Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
8 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
+++++วิเคราะห์หนังอิหร่าน The Day I Became A Woman (Part I)+++++++

สวัสดีพ่อแม่พี่น้อง....

ตามสัญญาที่ว่าจะวิเคราะห์ภาพยนตร์เรื่อง The Day I Became A Woman ให้ได้อ่านกัน เนื่องจากหนังเรื่องนี้มีทฤษฎีซ้อนอยู่ไม่น้อย ผมเลยอาจต้องเขียนหลายตอนหน่อย (ถ้าขี้เกียจอาจเหลือแค่สอง)

สำหรับใครไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนว่าหนังเรื่องนี้เป็นเช่นไร ก็เข้าไปอ่านได้ที่นี้ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=djdonk-mc43&month=08-2005&date=20&group=1&blog=1

สำหรับประเด็นที่ผมอยากพูดถึงก่อนเลย คือรูปแบบของหนังนะครับ อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เหนือจริง (Surreal) ซึ่งหลาย ๆ คนก็งงไม่รู้ว่าไอ้เซอเรียลนี้มันเป็นอย่างไร ผมก็จะขออธิบายใน part I นี้ละกันครับ

ในงานศิลปะทั้งหมด ล้วนประกอบด้วยองค์ประกอบ 2 อย่างคือ Form และ Content ฟอร์ม ก็คือ รูปแบบของงานศิลปะนั้น ๆ ส่วนคอนเทนท์ก็คือเนื้อหา

รูปแบบนั้น ถ้านึกถึงรายการทีวี เราก็เห็นรายการทีวีหลากหลายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกมโชว์ รายการเพลง ทอล์คโชว์ ฯลฯ อันนี้คือรูปแบบ

ส่วนเนื้อหาก็คือสิ่งที่อยู่ในรูปแบบ เช่น รูปแบบเกมโชว์ รายการเกมวัดดวงก็มีเนื้อหาเล่นเกมบนความซวยคนอื่น เกมทศกัณฑ์เนื้อหาก็เกี่ยวกับเรื่องของใบหน้าคน แฟนพันธ์แท้ก็ตอบคำถามเรื่องราวเจาะลึก

เห็นได้ว่ารูปแบบเดียวกัน เนื้อหาแบ่งได้เป็นล้าน

คราวนี้ในงานภาพยนตร์ เราจะแบ่ง Form ของหนังออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ ๆ (ผมใช้เกณฑ์ความเหมือนจริง) คือ Drama Realism และ Surrealism

ดูรูปประกอบครับ




ฟอร์มแต่ละรูปแบบก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเหมือนจริง

Realism ----------> รูปแบบนี้ค่อนข้างเหมือนจริงมาก ไม่มีค่อยมีการบิดเบือนภาพความจริงมากนัก เรามักเห็นได้จากงานสารคดี และงานหนังตระกูล Neo-Realism แบบที่พวกอิตาลีถนัด

Drama -----------> เน้นการปรุงแต่งอารมณ์ ไม่สนใจการนำเสนอที่เหมือนจริงเป๊ะ ๆ เป็นรูปแบบที่เห็นได้มากที่สุด เพราะหนังร้อยละ 90 เป็นรูปแบบประเภทนี้

Surrealism -----------> เป็นรูปแบบที่เน้นความเหนือจริง ความเหนือจริงในที่นี้มิใช่การเหาะเหิรเดินอากาศหรือมีปาฎิหาริย์ แต่เป็นการสอดแทรกสิ่งธรรมดาเห็นได้ทั่วไปให้อยู่ในลักษณะเหนือเหตุผลต่าง ๆ เช่น ในหนังเรื่อง The Hairdresser's Husband ได้ให้ตัวละครเอกทั้งสองตัวกินน้ำหอมแทนเหล้า เนื่องจากว่าน้ำหอมก็เป็นแอลกอฮอล์ประเภทหนึ่งเหมือนกัน ดังนั้นดื่มน้ำหอมไปก็เมาได้เหล้าไม่มีผิด เป็นต้น

และในหนังเรื่อง The Day I Became A Woman ก็เป็นหนังในกลุ่มเซอเรียลเช่นกัน

แต่ก่อนจะไปว่าหนังเรื่องนี้เซอเรียลกันยังไง เราไปดูกันก่อนว่าเซอเรียลมีกี่ประเภท

ตามที่ได้ร่ำเรียนมา หนังฟอร์มแบบ Surreal เราแบ่งได้เป็น 3 แบบ อีกเช่นกัน ดังนี้ครับ

1. Impressionism ในกลุ่มนี้ ผู้กำกับจะสะท้อนอารมณ์ที่รู้สึกและประทับใจออกมาในตัวงาน เรื่องราวในหนังจึงเป็นเรื่องที่ดูธรรมดา แต่ดูแล้วเกิดขึ้นได้ยาก (มีโอกาสเกิดขึ้นจริงประมาณ 1%X)

