|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
+++ ทำไมไปที่ไหน ๆ ใคร ๆ ก็ต้องดู "Rashomon" โดย อากิระ คุโรซาวา +++
ก่อนหน้านี้ผมเตรียมต้นฉบับในการรีวิวอัลบั้มไว้สองชิ้นคืออัลบั้ม Trois ของ ริค วชิรปิลันธ์ และ งานของอัศจรรย์จักรวาล แต่คิดไปคิดมากผมเก็บเอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะอยากจะเขียนเรื่องแนวอื่นบ้าง เดี๋ยวคนจะลืมไปว่าความจริงบล็อกนี้เป็นบล็อกเกี่ยวกับวิชาการสื่อ บางทียังมีคนแอด msn เข้ามาคุยกับผมว่าบล็อกผมเป็นบล็อกแนวเพ้อรักหรอ (โอ้ว!!! ไม่)
อยู่ดี ๆ ทำไมผมนึกอยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็ไม่รู้ ผมอยากตั้งคำถามสักนิดว่าคุณเคยสงสัยไหมครับว่าเวลาเรียนหนังสือ (อาจจะต้องเป็นระดับ ป.ตรีขึ้นไป) หลายครั้งที่อาจารย์เอาหนังมาให้ดูเพื่อใช้เป็นกรณีศึกษาบ้าง เป็นตัวอย่างบ้าง เป็นแนวคิดบ้าง ผมเคยนึกถึงว่าอาจารย์นี้สุดยอดจริง ๆ คิดลึกกันแบบนี้ได้อย่างไร
มีหนังอยู่หนึ่งเรื่องครับที่ผมว่าทุกคนที่เรียนสายศิลป์ โดยเฉพาะคนเรียนนิเทศศาสตร์สายภาพยนตร์ต้องเคยผ่านตามาก่อน หนังเรื่องที่ว่านี้คือ ราโชมอน ของ อากิระ คุโรซาวา นี้เอง หนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังที่เอามาใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอนเยอะมาก เรียกได้ว่าก่อนเรียนจบนี้น่าจะจุดธูปไหว้กันเสียก่อนเพื่อให้สำนึกคุณครู
หนังเรื่องอื่น ๆ ที่ถูกนำมาเป็นตัวอย่างในการเรียนมักมีลักษณะเด่นเฉพาะตัว อย่างพวกเรียนหนัง ก็ต้องดู Battleship Potemkin เพื่อศึกษา Soviet Montage ดู The Cabinet of Dr.Caligari เพื่อศึกษา German Expressionism ดู Pulp Fiction เพื่อศึกษาแนวคิดการเล่าเรื่องและตัดต่อที่สลับไปมาไม่เรียงตามลำดับเวลา ดู The Modern Time เพื่อให้เห็นวิถีชีวิตและระบบการทำงานแบบสายพานและทุนนิยม อะไรแบบนี้ ส่วนราโชมอนนั้น สำหรับคนเรียนหนัง ถือว่ามีแนวคิดสาระแอบแฝงอยู่ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเขียนบท การเล่าเรื่อง งานด้านภาพ ซึ่งถือว่าเด่นมิน้อย
คราวนี้ผมขอข้ามประเด็นเรื่องหนังไปละกัน เพราะผมคิดว่าน่าจะพอคุ้นเคยกันบ้างอยู่แล้ว ผมเลยขอเลือกเอาประเด็นอื่นๆ ที่มีการนำเอาหนังเรื่อง ราโชมอน ไปฉายเพื่อศึกษาหาความรู้
ตอนผมเรียน ป.ตรี ที่ มช. ผมเคยวิทยานิพนธ์ของภาควิชาปรัชญาเล่มหนึ่งที่น่าสนใจมาก วิทยานิพนธ์เล่มหนึ่งศึกษาแนวความคิดมนุษยนิยมในงานของคุโรซาว่า
มนุษยนิยมเน้นเชิดชูความดีงามของมนุษย์ครับ เชื่อว่าแม้มนุษย์จะเลวร้ายเพียงใดแต่ลึก ๆ แล้วก็มีความดีความงามแอบแฝงซ่อนอยู่ งานของคุโรซาวาหลายเรื่องเด่นในแนวคิดนี้ อย่าง Ikiru หนังว่าด้วยชายวัยใกล้ฝั่งที่เห็นคุณค่าของตัวเอง เป็นต้น สำหรับราโชมอนนั้น ทั้งเรื่องเป็นการเล่าเรื่องจากคำบอกเล่า มุมมองที่ผ่านสายตาแต่ละตัวละครต่างมุ่งย้ำความดีของตน มุ่งเหยียบความเลวร้ายผู้อื่น ความสิ้นหวังกับมนุษย์ฟุ้งทั่วไปทั้งแผ่นฟิล์ม
