Dr.Danai @ DNT Consultants
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
14 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
คิดนอก "ตะวันตก"

ช่วง 2-3 วันในเดือน (ก.ค.46) ที่เป็นวันชาติของประเทศมหาอำนาจของโลก
ผู้เขียนรู้สึกตกใจมากที่ได้อ่านพาดหัวข่าวใน นสพ.หลายฉบับว่า
"ผู้นำของประเทศสหรัฐใช้ข้อมูลปลอมในการโจมตีอิรัก"
อย่างนั่นไซร้สิ่งที่เกิดความคิดต่อมาก็คือ
สิ่งที่ชาติมหาอำนาจเที่ยวป่าวประกาศว่าประเทศตนเองทำเรื่องนั้นเรื่องนี้จะเชื่อถือ
ได้เพียงใด เช่น
- ทุกชาติจะต้องสร้างให้บริษัทมีธรรมาภิบาล (ไม่รู้ว่าคืออะไรจริงๆ)
- ทุกชาติจะต้องปกป้องและดูแลการละเมิดลิขสิทธิ์ (ของธุรกิจอเมริกัน)
- บริษัทต่างๆ จะต้องมีระบบบัญชีที่เป็นมาตรฐานสากล ยิ่งใช้บริษัทผู้ตรวจสอบ-
บัญชีระดับโลกยิ่งมีความเชื่อถือสูง
ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าทุกท่านมีคำตอบเป็นอย่างดีใน 2 เรื่องที่ยกมาเป็นอุทาหรณ์ข้างต้น


สมัยที่เราร่ำเรียนหนังสือ สิ่งหนึ่งที่จำได้แม่นและก็ยึดติดต่อมาตลอดก็คือ นิสัย-
รักการอ่านและคนหรือผู้บริหารที่เจริญเติบโตก้าวหน้าส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่มีคุณลักษณะดังกล่าว
แต่ก็มีหลักยึดอย่างหนึ่งคือ
(1) อย่าเชื่อตามที่ได้อ่านทั้งหมด
(2) อย่าเชื่อตามที่ผู้รู้บอก
(3) อย่าเชื่อตามที่นายบอก
(4) อย่าเชื่อตามตำราหรือคัมภีร์ที่แปลมา…….
(5) อย่าเชื่อ …………….
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหลักที่มีพูดไว้ในศาสนาพุทธโดยย่อๆ มา และกำลังบอกให้ผู้บริหาร-
ธุรกิจได้รู้ว่า

" เราจะต้องศึกษาและเรียนรู้ด้วยตัวเราหรือจากที่ใดก็ตามแล้วนำมาบูรณาการจนกระทั่งเกิดเป็น ความคิดของเราเองที่เรียกว่า "Self-Concept" ซึ่งผู้เขียนเรียกง่ายๆ ว่า "คิดเองได้ไม่ต้องบอก".."
ดังนั้นหากมีใครก็ตามมาชี้แนะเราว่า ต้องอ่านหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้ต้องพินิจพิจารณา
และหาความจริงให้เจอเช่น
ต้องการครอบงำทางความคิดเราหรือไม่เพื่อที่จะให้กลายเป็น "อาณานิคมทางปัญญา"
ของคนที่ชี้แนะ
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เป็น "ตำราดิบ" ที่อาจจะไม่สามารถประยุกต์ใช้ได้
ในบ้านเรา หรืออาจจะประยุกต์ใช้ได้ก็ได้
เพื่อส่งผลต่อกิจกรรมทางการตลาดหรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นการโปรโมทหนังสือเล่มนั้นๆ
โดยมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่
ต้องการ "เท่ห์" หรือ "โอ้อวด" ว่าเรานี้หาอ่านหนังสือตำราเป็นว่าเล่น ถ้าอยากจะ
เป็นแบบเราก็ต้องอ่านตามเรา
ทั้งหมดนี้จะทำให้ทุกท่านเปิดหูเปิดตา และพบข้อเท็จจริงมากขึ้น
ถ้าถามประสบการณ์ของผู้เขียนทั้งด้านการเขียนและการอ่านหนังสือ หากหนังสือ-
เล่มหนึ่งๆ มีคนแนะนำให้อ่านก็จะเปิดดูและวิเคราะห์ตามที่กล่าวมาว่า "มีความจริงแท้สักแค่ไหน"
ขณะเดียวกันจากประสบการณ์ในการประยุกต์แนวคิด ทฤษฎี และเครื่องมือทาง-
กลยุทธธุรกิจในปัจจุบันของผู้เขียนพบว่า
"ไม่มีตำรา-หนังสือใดที่จะสามารถนำมาใช้ได้โดยไม่มีการปรับ ดัดแปลงหรือ
ผ่านการทดลองใหม่"
และการนำไปใช้ได้จริงๆ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องทำซ้ำและซ้ำอีกหลายๆ ครั้ง
ซึ่งตรงกับหลักการวิจัย (Research) ที่ว่า "Re" คือทำซ้ำ "Search" คือ ค้นหา

จะเชื่อ "ตะวันตก" หรือปรับให้เหมาะกับ "ตะวันออก"

