บทที่ 7 การแก้ไข ไปสู่การเห็ด และกลยุทธ์ และการล๊อคกำไร
การเล่นออปชั่น ภายหลังจากรายการซื้อขายได้แมท ตามต้องการ แล้ว
การเคลื่อนไหว ของราคาพรีเมี่ยม ก็จะเป็นไปตาม การเคลื่อนไหว ของเซท 50(หรือ การควบคุม ของ คนเล่นพอร์ตใหญ่ ที่ต้องการซื้อ หรือต้องการขาย ตามเป้าหมายของเขา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเห็นอะไรแปลกๆๆในกระดานออปชั่น ว่าขัดแย้งกับความเป็นจริงที่กำลังเป็น ของตลาดขณะนั้น อาจจะเห็นรายการแมทในทริกเกอร์ เป็นจำนวนหลักร้อยสัยญา หรือพันสัญญา โดยที่ไม่ได้เห็นการตั้งบิด ออฟเฟอร์ เลยก็ได้ (มีmarket maker ที่เราโทรบอกได้ว่าเราต้องการ สัญญาจำนวนมากๆๆ ได้ อาจจะเป็นเขาหาผู้เป็นคู่สัญญามาให้ หรือ เขารับไว้เอง ถ้าเขาคิดว่า คิดตรงข้ามกับเขา )) จะสรุปว่ามีเจ้ามือ หรือคนชอบเล่นขายอย่างเดียวก็ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฏกติกาไม่ทำให้ราคาปั่นป่วน ผิดปกติ (หรือถ้ามี เราก็มีทางเลือก เซท 50ตรงสไตร์ไพร์ อื่นได้อีกมากมาย ไม่ใช่หุ้นตัวเดียว ราคาเดียว )
เมื่อมีสัญญาในมือ แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลง ไปในทิศทางที่ทำให้สัญญาของเราด้อยค่าลง ราคาพรีเมี่ยม ลดลง ไปจาก ราคาที่ซื้อไว้ หรือ ราคาพรี่เมี่ยม เพิ่มขึ้นจาก ราคา ที่ จะ ขายไว้ (ผู้ถือสถานะขายจะเริ่มติดลบในพอร์ต หรือขาดทุนนั่นเอง ) ถ้าต้องการแก้ไข เพราะถ้าปล่อยไว้จะเสียหาย (มีที่ปล่อยไว้ไม่เสียหาย ด้วยเหตผลอะไร จะอธิบายที่หลัง )
หลักการแก้ไข หลังจาก ซื้อสัญญา แรกแล้ว จะขาดทุน หรือผิดทิศทาง
1 ปิดสถานะ โดยสั่ง close position .ซื้อหรือขายตรงข้ามกับสัญญาที่มี จำนวนเท่าไร ราคาเท่าไร อย่างนี้ เรียก การล้างสถานะ (ไม่ได้เรียก การขอใช้สิทธิ ะอธิบายเพิ่มเติมในเรื่องชนิดของ ออปชั่น เมืองไทยและการใช้สิทธิ หรือล้างสถานะ ใน กลุ่มเรื่อง บทเรียนเพิ่มเติม )
ถ้าปิดสถานะไม่ได้ หรือไม่อยากปิด จะเล่น กลยุทธ์ หรือ ล๊อค หรือเห็ดไปเลย 2 การหาสัญญาใหม่มาอีก เพื่อให้เกิด ผลในทิศทางที่ถูกต้อง
เช่น Long Call 2.1 หาสัญญา Long Put มาเพิ่ม
ผลที่ได้ คือ เมื่อสัญญา คอลที่ซื้อมาขาดทุน เพราะเซท 50 ไปทางลง สัญญาใหม่ พุท ที่ซื้อมาจะได้กำไร มาทดแทนการขาดทุน (ตามทฤษฏี ว่า ขาดทุน 1จะกำไร ขึ้น1 เมื่อ เซท 50ลงหรือขึ้น 1จุด แต่ในกระดานจริงๆๆไม่ใช่เช่นนั้น ขอให้ไปนั่งสังเกตกระดานให้เห็นความจริงเสียก่อน ดังนั้น การอ่านตำรา จึงไม่ใช่ความถูกต้องตามความจริงเสมอไปในกระดาน จึงควรที่จะอ่านตำรา แล้วมาประยุกต์ จนได้ระบบที่เข้าได้กับ ตลาดไทย )