ตัวอย่างเช่น ฉากดื่มน้ำหอมแทนเหล้าใน The Hairdresser's Husband ตัวผู้กำกับคงประทับใจกับเหตุการณ์ความรู้สึกของน้ำหอม จึงนำมาถ่ายทอดให้เห็นเป็นภาพ ถามว่าใครในโลกนี้จะบ้ากินน้ำหอมแทนน้ำ ก็คงไม่มี แต่ถามว่าเป็นไปได้ไหม เราก็บอกเต็ม ๆ ปากเลยว่าไม่มีก็คงยาก

2. Expressionism กลุ่มนี้ผู้กำกับจะสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เป็นนามธรรม ออกมาในรูปแบบของภาพรูปธรรมต่าง ๆ เช่นแทนภาพของความรู้สึกผิดปกติทางจิตผ่านทางฉากที่บิดเบี้ยว เป็นรูปทรงเรขาคณิตแปลก ๆ (ดูรูปประกอบได้)




จะเห็นได้ว่าการจัดองค์ประกอบภาพนั้นภาพแรกจะบิดเบี้ยว ส่วนภาพที่สองก็เป็นการจัดองค์ประกอบเรขาคณิตแบบแปลก ๆ เห็นได้ว่ารูปทรง ไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยมที่จัดไว้อย่างมีระเบียบที่เรา ๆ เคยคุ้นตา

เริ่มแรกถูกผลิตออกมาจากกลุ่มประเทศเยอรมัน จนมีการเรียกชื่อเพิ่มข้างหน้าว่า German Expressionism หนังตระกูลนี้ที่อยากพรีเซนต์เลยคือ The Cabinet of Dr.Caligari (ใครเรียนหนังมาน่าจะเคยดู ผมบังเอิญโชคดีได้ไปดูที่หอศิลป์ ม.ช. จอใหญ่เบิ้อเริ่มเทิ่ม)

3. สุดท้ายคือ Bizarre อันนี้เป็นแหล่งรวมความบ้า ความแปลกแยก ความงง รวมกันในนี้หมด พวกผีห่าซาตานทั้งหลาย

หนังตระกูลเซอเรียลที่คิดว่าหาดูได้ในเมืองไทย (ความจริงมีเยอะน่ะ แต่ตอนพิมพ์คิดไม่ออก) เช่น Mulholland's Drive ของเดวิด ลินช์ ,8 1/2 ของเฟลลินี่ ,Run Lola Run, Pink Floyd "The Wall", The Wayward Clound ฯลฯ หรือแม้แต่หนังไทยอย่างคืนวันพระจันทร์เต็มดวง สุดเสน่หา สัตว์ประหลาด ก็มีกลิ่นอายของความเหนือจริงผสมอยู่

การดูหนังเหนือจริงให้รู้เรื่อง สิ่งสำคัญเลยคุณต้องอย่ายึดติดกับหลักเหตุผลต่าง ๆ เช่นว่า เฮ้ย!!!! อันนี้มันเข้ามาได้ไงว่ะ มันเป็นไปได้ไงว่ะ คืออย่างที่บอกไปว่ามันเป็นความรู้สึกของผู้กำกับ ดังนั้นก็ต้องปล่อยอารมณ์ให้เป็นไปตามที่ผู้กำกับทำให้เป็นไป

พูดมานานมากล่ะ เข้าเรื่อง The Day I Became A Woman ของเรา

สำหรับหนังเรื่องนี้เป็นหนังเหนือจริงในกลุ่ม Impressionism เป็นการสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของตัวผู้กำกับออกมา

หนังแบ่งเป็นสามตอน ตอนที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ตอนที่สอง (อาฮู) และตอนที่สามก็เห็นภาพความเหนือจริงไม่น้อย

ในตอนที่สอง เราจะเห็นขบวนจักรยานยาวเหยียด ปั่นโดยผู้หญิงสาวใส่ผ้าสีดำ แล้วอาฮูก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงกลุ่มนั้น



สักพักเธอก็ถูกสามีขี่ม้ามาตาม ต่อด้วยคนในครอบครัว ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำศาสนา และสุดท้ายเธอก็ต่อสู้ไปไม่ไหว ต้องยอมลงจากจักรยาน

ตอนผมทำรีเสิร์ชตัวจบด้วยหนังเรื่องนี้ ก็ทำให้ทราบหลายอย่าง เช่น ในประเทศอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเตหะราน ผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้ปั่นจักรยาน

ตัวเมชคินี่ ผู้กำกับเอง คงรู้สึกฝังใจกับความรู้สึกที่กดอยู่นี้ จึงแสดงออกมาถึงภาพของผู้หญิงที่ฉีกตัวหาทางออก โดยผ่านการขี่จักรยาน

คงเป็นเรื่องแปลกที่มีขบวนจักรยานยาวเหยียดขนาดนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาสเป็นไปได้

นี้คือความต้องการของผู้กำกับที่ต้องการบอกว่า แม้สังคมจะเปิดขนาดไหนแล้วก็ตาม (ผ่านการขี่จักรยานที่เคยเป็นเรื่องต้องห้าม) แต่สุดท้ายผู้หญิงก็ยังถูกกดขี่ด้วยผู้ชายอยู่ดี

