เรื่องเล่าจาก นศพ: ปี1 ตอน การเรียนในเทอม2

(ต่อ)

การเรียนในเทอมสองนั้นก็คล้ายๆกับของเทอมหนึ่ง ต่างกันตรงที่เนื้อหาของเทอมสองบางวิชาจะซับซ้อนกว่า บางวิชาก็มีเนื้อหามากกว่าของเทอมหนึ่งมาก แถมเทอมสองพวกเรายังมีกิจกรรมเยอะมาก เช่น งาน Hail Night(ซึ่งเดี๋ยวจะนำมาเล่าให้ฟังในตอนหลัง) ทำให้เวลาเรียนน้อยลง อดนอนมากขึ้น ประชากรแพนด้าเลยมากขึ้นตามไปด้วย


วิชาที่เรียนในเทอมสอง


คณิตศาสตร์

เทอมนี้เรียนวิชาสถิติ(Statistics)เป็นวิชาที่คนที่เกลียดเลขเข้าเซลล์เม็ดเลือดแดงอย่างผมเรียนแล้วทรมาณที่สุด เรียนไม่รู้เรื่องเลย เจอทั้ง mean, SD, T-score, Chi square, การประมาณค่า, การทดสอบสมมติฐาน การแจกแจงอีกพรึบ แถมดันมีเรื่องการจัดเรียงและความน่าจะเป็นมาผสมโรงให้งงหนักเข้าไปอีก

เหอะๆ คงเดาออกใช่ไหมครับว่าเกรดเลขผมเทอมนี้หน้าตาเป็นยังไง แต่เพราะคุณเพื่อน “ปิกาจู” ช่วยติวให้ ถึงแม้ตกแต่คะแนนก็ไม่ได้น่าเกลียดจนเกินไป ข้อสอบของเทอมนี้เป็นแบบ แสดงวิธีทำและแบบเติมคำตอบ


เคมีอินทรีย์ (Organic Chemistry)

เรียนเกี่ยวกับสารที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ ที่ต้องเรียนวิชานี้ก็เพราะสารต่างๆในสิ่่งมีชีวิตล้วนประกอบไปด้วยสารอินทรีย์ทั้งสิ้น

ที่ต้องเรียนก็มี โครงสร้างโมเลกุล การเกิดพันธะและปฏิกริยา ความเป็นขั้ว ความเป็นกรด-เบส และการสังเคราะห์สาร เป็นต้น ถึงแม้ว่ามันจะยากซักหน่อยแต่ผมคิดว่ามันเป็นวิชาที่สนุกดี บางทีก็ได้เจอโมเลกุลหน้าตาแปลกๆ คล้ายๆหุ่นยนต์ก็มี สนุุกดีพิลึก

วิชานี้มีการทำแล็บด้วยซึ่งผมจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งดันทำสารเคมีพวก amine หกใส่กระเป๋า เหม็นหึ่งไปเป็นอาทิตย์ ซักก็แล้ว ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นก็ยังไม่หายเหม็น ปรากฏว่าผมโดนเพื่อนรังเกียจ ไม่มีไครนั้งใกล้ไปหลายวันเลยทีเดียว

ข้อสอบเป็นแบบเติมคำตอบและ ให้แสดงวิธีการสังเคราะห์สาร ยากพอสมควรแต่โชคดีที่ผมทำข้อสอบเก่ามาเยอะเลยพอผ่านมาได้แบบไม่ลำบากมากนัก


ฟิสิกส์

ครึ่งเทอมแรกเรียนเรื่องคลื่นทุกชนิด ไฟฟ้าและแม่เหล็ก และ ความร้อน ตอนแรกก็ดีใจนึกว่าเนื้อเรื่องจะเหมือนของม.ปลาย ที่ไหนได้ ยากมักๆ เรียนรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่เรียนว่ายากแล้วข้อสอบดันยากกว่าอีก ขอบอกว่ามิดเทอมนี้อาจารย์ออกข้อสอบแบบจัดเต็มมากๆ เด็กตกกันระนาว(เดาออกไหมครับว่าข้อสอบของอ. ท่านไหนที่ออกมาแล้วเด็กมักทำไม่ได้)ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ตกเช่นกัน