แต่แล้วตอนสุดท้าย ตัวละครที่หลบฝนอยู่ ณ ประตูราโชมอนก็ได้ยินเสียงร้องของเด็กดังขึ้น เขาตัดสินใจรับเด็กคนนั้นไว้เลี้ยง คุโรซาวาทิ้งท้ายเรื่องให้เห็นว่าแม้มนุษย์จะเลวร้ายเพียงใด แต่ลึก ๆ ก็ยังคงมีคนที่จิตใจดีงามอยู่
หนังเรื่องนี้เลยถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำหรับดูเป็นตัวอย่างหนังแนวมนุษยนิยม เหมือนกับหนังฮิตประจำศตวรรษที่ 21 อย่าง The Matrix ที่ใครเรียนอภิปรัชญา (Metaphysics) ต้องดูเพื่อค้นหาว่าความจริงที่เรารับรู้คือความจริงแท้ไหม....
พูดถึงเรื่องธีมหลักของราโชมอนพูดถึงเรื่องความจริงเช่นเดียวกัน ตัวละครต่างออกมาเล่าเรื่องราวของตัว ซึ่งเราไม่มีวันรู้เลยว่าใครพูดความจริง (บางทีคุโรซาวาก็ไม่ได้คิด) วิธีการแบบนี้ถูกนำมาใช้ในหนังเรื่องหลัง ๆ เยอะมาก อย่างเช่นเรื่อง Courage of the Fire ที่เดนเซล วอชิงตันตามหาความจริงเรื่องการให้เหรียญกล้าหาญแก่ทหารหญิง (เมก ไรอัน) ที่เสียชีวิตในสนามรบ แม้แต่ในวงการหนังสือยังถูกหยิบนำมาใช้ ถ้าใครเคยอ่าน กรณีฆาตกรรมโต๊ะอิหม่ามสะปอตา กาเด ก็ใช้วิธีการเล่าเรื่องคล้ายกันนี้ ขนาดรุ่นพี่ผมทำละครเวทียังเอาวิธีการของคุโรซาวาไปเล่าเด๊ะ ๆ เลย
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องกลายเป็นหนังคลาสสิคทำเอาฝรั่งอึ้งแดกไม่ใช่มีเพียงวิธีการเล่าเรื่องเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญในหนังเรื่องนี้ก็คือแนวความคิดเอเชียที่แสดงออกมาทำเอาฝรั่งที่ยึดถือเอาความคิดวิทยาศาสตร์เป็นหลักงงเต๊กกันไปหมด
วิทยาศาสตร์ครอบครองภูมิปัญญาและความคิดของโลกใบนี้ไว้จนหมดสิ้น ความคิดแบบวิทยาศาสตร์เชื่อมั่นในเรื่องของหลักเหตุผล ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ล้วนมีเหตุที่นำไปสู่ผล (มองคล้ายพุทธนะครับ) แต่สิ่งที่ต่างไปคือ สิ่งที่พวกเขาจะเชื่อนั้นคือความจริงที่ประสาทสัมผัสทั้ง 5 สัมผัสได้เท่านั้น อะไรที่ตาดู หูฟัง ดมกลิ่น ชิมรส สัมผัสไม่ได้ สิ่งนั้นไม่ถือว่าเป็นความจริงที่พึงต้องเชื่อ
ด้วยความที่วิทยาศาสตร์มุ่งเน้นการพิสูจน์ได้ พร้อมกับการค้นหาความจริงเพียงหนึ่งเดียวของธรรมชาติโดยการประจักษ์ ทำให้ใคร ๆ ต่างคิดว่าวิทยาศาสตร์นี้คือคำตอบสุดท้ายของมนุษยชาติแล้ว ขนาดโลรองต์ บาร์ตส์ ยังเคยเขียนในหนังสือเรื่องมายาคติว่า ทฤษฎี mc ยกกำลังสองของไอร์สไตน์ ถูกทำให้เชื่อว่าทฤษฎีนี้สามารถตอบคำถามทุกอย่างในสากลจักรวาลได้
กับราโชมอน หนังเรื่องนี้หักแนวคิดวิทยาศาสตร์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความจริง ที่แสดงให้เห็นว่าความจริงเป็นเรื่องของใครของมัน เราประกอบสร้างความจริงขึ้นมา หากความจริงหนึ่งเดียวแบบที่วิทยาศาสตร์บอกมีจริง แล้วใยคนเราจึงตีความออกไปแตกต่างมากมาย
