---------- หาสิ่งที่ง่ายๆๆมาใช้  //  ความสูงของแท่งMACD---------

         สืบเนื่องมาจาก การเล่นในยุคปัจจุบัน

          1 ฟิวเจอร์ตลาดไทย (นอก) คิดเงินทุกนาที ( จำเป็นต้องดูกราฟ1นาที )

          2 ข่าวสารที่รวดเร็ว ทำให้การเล่นไวขึ้นด้วย (ต้องติดตามตัวเลขประกาศ ที่สำคัญ ที่มีผลกับตลาดที่เรากำลังเล่น)

          3 กระดานต่างประเทศ ใช้ MT4 /MT5 เป็นส่วนใหญ่ หน้าตา จะเป็นเช่นนี้ รวมไว้ในหน้าต่างเดียว (กระดานเทรด ออปชั่น มีอะไรวุ่นวายมากมายกว่า ไม่ใช้ หน้าต่างแบบนี้ อยากเห็นเปิดบล๊อคย้อนไปได้มีรูปให้ดู)

                ดังนั้นจึงต้องหาอินดี้ หรืออะไรที่1หรือ 2อย่างเท่านั้นใส่เข้าไป ไม่งั้นเนื้อทีดูกราฟแท่งเทียนหลักจะเหลือน้อยจนรูปเล็กเกินไป (ในช่วงแกว่งสูงๆๆ แท่งเทียนจะเหลือแท่งปัจจุบันสั้นเกินไป)

                และด้วยเวลาจำกัด จึงต้องใส่ของที่ใช้ง่ายแปลง่ายให้ได้คำตอบในการตัดสินใจ

                แท่งเทียน เขียว แปลว่ามีแรงซื้อเข้ามา ( แปลตามตำรา ว่า ราคาเปิดต่ำต่อมาราคาสูงขึ้นหรือลดลงก็ได้  แต่ตอนหมด 1นาที มันปิดสูงกว่าเปิด)

                    ในแท่งเทียนหนึ่งแท่งจึงมีความหมายได้ดังกล่าว

                       ถ้าในแท่งเดย์กราฟเป็นแท่งสั้นๆๆ จึงมิได้แปลว่าวันนั้น คนเล่นในวันเดย์เทรดจะไม่สามารถทำกำไร(ขาดทุน)กันได้เสมอไป

              ต้องมองลงไปให้ละเอียดถึงใส้เทียนด้วย เพราะนั้นหมายถึงว่าวันนั้น ตลาดมีการแกว่ง มากมายถ้าใส้เทียนยาวๆๆ

             เมื่อเปิดขยายด้วยไทม์เฟรมที่เวลาน้อยๆๆ จึงจะเห็นว่ามีการต่อสู้กันในวัน อย่างไร

            ความจริงที่สุดที่สามารถบรรยายเหูตการณืที่ถูกบันทึกไว้ได้

           ในกระดานต่างประเทศหรือบางกราฟ สามารถทำได้คือสั่ง

               ให้บันทึกทุก ทริกเกอร์

           ช้าขึ้นมาอีกหน่อยก็ กราฟ 1นาที ช้าไปอีกก็ 3นาที ช้าไปอีกก็ 5นาที

             โลกยุคปัจจุบัน ท่านจึงต้องว่องไวขึ้น ใช่ไหม ?

             เพื่อความอยู่รอดของท่าน และต่อสู้คนอื่นทัน

                คราวนี้มาถึง อินดี้ประกอบที่จะเลือกมาใช้

                  จากยุคโบราณ เส้นค่าเฉลี่ยถูกนำมาใช้ก่อน คือ MA or SMA   ต่อมาก็พัฒนาไปเป็น  EMA

                   และ มาถึง MACD  ที่พัฒนามาบอกสัญญาณ (เพราะใช้คำว่า เส้นสัญญาณ( signal line ) ให้ค่า MA ได้ตัดขึ้นตัดลง

             และการแสดง กราฟ MACD  มีสองแบบ

             แบบแท่งฮีสโตแกรม  และแบบ เส้นสองเส้น

             บางแห่งแสดงทั้งสองแบบในอันเดียวกัน จึงเป็นที่มาของ งง

             ถ้าคนเข้าใจ จะอ่านทีละอย่างไม่ปนกัน

             ดังนั้นการเลือกมาใช้ ในที่นี้เราจึงเลือกใช้เฉพาะ แบบแท่งเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน

                     คราวนี้ลอง เอาภาพขยายมาศึกษาย้อนหลังกันว่า

                   ความสัมพันธ์ของ แท่งฮีสโตแกรม กับ แท่งเทียนข้างบนมันบอกอะไรเราได้

               จากกราฟอีไฟแนนซ์ ใส่ MACD   Volume

                  แล้วตัดลดเหลือเพียง MACD เพื่อให้ช่องขยายขึ้นได้อีก

               จากภาพบนดูหยาบๆๆก็เห็น ยอดแท่ง ฮีสโตแกรมล้อ เส้นเฉลี่ย5วัน  ขึ้นลงตามกัน (เพราะมันคำนวนมาจากข้อมูลเดียวกัน MA)

