|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
รหัสลับนวัตกรรม โดย ดนัย เทียนพุฒ
คนของประเทศชาติอยู่กับทะเล อยู่กับมหาสมุทร จะมีวิธีการคิดและวิถีความเป็นอยู่แตกต่างกันหรือไม่ ผู้เขียนได้แต่คาดเดาเอาว่าเราน่าจะแตกต่างกัน แต่คงไม่ถึงกับต้องไปวิเคราะห์วิจัยหาถึงเหตุและผลกันให้เป็นเรื่องใหญ่โตหรือมีอภิปรายโต้เถียงกัน (อาจจะกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ของไทยเราก็ได้ในเรื่องโต้เถียงกัน)
เวลาที่เราได้มีโอกาสไปดูชีวิตความเป็นอยู่ ศิลปวัฒนธรรมและสิ่งก่อสร้างของประเทศตะวันตก จะรู้สึกว่า -ทำไมสิ่งก่อสร้างของคนตะวันตกจึงใหญ่โตกว่าบ้านเราเป็น 10 เท่า ยกเว้นที่เมืองจีนเท่านั้นซึ่งดูใหญ่พอจะเปรียบกันได้ อาทิ กำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้ามหรือแม้กระทั่งจตุรัสเทียนอันเหมิน -สิ่งก่อสร้างของเขาส่วนใหญ่จะทำด้วยหิน หรือการแกะสลักหิน การตัดหินภูเขามาทำสิ่งก่อสร้าง ขณะที่บ้านเราทำจากดินเผาหรืออิฐถือปูน ปูนปั้น แกะสลักไม้ จึงเกิดเป็นข้อกังขาว่าใครจะมีสิ่งประดิษฐ์ล่ำเลิศหรือคิดเชิงนวัตกรรมได้ดีกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ ของที่ทำจากหินน่าจะคงอยู่ได้นานกว่าทำด้วยดิน
และหากต้องพูดแบบชาตินิยมก็คงต้องบอกว่าเราน่าจะดีกว่า!!
โลกกลมๆ ใบนี้ดูเหมือนเป็นโลกของธุรกิจการแข่งขันที่ทำให้คนในแต่ละประเทศต้องคิดหาสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้เหนือกว่า แข่งขันได้ดีกว่า และสุดท้ายสามารถครอบงำความคิดหรือวิถีชีวิตของประเทศคู่ค้าจนกระทั่งนำไปสู่ความร่ำรวยของชาติที่เหนือกว่าได้ในที่สุด
ธุรกิจและชาติแห่งนวัตกรรม การพัฒนาเศรษฐกิจที่อยู่บนฐานการผลิตและพัฒนาต่อมาที่เป็นเศรษฐกิจที่อยู่บนฐานการลงทุน ซึ่งจำเป็นต้องมีทั้งเทคโนโลยีการผลิตโดยเฉพาะเครื่องจักรและแหล่งเงินทุนจากแหล่งที่มากกว่าในประเทศ นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ นักกลยุทธธุรกิจ ฯลฯ ต่างพบว่ามีโอกาสยากที่จะทำให้ประเทศชาติมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงโดยเฉพาะประะเทศที่ไม่ได้มีความได้เปรียบในสิ่งเหล่านี้หรือไม่สามารถคิดเทคโนโลยีเองได้
ศตวรรษที่ 21 กลายเป็นโลกใหม่ที่จะชนะกันด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกกันว่า ไบโอเทค นาโนเทค และความรู้ใหม่ ทำให้ทุกประเทศต่างมุ่งไปสู่เศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มหรือเรียกกันแต่เดิมว่า เศรษฐกิจแห่งความรู้ แต่ปัจจุบันกำลังพูดถึงหรือปรับทิศทางกันใหม่ในเรื่องราวของเศรษฐกิจความรู้ที่เป็นลักษณะ เศรษฐกิจแห่งนวัตกรรม ผู้เขียนขอเรียกสั้นๆ ว่า เศรษฐกิจนวัตกรรมแล้วกัน