และการทำตามวิธีนี้ จะกลายเป็นไปตามตำราว่าเป็นกลยุทธ์ 1 long call กับ 1 Long put ถ้า เป็นสไตร์ไพร์ เดียวกัน เรียกกลยุทธ์นี้ว่า " Long Straddle " ถ้า เป็นสไตร์ไพร์ ต่างกัน เรียก กลยุทธ์ นี้ว่า " Long Strangle "
ตัวอย่าง Long Call 500ราคา14จุด 1สัญญาและ Long Put 500ราคา12จุด 1สัยญา
Long Straddle
ทดลองสมมุติว่า เซท 50อยู่ที่ 567 ปรากฏว่า กำไร 8220
เซท 50 ไปที่538 ได้กำไร 2580
พอเซท 50ไปที่ 516 ปรากฏว่ายังขาดทุน 1960
พอเซท 50 ลงไป 481 ปรากฏ รายการ ขาดทุน 1540
เมื่อเซท ลงมากไปอีก 462 กลับกลายเป็นกำไร 2340
ดังนั้น การแก้ไขนี้เลยกลับกลายเป็นกลยุทธ์ //////////////// แต่ ต้องสังเกตว่า ถ้ากำไรจะเกิดจากกลยุทธ์นี้ เซท จะต้องลงมากกว่า 430 หนือขึ้นมากกว่า 580 จะเป็นขาตัววี ที่พ้นเส้น แกน0 ของแกนเอ็ก
ถ้า เซท อยู่ระหว่าง 474-526 จะขาดทุนทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่า ช่วงกว้าง ถึง52 จุด หรือ ราคา ทุน สองสัญญานั่นเอง ดังนั้น วิธีแก้ไขให้กลยุทธ์นี้ ทำงานดียิ่งขึ้น 1พยายามลด ก้นตัววี ให้ตื้นขึ้น คือ รวมทุน ในการซื้อทั้งสองสัญญา ให้ลดลงมากๆๆ (ราคาขายคอลและพุท ที่ ATM จะใก้ลเคียงกันที่สุด ถ้า ตรงสไตร์ไพร์ อื่น ราคาจะต่างกันมากมาย เช่น ATM ที่ 500 แล้วสไตร์ไพร์ 480คอลจะต้องแพงกว่า 30จุด และพุทที่ 480ก็จะราว 5-7จุดเท่านั้นเอง หรือ คอลที่ 530 จะราคา 5จุด แล้วพุท 530จะราคา 40จุด
นั่นคือ Straddle ดีที่สุด ในวันเดียวกัน จะต้องซื้อที่ ATM นั่นเอง
หรือ เล่นกลยุทธ์นี้ โดย ไม่ซื้อในวันเดียวกัน โดยหา ราคาพรี่เมี่ยมถูกไว้ก่อน จนเหตการณืพลิก ไปอีกด้านหนึ่ง จนสไตร์ไพร์ ที่มีอยู่ อีกฝั่งราคาจากแพงมาก ได้ลดลงมา จนถูก ก็ซื้อ มาเข้าคู่เป็นกลยุทธ์
จากหลักการ มาเป็นภาพเคลื่อนไหว จริงในตลาด และผลที่เกิดขึ้น และการปรับวิธีตำราของฝรั่ง ให้เป็นประยุกต์
นี่คงพอจะทำให้ท่านเข้าใจออปชั่น ได้ว่ามันเป็นศิลป ของการอ่านทิศทาง การแก้ไขได้ถ้าผิด และกลับกลายเป็น เรื่องดี ในที่สุด และ ศึกษาใหม่ ปรับปรุงจนกลายเป็นกลยุทธ์ ที่ ขาดทุนน้อยลง
หรือ เป็นการล๊อค กำไร ไว้ แบบไม่มีขาดทุน ดังจะได้เขียนให้อ่านต่อไป จบข้อสองไปเพียง แบบเดียว การแก้ด้วยการ ซื้อเพิ่ม ที่สไตร์ไพร์เดียวกัน
ลงชื่อรับทราบ หรือใส่คำถามมา ด้วย
Create Date : 01 มีนาคม 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 1 มีนาคม 2553 8:20:35 น. |
Counter : 953 Pageviews. |
|
|
|
แต่จะพยายามทำความเข้าใจค่ะ
ขอบคุณค่ะ