                 คราวนี้ ลองดูขยายให้กรอบเวลาน้อยลง ภาพเหตุการณ์จะโตขึ้นชัดเจนขึ้น

            แท่งเทียนอธิบายแล้วข้างบนอย่าแปลแค่สี ว่าเขียวคือขึ้นแดงคือลง  เพราะมันต้องบอกว่า เขียวปิดสูงกว่าเปิด แดงปิดต่ำกว่าเปิด

             อย่างแท่งเขียวแรก ของ Apr  เปิด 180 ปิด 181 แท่งจึงเขียว 

           แต่วันก่อนหน้าปิดมา 184  วันแรกของApr ตามจริงคือราคาตกลงไปจากวันก่อนหน้า 3บาท

               (   ถ้ากราฟต่างประเทศ เขาจะไม่ใช้แดงหรือเขียว แต่จะใช้ สีดำ คือโปรแกรม แปลไม่ถูก จะว่าเขียวขึ้นก็ไม่ใช่ จะว่าแดงก็ไม่ใช่เพราะมันปิดสูงกว่าเปิด /// )

             และข้างล่าง ฮีสโตแกรมแท่งมีสีเขียวสีแดง ถ้าจ้องดูจริงๆๆจะเห็นเส้นสี  แดงบนปลายสีเขียว หรือเส้นสีเขียวบนปลายสีแดงด้วย

            ตรงนี้ต่างหากที่ไม่เคยสนใจกันเลยว่าแปลว่าอะไรซ่อนอยู่

                  ถ้าสีแดงคือแรงขาย สีเขียวคือแรงซื้อ ค่อยจะเหมาะสมหน่อยละว่า

             แท่งเขียวแรงซื้อเยอะ พอแท่งสั้นลงหาเส้น 0 แรงซื้อน้อยลง พอถึงเส้นแดงทั้งเส้น น่าจะหมายถึงแรงขายเยอะกว่าแล้ว

               แต่เอาแค่ ความสูงของเส้นก็พอ ////

                ถ้าราคายังไปต่อ แต่ความสูงของแท่งฮีสโตแกรม เริ่มคงที่หรือลดลง 

                นี่ไงที่เขาพัฒนาไปแปลต่อว่า เริ่มถ่างออกจากกันละ (ไดเวอร์เจน)

                         ที่ให้ระวังจะลงแรง

           ถ้าปกติ ควรจะลงตามแท่งฮีสโตแกรม

         และเมื่อแท่งเทียนลง เส้นเฉลี่ย5วันเริ่มหักตามลงมา ค่าเฉลี่ย MA  ใน MACDก็จะลดลงตามไปเรื่อยๆๆด้วย จน ส่วนต่าง เป็น 0  ปกติ น่าจะหมายถึงการจบรอบ การขึ้น ถ้าไม่มีข่าวร้ายอะไร   ก็จะเกิดรอบขึ้นใหม่อีก เป็นวัฏจักร เหมือนรอบการทำนา

          แต่ถ้าเกิด น้ำท่วม น้ำแล้ง ผลที่ควรจะจบรอบขึ้น เพื่อขึ้นรอบใหม่ กลับกลายเป็นรอบลงไปติดลบ เพราะอุทกภัย

          กราฟอื่นๆๆก็มีรอบเช่นข้าวนั่นเอง

                  ถ้ามีข่าวร้ายถึงเส้น0 แล้วไม่หยุด กลับมุดลง

        ก็จะเป็นรอบการขาย นานหรือสั้นๆๆก็แล้วแต่เหตุการณ์

                     เมื่อเป็นรอบลง 

                  การอ่านความสูงของแท่งฮีสโตแรกมก็เช่นเดียวกับวิธีอ่าน รอบขึ้น

ลองเลื่อนแถบข้างล่าง ของอีไฟแนนซ์เล่นดู

          หรือการตั้งค่า ฮีสโตแกรม ของMACD

กดที่ ช่องบอกเวลาไฮโลว์ ของกราฟที่กรอบมุมบนซ้าย แล้วกดหา __property    แล้วไปตั้ง MACD

     display  เปลี่ยนมาเป็น ฮีสโตแกรม ดังรูป

              หวังว่า คงสนุกกับการเรียนเพื่อเอาของง่ายๆๆมาใช้

การพัฒนา MACD ตอนหลัง ใช้บอกการเข้าออกตลาดได้ เขาจึงไปพัฒนาใส่โปรแกรม Simulator MACD

            แต่การใช้โปรแกรมมาสั่งเราเลยเพราะเราดูไม่เป็นมันมีเออเร่อ ลองดูเทียบกับการตัดสินด้วยตัวเองจะแม่นยำกว่า

                       เอวัง มีพระมาฝาก

       พระยอดธงกรุ วัดชะเมา  นครศรีธรรมาราช

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2555 7:32:03 น.		2 comments
Counter : 8644 Pageviews.
Share Tweet