----------------เอาเห็ดมาเป็นกลยุทธ์ --------------------
จากคำจำกัดความ Hedging
การทำให้ ความเสี่ยงหมดไป หรือสัญญา หมดสภาพ ที่จะขาดทุน หรือ กำไร อีกต่อไป
โดยการทำให้สัญญา มีผลทางตรงข้าม เพิ่มขึ้นมาอีก หนึ่งสัญญา แล้วทำให้สัญญาเดิม กับสัญญาใหม่ทำงานร่วมกัน +-กัน เป็น 0 หรือเกือบ 0 ตลอดไป จนหมดอายุ
ในกรณี ที่ เห็นสัญญาฟิวเจอร์ เมื่อมีเปิดสถานะไว้เป็น LONG การเปิดอีกสถานะที่เป็นSHORT ทำได้กรณีเดียว คือ ในวงดอายุสัญญา ที่ต่างออกไป (งวดเดียวกันไม่ได้ ) ซึ่งเรียกว่าการทำสเปรด (SPREAD)
(ถ้าเลือก ฟิวเจอร์ ผิดทาง แล้วแก้ด้วย การเปิด ตรงข้ามอีกงวดสัญญา เรียกสเปรด ผลจะได้ เงินค่ามาร์จิ้นคืนมาด้วย เพราะมาร์จิ้น 2สัญญา ตรงข้ามนี้ เพียง 12000 จากสัญญาเดียวที่ถูกหักมาร์จิ้น ไว้ 50000 จึงจะได้คืน 38000 บาทด้วย เหตผลเพราะว่าพอได้สองสัญญาตรงข้ามนี้แล้ว สองสัญญานี้ จะไม่กำไรขาดทุนอีกต่อไป ความเสี่ยงลดลง มาร์จิ้น จึงลดลงไปด้วย )
ส่วนการ จะเลิกคิดไปเลย ปล่อย ให้กำไร หรือขาดทุนเท่าที่เกิด ก่อนหน้า การสเปรด ไปแล้ว ไปจนหมดอายุ หรือนี่เป็นเพียงการแก้ไขปัญหา ที่ผิดทาง นั่งดูสักพักแล้วพิจารณา แก้ไขเพื่อปิดทางหนึ่งปล่อยทางหนึ่งต่อไป ตามไปอ่านบล๊อกของ ป้า โลลิต้า ได้ มีตัวอย่างของจริง //www.bloggang.com/mainblog.php?id=nuuloli&month=27-04-2010&group=2&gblog=5
การเห็ด ฟิวเจอร์ เนื่องจากมีการซื้อขายตลอดเวลา จึงเสมือนการขึ้นลง ของสองสัญญา จะตรงข้ามกันตลอดจริงๆๆ จึงอยากเรียกว่า" เห็ด แท้ "
ส่วน ในออปชั่น
เมื่อมีสัญญา LONG call ตรงข้าม คือ LONG put, Short call
Long put ------------ Long call , Short put
Short call ------------ Short put , Long call
Short put ------------ Short call , Long put
แต่เนื่องจาก ออปชั่น ไม่ได้มีการซื้อขายหนาแน่นตลอดเวลาจึงไม่ทำให้ ราคาหรือค่าของ สัญญาที่เราหวัง จะให้ขึ้นลงตรงข้ามหักล้างกันไป ทำให้ไม่เกิด การ กำไรหรือขาดทุนอีก ในคู่ สัยญาที่เรากระทำไว้
การเห็ด ในออปชั่น จึงไม่เกิดผลเต็มที่แท้ ๆๆ จึง เรียกว่า " เห็ด เทียม"
จาก สองคู่วิธีการเห็ด เราลองมาดุรายละเอียด กับผลที่เกิดขึ้น
1 Long call แล้ว ไปเปิด สถานะ แก้ด้วย Long put เมื่อเห็นเซท 50 ไม่ขึ้นดั่งเราคิด ( แล้วยังปิดสถานะ ไม่ได้อีก หรือ ราคากระโดด จนขาดทุนมากไป ถ้าปิดเลยอีก )
เมื่อเซทลงไปเรื่อยๆ ราคาพุทจะสูงขึ้นเรื่อยเป็นกำไรมากขึ้น ขณะที่ ราคาของคอลที่มีสัญญาตั้งแต่แรก จะขาดทุนลงเื่รื่อย จนหมด ราคา ไม่ขาดทุนต่อไป ผลรวม ของสองสัญญา จะเริ่มเป็นกำไรไปเรื่อยยิ่ง เซท 50ยิ่งลดลงมากเท่าไรยิ้งดี
