู้นี้มาปรากฏ จงจดจำรูปกายอันงดงามนี้ไว้ให้ดีเพราะในอีกไม่นานท่าน จะมาปรากฏตัวต่อหน้าของเธอ”

“คุณเป็นใครกันแน่ แล้วใครคนนั้นที่คุณพูดถึงเป็นใคร นี่ผมกำลังฝันไปอยู่ใช่ไหม ถ้าหากเป็นความฝัน ก็ขอให้ปล่อยผมออกจากฝันไปเถอะ”

เทพบุตรเลื่อนกายเข้ามาชิดจนเนื้อแนบเนื้อ มือเรียวลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกกว้างใหญ่ ปากก็ชื่นชมเรือนร่างของชายหนุ่มไม่หยุด นัยน์ตาสีฟ้าสดใสราวกับอัญมณีมองมาอย่างต้องของรัก ไพรวัลย์รู้สึกกระอักกระอ่วนใจชอบกล

ถามย้ำอีกครั้งถึงจุดประสงค์ของเทพองค์นี้

“เราชื่อวสวัตตี ผู้เป็นเจ้าแห่งแดนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี เราเป็นเทวทูตมาแจ้งข่าวให้เธอได้เดินทางไปคอยรับใช้มหาบุรุษผู้เป็นเจ้าชีวิตของเธอ ท่านกำลังจะมาปรากฏตนในอีกไม่กี่เวลาข้างหน้าแล้ว จงจำคำเราไว้ให้มั่น เธอจงเดินทางไปยังบูรพาทิศ ไปยังดินแดนที่มีแต่สงครามและการแย่งชิง ในวันที่พวกคนเถื่อนมีรอยยิ้มจากความปราณีของท่านผู้นั้น แล้วเธอจะได้พบกับท่านเอง”

“แล้วผมจะรู้ได้ไงว่าเป็นเขา?”

เขาถามกลับทั้งที่ตนเองยังไม่อยากจะเชื่อทุกสิ่งตรงหน้า

“ไพรวัลย์ที่รัก เราได้บอกกับเธอแล้วว่ารูปกายอันงดงามนี้คือรูปกายของท่านผู้นั้น เธอจงจำไว้ให้มั่น ชื่อของท่านมาจากพระนามของเทพเจ้าองค์หนึ่ง เมื่อได้พบกันแล้วท่านจะตั้งชื่อให้เธอเสียใหม่ เพื่อประกาศการเป็นเจ้าชีวิตของเธอ”


เช้าของวันใหม่..


เสียงระเบิดกระสุนดังกึกก้องในชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล ร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงบนกระโปรงรถ เขย่าประสาทคนยิ่งนัก ควันยังลอยจาก

ปากกระบอกปืนกลิ่นฉุนกึก หาญศึกค่อยขยับเข้าไปหาอย่างระวัง เพื่อจะดูหน้าคนที่เขายิงให้ถนัด

“ผู้กองระวัง! เปรี้ยง!.ง.เปรี้ยง!.ง.”

จ่าแจ๋วรีบวิ่งกระหืดกระหอบ มาพร้อมกับระเบิดกระสุนจากปืนโต อีกเพียงก้าวเดียวหาญศึกเกือบโดนกรงเล็บคม มนุษย์เสือสมิงยันตัวลุกขึ้นมาตวัดกรงเล็บใส่ทันที ก่อนจะผงะตัวลอย มือกางตีนกางจากแรงกระสุน .๓๕๗ ของจ่า แต่หาได้สิ้นฤทธิ์ไม่มันยังคงกระโจนขึ้นไปบนหลังคารถอีกคัน เผ่นโผนต่อเนื่องจนหนีไปได้อีกครั้ง

“ไอ้นี่มันเป็นเสือสมิง ผู้กอง กระสุนธรรมดาหยุดมันไม่ได้”

“จ.จ่า.ว่าอะไรนะ!?”

มองตามร่างชายเปลือยวิ่งลับหายไปในเงามืด น่าประหลาดยิ่ง แสงไฟกลับมาสว่างพรึบพร้อมกันอีกครั้ง วิทยุสื่อสารลั่นเสียงโครกคราก โทรศัพท์มือถือส่งเสียงเรียกเข้า ที่แต่ละคนรีบเปิดรับกันให้วุ่น หาญศึกตกตะลึงใบหน้าซีดเผือด หันมามองจ่าอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก คนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ก็ล้วนตกอยู่ในอาการเดียวกัน ชายประหลาดเหมือนวิ่งทะลุกำแพงได้เพราะตรงนั้นมีแต่คอนกรีตผนังหนาเป็นทางตัน แต่ร่างของเขากลับอันตรธานไปได้ราวกับใช้เวทมนต์

“ปล่อยมันไป”

จ่าพูดเสียงเรียบก่อนดึงซิกการ์มาคาบ จุดไฟลนก่อนปล่อยควันโขมงจากจมูก

“พึ่งจะเจอคนมีอาคมขนาดแปลงร่างเป็นเสือได้นี่แหละ แล้วก็มีพวกของขึ้นจนคุมตัวเองไม่ได้ หรือไม่ก็ทำผิดครูจนวิญญาณเสือมันลง เจออีแบบนี้กระสุนธรรมดา ถึงจะยิงเท่าไหร่มันก็ไม่ตายหรอก หากไม่ใช้กระสุนลงอาคม เสียดายจ่าไม่มีมันติดมาด้วย”



หนึ่งปีต่อมา..



