|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
อะไรคือทัศนภาพธุรกิจ
การวางแผนกลยุทธธุรกิจมีความต้องการใหม่ในเรื่องของ "ทัศนภาพธุรกิจ" ในขณะที่การจัดทำ BSC & KPIs มุ่งไปที่การแปลวิสัยทัศน์และภารกิจไปสู่กลยุทธ พร้อมกับระบบการวัดผลกลยุทธ (Strategic Measurement System) ขณะเดียวกันความสำเร็จของการทำ BSC & KPIs ยังมีอีก 2 ส่วนคือ ส่วนบนสุดคือ การคิดเชิงกลยุทธ (Strategic Thinking) และส่วนสุดท้ายคือ การเชื่อมโยง KPIs (Key Performance Indicators) ไปสู่ระบบ "Total Performance & Competency Scorecard" หรือเรียกง่ายๆ ว่า การวัดผลงานและความสามารถโดยรวม ความสนใจของผู้เขียนได้มุ่งไปสู่ "การคิดเชิงกลยุทธ" (Strategic Thinking) ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่า เป็นเรื่องราวของการวิเคราะห์ทัศนภาพ (Scenario Analysis) หรือการวางแผนทัศนภาพ (Scenario Planning) การจัดทำหรือวิเคราะห์ทัศนภาพได้ดีจะนำไปสู่การจัดทำ วิสัยทัศน์ที่สมบูรณ์สูงมาก ดังนั้นแนวคิดของ การวิเคราะห์ทัศนภาพเริ่มเกิดขึ้นครั้งแรกโดย Herman Kahn และ RAND Corporation (ในปี 1950s) ที่ได้พัฒนาเทคนิคที่เรียกว่า การคิดเกี่ยวกับอนาคต "Future-Now Thinking" และเรียกสิ่งนี้ว่า "ทัศนภาพ" (Scenario)
โดยที่ทัศนภาพนี้เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยทางกลยุทธของกองทัพที่ทำขึ้นโดย RAND Corporation ซึ่งมีเทคนิคที่สำคัญคือ "เทคนิคเดลฟาย" (Delphi Technic)
" เดลฟาย (Delphi) หรือ "เทคนิคเดลฟาย" เป็นเครื่องมือหรือวิธีการวิจัย รูปแบบหนึ่งที่นิยมกันมากเพื่อใช้คาดการณ์เกี่ยวกับอนาคต ในเมืองไทยโดยเฉพาะธุรกิจด้านวิจัยตลาดหรือธุรกิจคอนซูเมอร์ส่วนใหญ่ จะรู้จักกันเพียงเทคนิคกลุ่มโฟกัส (Focus Group Technic) ที่ใช้วิจัยเกี่ยวกับ พฤติกรรมผู้บริโภค ความพึงพอใจของลูกค้า หรือการทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ ฯลฯ แต่เทคนิคการวิจัยที่สูงกว่า กลุ่มโฟกัสคือ เทคนิคเดลฟาย ทั้งนี้ก็เพราะว่า เป็นการวิจัยอนาคตได้ค่อนข้างแม่นยำ ซึ่ง RAND Corporation เป็นบริษัทแรกที่ใช้เทคนิคการวิจัยนี้ในการวิเคราะห์ทัศนภาพ หลังจากนั้นได้เผยแพร่ออกมาสู่โลกธุรกิจและการวิจัย บริษัท Shell ได้นำแนวคิด การวิเคราะห์ทัศนภาพ หรือการวางแผนทัศนภาพ (Scenario Planning) เข้ามาใช้ในองค์กร และได้รับการยอมรับว่าเป็น บริษัทแรกที่ทำการวางแผนทัศนภาพ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางกลยุทธขององค์กร
ธุรกิจในบ้านเราเท่าที่ผู้เขียนได้ยินหรือจำได้จะมีก็แต่เพียงบริษัท ยูนิลีเวอร์ สมัยที่ คุณวิโรจน์ ภู่ตระกูล เป็นผู้บริหารสูงสุดอยู่และพูดเกี่ยวกับ "ทัศนภาพ" นอกนั้นยังไม่ได้รับ ทราบว่าบริษัทที่เป็นธุรกิจชั้นนำในเมืองไทยมีการทำหรือรู้จักเรื่องของ "การวิเคราะห์ทัศนภาพ" ซึ่งการวางแผนกลยุทธหรือที่เรียกในภาษาราชการว่า ยุทธศาสตร์ (Grand Strategy) ยิ่งไม่เห็นพูดถึงเรื่องของทัศนภาพเลย แต่จะพบมากก็คือ การทำ SWOT Analysis หรือการวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน-โอกาส-อุปสรรค ทัศนภาพคืออะไร ผู้เขียนจะขอสรุปให้เห็นถึงเครื่องมือใหม่ที่ผู้บริหารธุรกิจไม่คุ้นเคย (เพราะเราคุ้นแต่ SWOT, Core Competence, Focus Group)
..ทัศนภาพเป็นเครื่องมือสำหรับตรวจสอบความเป็นไปได้ของอนาคต