จึงได้กลายเป็นกลยุทธ์ ที่ชื่อว่า Long straddle หรือ Long strangle (ขึ้นอยู่กับว่า สไตร์ไพร์ ตรงกันหรือไม่ )
2 Long call + Short call ความนิยม นิยม ลองคอล ที่สไตร์ไพร์ ต่ำ แล้วไปช๊อตที่ สไตร์ไพร์สูง ที่คิดว่าเซท 50จะขึ้นไปไม่ถึง การเล่นเห็ดวิธีนี้ เกิดจากการแก้ ลองคอลที่ผิดทางนั้นแหละ
แต่ปรากฏว่า ไม่อยากจ่ายเงินลงทุนเพิ่ม เลยใช้วิธีเป็นฝ่ายขาย เอาเงินค่าพรี่เมี่ยม มาเสียด้วย (แต่จริงแล้ว ก็ต้องจ่ายนะ เพราะตามตารางมาร์จิ้น เมื่อเป็นฝ่ายขายจะต้องเสีย เวลาเล่นเป็นฝ่ายซื้ออย่างเดียวไม่ต้องกังวลค่ามาร์จิ้น เพราะไม่มี ) จากการประยุกต์
ถึงไม่ได้ ผิดทาง ก็มีคนนำกลยุทธ์นี้ไปใช้ เมื่อเปิดสถานะซื้อ คอลแล้ว ก็หาทางจะกินฟรี คอลที่สไตร์ไพร์ ที่คิดว่า เซท 50ไปไม่ถึงเสียด้วย (แล้วจะอธิบายอีกทีว่า เซท50ไปถึงกับไม่ถึงมีผลเช่นไร ในสถานะ ฝ่ายขาย )
กลยุทธ์นี้เรียกว่า Bull call spread
แต่กลยุทธ์ นี่ไม่ได้นอนตาหลับได้เช่น กลยุทธ์แรก เพราะถ้าเกิด การผิดทางไปทางขึ้นไม่หยุด ช๊อต จะเกิด การขาดทุนมากขึ้นไปเรื่อยๆๆเช่นกัน
กลยุทธ์ นี้ จึงดี เฉพาะ การลองคอลกำไรมากๆๆ แล้ว เซท 50พลิกไปอีกทาง และแรงๆๆ ช๊อตจึงจะทำงาน เป็นกำไรได้
ดั่งนั้น ถ้าเป็นการเล่นกลยุทธฺ เพื่อกิน ค่าพรี่เมี่ยมจริง
ควรพ่วง Short put เข้าไปด้วย ในระหว่างที่ เซท 50ขึ้นเรื่อยๆๆ จึงเป็นการทำกำไรให้ช๊อตพุท ไปเรื่อยๆๆ
แล้วถ้าเซท 50ไม่พลิกไปลง ก็เป็นการป้องกันไม่ให้ ช๊อตคอลมาทำให้พอร์ตเสียหาย
และคำตอบสำหรับข้อดี ที่ต้องช๊อต ให้ห่าง ไปสไตร์ไพร์ สูงๆๆที่ เซท 50จะไปไม่ถึง จะเป็นข้อดีเมื่อสัญญา หมดอายุ แม้ ช๊อตคอลจะขาดทุน แต่เมื่อ หมดอายุ เป็นสัญญา ที่ OTM จึงหมดค่าไป เมื่อหมดอายุ การขาดทุนจึงไม่เกิด ขึ้นจริง
บทประยุกต์สำหรับคนอ่าน แต่เล่น ซื้ออย่างเดียว
ก็อย่าไปซื้อในแดนไกล ของOTM ที่คิดว่า เซท 50ไปไม่ถึง
หรือใก้ลหมดอายุ พยายามบริหารพอร์ต ปิดสัญญาไกลๆๆให้เข้ามาอยู่ใก้ลๆๆATM หรือเข้า ITM ไปได้เลยยิ่งดี
โดยใช้หลักบริหารพอร์ตด้วย ตา TA TRADING จะหาตัวอย่างของจริงมาอธิบายอีกที วันหลัง หรือ อยากเห็นพร้อมกัน วันที่มีการเทรด โทรมา ได้ดูกระดานพร้อมกันแล้วจะบอกวิธีให้
เบอร์ โทรเปลี่ยนแล้ว 0805337735
อีกแบบเรียก Bull put spread ลองอ่านและทำความเข้าใจดู คล้ายๆๆกัน ลองหาข้อดีข้อเสียด้วย เทียบกับอีก2อย่างข้างบน
Create Date : 02 พฤษภาคม 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 2 พฤษภาคม 2553 6:08:04 น. |
Counter : 2075 Pageviews. |
|
|
|