พื้นที่โนแมนแลนด์ระหว่างรัฐไทยและพม่า ตลาดเถื่อนอันผู้คนกำลังคลาคล่ำจับจ่ายซื้อของ เพียงแต่วันนี้มีเหตุการณ์พิเศษเพราะมีหมอจากในเมืองมาตรวจรักษาโรคให้คนในตลาดแห่งนี้โดยไม่คิดเงิน

สองร่างกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่ท่ามกลางฝูงชน คนหนึ่งใส่ชุดขาวทั้งตัว ผิวพรรณสะอาดหมดจดอีกคนใส่ชุดสีดำล้วนสีผิวดำกร้าน ไพรวัลย์ ผู้แปรเปลี่ยนบุคลิกมาเป็นคนหยาบกร้านตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาสวมแว่นดำอำพราง ไว้หนวดเครารุงรัง จนผิดรูปหน้าเดิมไปมากกับชายหนุ่มร่างบางผู้มีกลิ่นของน้ำหอมติดตัว ผิวขาวละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า ช่างแตกต่างดุจสวรรค์มาเคียงกับนรกในสายตาของผู้คนที่กำลังยืนมองอยู่ในขณะนี้ยิ่งนัก

“สวัสดีครับผมชื่อ กฤษณ์ เป็นหมออาสา ขอฝากตัวโดยสารไปกับรถของคุณด้วยนะครับ”

..ชื่อของท่าน มาจากพระนามของเทพเจ้าองค์หนึ่ง..

คำของพญามารตนนั้น เขายังจำได้ติดหู

“ชายคนนี้อาจจะเป็น‘มาร’ตนนั้นเสียเอง เขากำลังจะล่อลวงเราเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะเป็นสมมุติเทพจุติลงมาเพื่อขจัดเภทภัยให้หมู่มนุษย์อย่างที่มารตนนั้นบอกไว้ เราจะไม่ยอมให้ใครมาบงการมาเป็นเจ้าชีวิตของเราอย่างเด็ดขาด”

ความคิดอันเด็ดเดี่ยวของไพรวัลย์

คนหนวดเคราเฟิ้มมองมือที่ยื่นมาทักทายอย่างแบบสากล และใบหน้าสวยใบหน้าเดียวกันกับเทพมารองค์นั้น เวลาเพียงหนึ่งปีที่เขาต้องซมซาน ระหกระเหิน มาจนถึงดินแดนไพรเถื่อนแห่งนี้มันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน แต่เขากลับหนีมารตนนี้ไปไม่พ้น

พอไม่เห็นเขามีปฏิกิริยาอะไร คุณหมอถึงกับเกิดอาการประหม่า ไพรวัลย์จึงยิ้มแยกเขี้ยวทำเสียงหัวเราะแห้งๆยื่นมือตอบกลับไป หมอเจ้าสำอางจึงยิ้มกว้างได้อย่างโล่งอกกล่าวแนะนำตนเองอีกครั้ง

“ผมชื่อกฤษณ์ฝากตัวด้วยครับ”

แสงอาทิตย์อัสดงที่ปลายยอดดอย นกป่าบนกิ่งไม้ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเริ่มเบาเสียงลงแล้วมองลงมายังชายสองคนที่เดินตามกันมาเข้าสู่แดนวิเวก คนร่างสูงได้แต่เดินจ้ำไปข้างหน้า ในขณะที่คนตามหลังเริ่มเดินอย่างกระย่องกระแย่งเต็มทีเพราะต้องหิ้วกระเป๋าหนัก ปากก็ร้องเสียงโอดคราญให้คนข้างหน้าช่วยหยุดรอที ไพรวัลย์เพียงหันคอมามองอย่างเฉยชากับคนเจ้าสำอางที่มัวแต่พิรี้พิไรในการเดิน เพราะกลัวโคลนจะติดขากางเกง

“จริงๆเลยนะใครบอกใครสอนกันให้ใส่รองเท้าหนังมาเดินป่ากัน”

เขาบ่น

กฤษณ์ได้แต่ยิ้มเก้อ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตนเองมาเดินป่า ไพรวัลย์เพียงส่ายหัวเดินมาดึงกระเป๋าใบใหญ่ไปจากมือมาสะพายบนบ่าของตนเองแทนแล้วเดินงุดๆทิ้งห่างไป กฤษณ์แอบขำลับหลัง คนหน้าหนวดทั้งแต่งตัวทั้งเก๊กหน้าและท่าทางเหมือนภาพ เช เกวาร่าที่ปรากฏอยู่ตามท้ายรถบรรทุกเสียจริงๆ เพียงชายคนนี้มีนัยน์ตาสองสี ตาขวาสีน้ำตาล ตาซ้ายสีเขียว