ครึ่งเทอมหลังเรียนเรื่องทฤษฏีสัมพันธภาพพิเศษ และกลศาสตร์ควอนตั้ม เนื้อหาจะดูงงๆ(เรียนก็เรียนแบบงงๆ)ฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อว่าจะเป็นความจริง อ.วิฑูร สอนสองบทนี้ได้ฮามาก สนุกดี

ข้อสอบเป็นแบบให้แสดงวิธีทำและแบบเติมคำตอบ สงสัยว่าพวกอาจารย์ท่านคงรับไม่ได้กับคะแนนกลางภาคของพวกเรา เลยเมตตาลดระดับความยากของข้อสอบปลายภาคลง ผมเลยผ่านวิชานี้มาได้อย่างหวุดหวิด


ชีวะวิทยา

ครึ่งเทอมแรกเรียนเรื่องการจำแนกสิ่งมีชีวิต(taxonomy) คือต้องมานั่งท่องว่าสิ่งมีชีวิตนี้อยู่ในไฟลั่มอะไร คลาสอะไร ออเด้อร์อะไร แต่ละชนิดมีจุดเด่นอะไรบ้าง มากมายก่ายกอง ท่องกันจนหัวฟูก็ยังจำได้ไม่หมด

บางคนอาการหนักแม้แต่ตอนกินข้าวก็ต้องมานั่งเขี่ยกุ้ง ปลาหมึก ออกมาท่องด้วยว่าอยู่ประเภทไหน

ในครึ่งเทอมหลังนั้นพวกเราเรียนสรีระวิทยา(physiology) ซึ่่งเกี่ยวกับการทำงานของระบบต่างๆของร่างกาย ทั้งการแบ่งเซลและการเจริญเติบโตของตัวอ่อน ระบบประสาท ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบหายใจ เป็นต้น

อันนี้ค่อยดูเข้าท่าหน่อย ตรงกับสายอาชีพของเรา และสามารถนำความรู้ไปใช้ต่อได้ในปีสอง ครึ่งเทอมหลังนี้จึงเป็นเนื้อหาที่ผมเรียนอย่างเพลิดเพลินที่สุด

ข้อสอบเป็นแบบปรนัย ห้าตัวเลือกเหมือนเดิม ออกได้ยากพอสมควร เทอมนี้ก็มีการทำแล็บเช่นกันและมีสอบแล็บกริ๊งๆด้วยซึ่งยากกว่าของเทอมหนึ่งมากๆ


วิชาศึกษาทั่วไป ไม่ขอพูดถึงเพราะเหมือนกับของเทอมหนึ่งเป๊ะ ที่เปลี่ยนก็มีแค่วิชาภาษาอังกฤษที่จะมีการเลื่อนชั้นหนึ่งชั้น(ผมเลื่อนจาก lvl3 ไป lvl4)





Create Date : 11 เมษายน 2556
Last Update : 21 เมษายน 2556 21:36:06 น.
Counter : 1483 Pageviews.

1 comments
  
สู้ๆนะคะ อ่านแล้วคิดถึงสมัยตัวเองเรียนปี1อ่ะ
โดย: น้ำเคียงดิน วันที่: 12 เมษายน 2556 เวลา:20:05:26 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

PS YerDua
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



It's no use knowing a lot if you can't master what you know.

มันแทบจะไม่มีประโยชน์เลยที่จะรู้สิ่งต่างๆมากมายถ้าสิ่งที่คุณรู้นั้นไม่ได้รู้ลึก หรือรู้จริง
เมษายน 2556

 
1
2
3
5
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
25
27
29
30