โอกาสทางธุรกิจหรือพื้นที่ว่างทางการตลาด ไม่ว่าจะโดยทฤษฎีอะไร ในอดีตหรือปัจจุบัน คนที่ทำธุรกิจจำเป็นต้องแสวงหาสิ่งที่เรียกว่า โอกาสทางธุรกิจ หรือ พื้นที่ว่างทางการตลาด (Market Space) ขณะที่การทำสงครามแย่งชิงดินแดน ในสมัยก่อนถ้าอยู่ในสนามรบจะเลือกพื้นที่ที่มีชัยภูมิดีหรือโอกาสที่จะชนะในการทำศึก หากเป็นพวกแสวงหาหรือล่าอาณานิคมจะแล่นเรือออกไปหา ดินแดนใหม่ หรือแสวงโชคในทะเลลึก ทั้งหมดนี้อาจจะสรุปเรียกได้ว่า โอกาสทางธุรกิจ พื้นที่ว่างสีขาวหรือ White Space ตลาดใหม่แต่เป็นความเก่งเดิมๆ ได้เริ่มมีการศึกษาและพูดถึงเมื่อนักคิดทางกลยุทธรุ่นใหม่คือ ฮาเมลและพราฮาลัด ได้พูดถึง ความสามารถหลักของธุรกิจที่เรียกว่า Core Competencies จะเป็นสิ่งที่ชนะเหนือการแข่งขัน โดยสิ่งนี้เป็นทั้งเทคโนโลยี นวัตกรรม หรืออะไรที่คู่แข่งขันไม่อาจจะเลียนแบบได้ และต้องใช้ความสามารถหลักของธุรกิจนี้เข้าไปในพื้นที่ที่ยิ่งใหญ่กว่าพื้นที่ว่างสีขาว ซึ่งเรียกว่า เมกะ-โอกาสที่ไม่ใช่ตลาดเดิมและความสามารถเดิม จุดนี้ถือเป็นการพลิกโฉมจากการเน้นด้านการผลิตหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ไปสู่การมุ่งทรัพยากรเพื่อสร้าง นวัตกรรมที่มีมูลค่า (Value Innovation
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่บรรดากูรูหรือนักคิดในช่วงทศวรรษสุดท้ายก่อนศตวรรษที่ 21 จึงสนใจเรื่อง มูลค่าใหม่ เราจึงได้ยินเรื่องราวของกลยุทธทะเลลึกสีฟ้าหรือ Blue Ocean Strategy ซึ่งในความจริงแล้วเป็นการแสวงหาดินแดนใหม่หรือแสวงโชคในทะเลลึกแบบเดิมนั่นเอง เพียงแต่การสร้างรูปแบบหรือเส้นโค้งมูลค่าใหม่ตามศัพท์ที่เรียกในกลยุทธทะเลลึกสีฟ้านี้คือ การหยิบหรือหาความต่างอาจจะเรียกว่า ช่องว่างในระหว่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมเดียวกับธุรกิจเราแล้วใช้โมเดล ลด-ขยาย-เลิก-สร้าง เพื่อหาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ไปในช่องว่างดังกล่าวโดยไม่คิดแบบชนะหรือโจมตีคู่แข่งก็เพียงเท่านั้นจริงๆ ในกลยุทธดังกล่าว
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของการหามูลค่าใหม่หรือนวัตกรรมที่มีมูลค่า
ถอดรหัสลับนวัตกรรม ช่วง 2-3 ปีมานี้เราคงได้ยินคำว่า นวัตกรรม ถี่มากขึ้นเพราะดูจะเป็น อาวุธทางปัญญา สิ่งเดียวที่น่าจะทำให้ธุรกิจและชาติรอดพ้นปัจจัยร้ายๆ ทั้งหลายไปได้หรืออาจจะหนีการไล่ล่าของทุนนิยมก็เป็นได้