“เราจะไปไหนกันครับ”กฤษณ์ถาม

“เอาคุณไปฆ่ามั้ง”

คนหน้าบูดพูดยวนอย่างไม่มีความหมาย แต่เงยหน้ามองขึ้นไปยังหมู่บ้านบนเนินเขา ที่เห็นอยู่ไม่ไกลตาแต่ไกลเท้ายิ่ง กฤษณ์มองตาม เห็นแสงไฟหุงหาของแต่ละบ้าน ไพวัลย์บอกว่านั่นชื่อหมู่บ้านสเน่พ่อง เขาคุ้นเคยกับหัวหน้าหมู่บ้านพอจะพาเขาไปพักที่นั่นได้

ทางเดินขึ้นเนินเขาเต็มไปด้วยโคลน และรอยกีบเท้าวัวควายของชาวบ้าน มูลของมันถ่ายไว้เรี่ยราดตามรายทาง หมอสำอางต้องเดินอย่างลำบากยิ่งนัก ยิ่งเดินยิ่งไถลยิ่งเสียเวลา ต้นไม้ หญ้ารกสองข้างทางเริ่มมองไม่ออกว่าเป็นพรรณไม้อะไร คนหนวดเคราครึ้ม ต้องหันไปมองแสงสีผีตากผ้าอ้อมทางทิศตะวันตก พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน หากเข้าหมู่บ้านหลังพลบค่ำจะเป็นเรื่องยาก อาจโดนลูกปืนทักทายมาก่อน มองกลับมายังหมอกฤษณ์ ที่เริ่มเกาหลังมือเพราะไปโดนใบตำแยเอา อันตรายอีกอย่างก็คือพวกงูและสัตว์เลื้อยคลาน ไพรวัลย์จึงเรียกให้หมอกฤษณ์ขึ้นขี่หลังตนเอง จะได้ทำเวลาไปให้ถึงหมู่บ้านก่อนจะค่ำมืดกว่านี้

“มาด้วยกันตั้งนานผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลยนะครับ คุณชื่ออะไรหรือครับ?”

กฤษณ์บนหลังของเพื่อนใหม่ เอ่ยมาอย่างอารมณ์ดี เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดบนใบหน้า

“ใครแถวนี้เรียกผมว่านายเคราดำกันทั้งนั้น”

“เคราดำมันไม่ใช่ชื่อนี่ คุณเป็นคนหน้าดุแต่ใจดี งั้น อืม.ม.ม ผมขอเรียกคุณว่าสัณฑ์นะครับ ผมแอบนึกชื่อให้คุณอยู่ตั้งนานแน่ะ”

“สัณฑ์?”

“ดีกว่านายเคราดำไหม”

“สัณฑ์ เคราดำ”

“อะอ้าวได้นามสกุลแล้ว นายสัณฑ์ เคราดำ”

มันตลกจริงๆกฤษณ์ตั้งชื่อใหม่ให้เขาแล้วตามคำที่มารตนนั้นได้บอกไว้ รอยยิ้มเกิดขึ้นที่มุมปากของคนหน้าหนวดอย่างไม่รู้ตัว มันจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือจงใจกันแน่แต่เวลานี้เขากลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ความเหงา ความว้าเหว่มาเป็นแรมปีทำให้เขาต้องการเพื่อนเช่นนั้นน่ะหรือ

หมอหนุ่มเกาะแผ่นหลังของเพื่อนใหม่ ปากก็ชวนพูดคุยไปด้วยอย่างอารมณ์ดี สองคนยังคงคุยกันก่อนมุดหายในดงไผ่แล้วโผล่มาอีกทีในเขตของหมู่บ้าน ไพรวัลย์หรือชื่อใหม่นายสัณฑ์ ตะโกนนำเข้าไปก่อน เพียงครู่ต่อมา แสงคบไต้ของคนในหมู่บ้าน ต่างมุ่งมาต้อนรับกับคนคุ้นเคย และแขกแปลกหน้าผู้มาเยือน





Create Date : 09 กันยายน 2553
Last Update : 14 กันยายน 2553 13:52:57 น.
Counter : 4187 Pageviews.

3 comments
  
ฝากรอยเท้าเอาไว้ 55555 (เจิมเป็นคนแรก) ^^
โดย: chakansi IP: 58.9.221.31 วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:19:29:18 น.
  
ปลอด?...ป๊อด...หรือเปล่าครับ ยังไง
แล้วมีชื่อพี่ฉะด้วย...มา...ฉะกันสิ(วะ)
5555 ขำกลิ้ง
โดย: ป็อก IP: 58.9.125.191 วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:21:28:06 น.
  
อะไรกันเจ๊ ทำมาฝากรอยเท้าบล็อกนี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นะเออ
ป๊อก ดำปลอดก็ดำล้วนยังไงล่ะ
ฉะกันสิ(วะ)อันนี้เเถมมาให้เจ๊
โดย: อนัตตา IP: 124.157.191.55 วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:23:30:19 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แจ็ค ในสวนถั่ว
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ยินดีต้อนรับสู่บ้านของคนชอบคิดชอบเขียนครับ
New Comments