นอกจากนั้นใครเคยดูคงจำกันได้ว่านอกจากคนมีชีวิตมาเล่าเรื่องแล้ว เจ้าตัวที่ตายก็มาเช่นเดียวกันโดยผ่านทางร่างทรง ฝรั่งก็เอาละครับ โอ้ว!!! Impossible ไม่มีทาง ยูใช้วิธีการหาคำตอบแบบนี้ได้อย่างไร
หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นครับว่าการหาคำตอบให้กับคำถามหนึ่งคำถามนั้น มันมิใช่มีเพียงแค่วิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่อิงหลักเหตุผลซึ่งต้องประจักษ์เท่านั้น บางทีเราอาจจะเกิดอาการปิ๊งได้คำตอบขึ้นมาเอง มองฟ้ามองฝนก็เกิดคิดออก การได้คำตอบแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครับ ทุกคนคงเคยเกิดขึ้น พระพุทธเจ้าเองยังปิ๊งเลยครับ
หนังเรื่องนี้เป็นตัวอย่างอันดีอย่างยิ่งครับสำหรับคนที่เรียน ป.โท ด้านสายสังคมศาสตร์ซึ่งชีวิตมักวนเวียนอยู่กับวิจัยเชิงคุณภาพ วิจัยรูปแบบนี้อยู่บนพื้นฐานความคิดอีกฝั่งกับวิทยาศาสตร์ เชื่อความคิดแบบองค์รวม สิ่งต่าง ๆ ล้วนเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน การหาคำตอบได้นั้นมิใช่มีเพียงหนทางแบบวิทยาศาสตร์เท่านั้น การเข้าไปฝังตัวอยู่กับชุมชนนั้น ๆ อาจจะได้คำตอบที่ดีเยี่ยมกว่าการทำแบบสอบถามหลายสิบเท่า
นี้ก็เอาราโชมอนกับการศึกษาวิชาที่ต่าง ๆ มาให้อ่านกันแบบหอมปากหอมคอ ใครเคยดูราโชมอนพร้อมกับการศึกษากรณีอื่นอย่างลืมมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
สวัสดีครับ
Create Date : 19 พฤศจิกายน 2549 |
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2549 6:51:27 น. |
|
15 comments
|
Counter : 1720 Pageviews. |
|
|
|
โดย: คนขับช้า (คนขับช้า ) วันที่: 19 พฤศจิกายน 2549 เวลา:10:51:47 น. |
|
|
|
โดย: แวะมาทักทายนะ (ตี๋หล่อมีเสน่ห์ ) วันที่: 20 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:15:12 น. |
|
|
|
โดย: The brightest sun IP: 221.128.114.82 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:15:57 น. |
|
|
|
โดย: คนบ้าเพลง IP: 124.120.161.137 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:05:35 น. |
|
|
|
โดย: gelgloog IP: 125.25.75.17 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:35:48 น. |
|
|
|
โดย: lqwandera IP: 124.121.38.81 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:11:43:55 น. |
|
|
|
|
|
|
I will see U in the next life.
|
|
|
|
|
|
รักษาสุขภาพด้วยนะคะเจ้าของบล๊อก
โดย: PADAPA--DOO 18 พฤศจิกายน 2549 21:17:48 น.
อื่ม เจ้าของบล็อกเลกพร่ำเพ้อแล้วหรือ
โดย: slowboy2525 (slowboy2525 ) 18 พฤศจิกายน 2549 21:50:26 น.