นวัตกรรมเป็นสิ่งที่สูงมากกว่าความคิดสร้างสรรค์ หรือความคิดเดียว ถ้าลองไปดูดิกชันนารีทางธุรกิจ จะบอกว่าเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ผลิตภัณฑ์ กระบวนการและระบบ รวมถึงการดำเนินการในกระบวนการธุรกิจ -ความคิดสร้างสรรค์เป็นการคิดที่เกิดขึ้นเหมือนสร้างจินตนาการทางความคิดเป็นการค้นหาหลักการ -ขณะที่นวัตกรรมนำความคิดหรือจินตนาการทางความคิดไปปฏิบัติจนสำเร็จ -นวัตกรรมยังเป็นความสามารถในการแปลหลักการไปสู่คุณค่าจากผลิตภัณฑ์หรือบริการ -ผลลัพธ์ของกระบวนการนวัตกรรมคือ การแปลงความคิดเข้าไปในผลิตภัณฑ์และบริการที่จับต้องได้จนกระทั่งสร้างให้เกิดรายได้เชิงพาณิชย์ต่อธุรกิจหรือชาติ -ดรักเกอร์ บอกว่าผลลัพธ์เชิงนวัตกรรมได้มาจากการทุ่มเทและการมุ่งหวังหาโอกาสทางนวัตกรรม ซึ่งอาจเป็นผลได้ของความไม่ปกติจากสิ่งรอบตัว ความต้องการในกระบวนการการเปลี่ยนแปลงในตลาด อุตสาหกรรม ประชากรศาสตร์หรือเทคโนโลยีใหม่
สรุปเป็นว่าธุรกิจและชาติต้องการอาศัยนวัตกรรมเพื่อการแข่งขันที่ดีกว่าในอดีตและดึงให้พ้นวิกฤตการณ์ ผู้เขียนจึงเสนอว่า เราควรมีการพัฒนาสิ่งที่เป็นโปรโตคอลของนวัตกรรม (Innovation Protocol) อาจจะพูดแบบชาวบ้านว่า กรอบการสร้างนวัตกรรมหรือให้ทันสมัยหน่อยจะเรียกว่า รหัสลับนวัตกรรม (Innovation Code) ซึ่งจะมีวิธีย่อๆ ที่ประกอบด้วย การสร้างความคิด การประเมินผลกระทบของความคิดดังกล่าวหลังจากนั้นจึงเข้ากระบวนเพาะบ่มความคิดให้เป็นนวัตกรรม ถ้าทำได้ค่อยลงทุนและทำเชิงพาณิชย์ (ขอกู้จากแหล่งทุนหรือจะลงทุนเอง)
ทั้งหมดนี้ล่ะครับ! ที่เป็นวิธีการจะถอดรหัสลับนวัตกรรม เพราะเราไม่มีวิธีอื่นที่จะต่อสู้ในเศรษฐกิจนวัตกรรมกับประเทศยักษ์ใหญ่ หรือมหาอำนาจทางเทคโนโลยีและเงินทุน นอกจากจะใช้กลยุทธที่จะถอดรหัสลับนวัตกรรมมาใช้ต่อสู้และสร้างชาติให้ร่ำรวยขึ้นมาบ้าง
อ.ดนัย เทียนพุฒ Aj.Danai Thieanphut DNT Consultants
Create Date : 14 มิถุนายน 2549 |
Last Update : 22 มกราคม 2551 17:27:53 น. |
|
0 comments
|
Counter : 905 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]
|
ที่ปรึกษาธุรกิจชั้นนำด้านจัดการกลยุทธ ( ผู้นำและริเริ่มการจัดทำ Balanced Scorecard & KPIs) การบริหาร HR ที่เน้นความสามารถ (Competency Based Approach) การพัฒนา HRD-KM และ การจัดการสมัยใหม่ *************************
|
|
|
|
|
|
|
|