เมื่อวันที่ 15 ก.ค.46 ผู้เขียนได้อ่านผลการสำรวจธุรกิจและ CEO ที่ นสพ.กรุงเทพ-
ธุรกิจทำการสำรวจและเผยแพร่ออกมา
โดยการสอบถามกับบริษัท 101 แห่งจากทั้งหมด 340 แห่ง ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัท-
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของบ้านเราโดยมีทั้งภาคการเงิน ภาคประกันชีวิตและประกันภัย
อุตสาหกรรมก่อสร้าง พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร บันเทิง อุตสาหกรรมอาหาร บริการและอื่นๆ
ที่น่าสนใจก็คือ "แนวคิดหรือหลักการบริษัทที่นำมาปรับใช้" ดังนี้

ข้อเท็จจริงประการแรก การสำรวจธุรกิจและองค์กร
ในแนวคิดสมัยใหม่การสำรวจธุรกิจและองค์กรหมดสมัยแล้วที่จะมาถามว่าปัจจุบันนี้
ทำอะไรอยู่ อนาคตธุรกิจจะจัดองค์กรแบบไหนมีสายบังคับบัญชาสั้นหรือยาว
สิ่งที่เปลี่ยนใหม่ได้มาจากการศึกษาของ Dave Ulrich และ Norm Smallword
(2003) สรุปไว้ว่า
ธุรกิจที่ผู้บริหารธุรกิจสนใจกันก็คือ จะถามว่าธุรกิจแห่งนั้นๆ มีความเชี่ยวชาญ
หรือเก่งในเรื่องอะไร ซึ่งหมายถึง "สมรรถภาพขององค์กร" (Organizational Capabilities)
ถ้าไปถามว่าธุรกิจเหล่านี้มีสายบังคับบัญชาหรือระดับชั้นของการจัดการ
มากน้อยแค่ไหน
คำตอบก็คือ ไม่มีใครรู้และแม้แต่จะสนใจก็ไม่มี
และถ้าถามว่าทำไมผู้บริหารจึงชื่นชอบธุรกิจ เช่น Microsoft GE Nordstrom
หรือ Starbucks คำตอบที่ได้ก็คือ
- มีความสามารถด้านนวัตกรรม
- การบริการลูกค้าที่ดี
- การส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณภาพสูงให้ลูกค้า
ข้อเท็จจริงประการต่อมา จากข้อมูลที่ นสพ.กรุงเทพธุรกิจจัดทำข้างต้น ได้สอบถาม
แนวคิดหรือหลักการบริหารที่นำมาปรับใช้พบว่า 3 อันดับแรกคือเรื่อง 1) Good Governance
2) ISO 9000 และ 3) Balanced Scorecard
ประเด็นที่เป็นข้อสังเกตจากผู้เขียนก็คือ กลต. หรือตลาดหลักทรัพย์กำลังโปรโมท
เรื่อง Good Governance ตามแบบตะวันตก ดังนั้นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
มีหรือที่จะตอบเป็นอย่างอื่น
ตามข้อมูลที่เป็นรายการหลักการบริหารที่นิยม จะไม่มีสิ่งที่เป็นแนวคิดล้ำหน้า
ยกเว้นเรื่อง BSC (และ KPIs) เช่น "สมรรถภาพขององค์กร" "ทุนมนุษย์และทุนทางปัญญา"
"การวัดด้านทุนทางปัญญา" หรือ "การจัดการความรู้" สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงบริษัทฯ ที่ให้คำตอบ
อย่างน่าพินิจพิเคราะห์พอสมควร
ข้อเท็จจริงประการสุดท้าย ต้องไม่ลืมว่าบริษัทที่ตอบแบบสำรวจหรือผู้บริหารธุรกิจ
ที่ตอบแบบสำรวจ อาจจะตอบว่าทำอะไรทั้งๆ ที่อาจจะยังไม่ทำก็ได้
จริงๆ ต้องถามถึงสิ่งที่ทำอยู่ ทำแล้วได้ผลอะไรบ้าง เช่น การทำกลยุทธใหม่แล้ว
ลองดูผลประกอบการ ดูผลของมูลค่าทางบัญชีว่าเป็นอย่างไร
เสียดายครับ! เป็นข้อมูลแค่ปฐมภูมิ หากวิเคราะห์มากกว่านี้จะเป็นประโยชน์มาก
สำหรับธุรกิจอื่นๆ
โดยสรุปแล้ว ต้องคิดได้เองและพยายามคิดนอก "ตะวันตก" จะเป็นสิ่งที่มีคุณค่า
อย่างอนันต์ ทั้งผู้บริหารธุรกิจและการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
อ.ดนัย เทียนพุฒ
Aj.Danai Thieanphut
DNT Consultants




Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 22 มกราคม 2551 17:30:06 น. 0 comments
Counter : 803 Pageviews.

dnt
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




ที่ปรึกษาธุรกิจชั้นนำด้านจัดการกลยุทธ
( ผู้นำและริเริ่มการจัดทำ Balanced
Scorecard & KPIs)
การบริหาร HR ที่เน้นความสามารถ
(Competency Based Approach)
การพัฒนา HRD-KM และ
การจัดการสมัยใหม่
*************************
Friends' blogs
[Add dnt's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.