..บริษัท Shell (อ้างจาก Gill Ringland : 2002, Scenarios in Business P.3-4) ได้สรุปเกี่ยวกับทัศนภาพไว้ดังนี้ ทัศนภาพช่วยให้เราได้เข้าใจธุรกิจในวันนี้ได้ดีขึ้นโดยจินตนาการถึงวันพรุ่งนี้ เป็นการเพิ่มวิสัยทัศน์ให้กว้างขึ้นและส่งให้เราพบจุดที่จะต้องเปลี่ยนแปลงๆได้เร็วกว่าแต่ก่อน การคิดเกี่ยวกับอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพนำไปสู่การลดลงในทุกระดับของ "การจัดการวิกฤต" และปรับปรุงสมรรถภาพในการบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารการเปลี่ยนแปลง
ทัศนภาพช่วยทำให้กลไกสำหรับประเมินกลยุทธที่มีอยู่ที่จะวางแผนรวมถึง การพัฒนาและประเมินทางเลือกของกลยุทธได้อย่างมีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างทัศนภาพได้ช่วยปรับปรุงความสามารถ ของทีมบริหารให้จัดการความไม่แน่นอนและความเสี่ยง การตัดสินใจเสี่ยงจึงกลายเป็นสิ่งที่โปร่งใสมากขึ้นและอุปสรรคหรือโอกาสที่สำคัญได้ถูกนิยามอย่างชัดเจน การวางแผนทัศนภาพ (Scenario Planning) สิ่งที่เป็นวัตถุประสงค์อันดับแรก
ในการวางแผนทัศนภาพคือ การคิดโครงการและการตัดสินใจที่เหมาะสมภายใต้อนาคตที่หลากหลาย การคิดที่ดีกว่าเกี่ยวกับอนาคตจึงกลายเป็นวัตถุประสงค์อย่างที่สองของการวางแผนทัศนภาพ ผู้บริหารธุรกิจคงมีคำถามว่า เราจะรู้หรือวิเคราะห์เกี่ยวกับทัศนภาพไปทำไม
สิ่งนี้น่าจะเป็นจุดเชื่อมโยงเริ่มแรกของการนำธุรกิจหรือผู้บริหารธุรกิจไปสู่การวิเคราะห์และวางแผนทัศนภาพธุรกิจ เทคนิคการวิจัยอนาคต ช่วงที่ผู้เขียนอยู่ในระหว่างเรียนวิชาประเมินโครงการเพื่อนๆ ร่วมชั้นในขณะนั้นได้เสนอหัวข้อวิทยานิพนธ์ (Thesis) โดยใช้เทคนิคเดลฟายมาเป็นเครื่องมือในการวิจัย ทำให้ผู้เขียนสนใจที่อยากลองใช้เทคนิคเดลฟายมาทำวิจัยในวิทยานิพนธ์ ของผู้เขียนบ้าง หลังจากนั้นอีกนานทีเดียวผู้เขียนได้กลับเอาเทคนิคเดลฟายมาใช้วิจัยเรื่อง "ทิศทางและบทบาทการบริหารทรัพยากรบุคคลในปี 2550" ซึ่งนับเป็นการวิจัยเรื่องแรกที่ ศึกษาเกี่ยวกับ อนาคตของงานและหน้าที่ฝ่าย HR หรือการบริหารทรัพยากรบุคคล"
วงจรอูดา (OODA Loop) การหยิบกลยุทธออกมาใช้ตอบโต้คู่แข่งขัน ซึ่งผู้บริหารธุรกิจได้เรียนรู้จาก "วงจรอูดา" ของ "นักบินขับไล่" (Flighter-Pilot) ของกองทัพอากาศสหรัฐ วงจรอูดา (OODA Loop) จะประกอบด้วยขั้นตอน 4 ขั้นตอนคือ 1) สังเกต (Observation) คือ การเห็นสิ่งต่างๆ ของสภาพแวดล้อม 2) จับทิศทาง (Orientation) เพื่อการแปลความ 3) ตัดสินใจ (Decision) คือการเลือกวิธีการตอบสนอง 4) ลงมือปฏิบัติ (Action) คือ ปฏิบัติการตอบสนอง
ซึ่งวงจรอูดานี้ นักบินรบของเครื่องบินขับไล่คิดขึ้นในโมเดลของกระบวนการทางสมอง หรือความคิดเพียง 1-2 วินาทีเท่านั้น
เกี่ยวกับวงจรอูดา ผู้เขียนโชคดีได้ทีโอกาสเรียนรู้ตอนที่ทำงานอยู่กับ บมจ.ห้างสรรพสินค้า โรบินสัน ซึ่งในขณะนั้นกำลังนำกลยุทธ TBS (Time Based Strategy) เข้ามาปรับใช้โดยเรียกว่า "กลยุทธการแข่งเวลา" และมีเครื่องมือสำคัญก็คือ วงจรอูดา นั่นเอง สรุปแล้วแนวคิดของทัศนภาพหรือ ทัศนภาพธุรกิจที่จะต้องมีการวางแผนทัศนภาพ ให้ชัดเจน ปัจจุบันมีการศึกษาและขยายแนวคิดกว้างกว่าแต่เดิมเพราะการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีสูงมากขึ้น
ดร.ดนัย เทียนพุฒ Dr.Danai Thieanphut DNT Consultants
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2549 |
|
0 comments |
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2550 12:46:45 น. |
Counter : 2427 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]
|
ที่ปรึกษาธุรกิจชั้นนำด้านจัดการกลยุทธ ( ผู้นำและริเริ่มการจัดทำ Balanced Scorecard & KPIs) การบริหาร HR ที่เน้นความสามารถ (Competency Based Approach) การพัฒนา HRD-KM และ การจัดการสมัยใหม่ *************************
|
|
|
|
|
|
|
|