หรืออย่างในฉากตอนที่สาม เราเห็นคุณป้า ผู้ได้รับเงินมรดก แล้วเธอก็เที่ยวไปซื้อของเยอะแยะมากมายที่ (เคย)อยากได้ไว้เต็มไปหมด สุดท้ายเราก็เห็นเธอเอาของต่าง ๆ มากองไว้ที่หาดทราย เพื่อจะขนข้ามไปยังเรือใหญ่บนทะเล



ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าเด็ก ๆ เอาสินค้าต่าง ๆ ที่ซื้อ มาตกแต่งกันเป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เพียงแค่ว่าบ้านหลังนี้ไม่มีกำแพง ไม่มีผนัง ไม่มีหลังคา

นี้เป็นความรู้สึกที่ผู้กำกับสะท้อนออกมาว่า ท้ายที่สุดแล้วป้าแก่ ๆ คนหนึ่งก็ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าบ้านที่สงบสุข พร้อมกับลูกหลานที่คอยดูแลเอาใจใส่

นี้คือสองฉากที่เห็นได้ชัด ๆ ถึงความเหนือจริงในหนังเรื่องนี้

ยังมีฉากอื่น ๆ ซ่อนอยู่ครับ เพียงแต่ว่ายังไม่ชัดมากนัก ลองดูกันครับ ว่ามีฉากไหนบ้างหนอ

สำหรับการวิเคราะห์ Part แรก ก็จบลงตรงนี้ก่อนนะครับ

ป.ล. ใครสนใจดูหนังอิหร่านที่พูดเกี่ยวกับผู้หญิง ผมแนะนำ The Apple , Kandahar , The Circle ฯลฯ ประมาณนี้ครับ

ป.ล. 2 มีความสุขมาก ๆ กับการดูหนังสุดสัปดาห์



Create Date : 08 กันยายน 2548
Last Update : 13 กันยายน 2548 12:19:56 น. 12 comments
Counter : 2894 Pageviews.

 
หนังแนวเซอเรียลนี้เป็นหนังน่าดู แต่ดูแล้วคิ้วขมวด 555 ชอบ Fellini ค่ะดูไปสองเรื่อง "แปดครึ่ง (81/2)" หนังปี 1963 กับ Roma หนังยุค 70s

Roma ชอบฉากรถติดค่ะ ดูมันแปลกงงๆดี คือดูรอบเดียวไม่ได้ค่ะ งงงงงง แต่ชอบซีนมากๆ แสงและการเดินเรื่อง แต่เนื้อเรื่องขอไว้หลังสุด เพราะมายากส์จะบรรยาย


โดย: Special Ed. วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:12:20:15 น.  

 
โอ เซอเรียล


โดย: joblovenuk วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:12:25:55 น.  

 


สำหรับเรื่องที่ฉากรถติด ผมเคยดูเรื่อง Weekend ของโกดาร์ด นะครับ

ไม่แน่ใจว่าใช่เรื่องเดียวกันไหม

เป็นฉากรถติดยาวนานมาก สิบกว่านาที ไม่เหนือจริงได้ไง ถนนกลางทุ่งนาเปล่าเปลี่ยว แต่รถติดเป็นกิโล ตอนแรก ๆ ดูก็สนุกดีครับ เพราะเห็นพฤติกรรมคนแปลก ๆ ดี แต่พอผ่านไปสักสี่ห้านาที เริ่มเบื่อ เบื่อมาก ๆ

อ.แดง กิตติศักดิ์ บอกว่า ตอนนี้อารมณ์คนดูจะเท่ากับอารมณ์ของตัวละครในเรื่องล่ะ

ตอนสุดท้ายพอพ้นรถติด เห็นว่าสาเหตุมาจากเด็กโดนรถชน คือถ้าเห็นตอนแรกเลยก็คงช๊อค แต่นี้อารมณ์เซ็งมาตลอดสิบนาที เลยคิดกันว่าแค่นี้อะน่ะ ทำให้รถติดตั้งสิบนาที

โกดาร์ดสามารถมาก





อันนี้คือฉากรถติดที่ว่าไว้


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:12:35:49 น.  

 


ส่วนนี้เป็นหนังเซอเรียลญี่ปุ่นอีกเรื่องที่ผมชอบมาก

มีโอกาสได้ดูที่ หอศิลป์ ม.ช. ดูทีแรก ติดใจเลย ไม่คิดไม่ฝันว่า อ.แดง กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิณ จะเอามาให้ดูอีก

น้ำตาแทบไหล

เรื่องนี้ชื่อว่า Double Suicide ครับ งานของมาซาฮิโร่ ชิโนดะ หนังยังเป็นขาวดำอยู่เลย (ออกฉายปี 1969) เป็นแนว Expressionism ผู้กำกับเขาทำให้โชคชะตาที่กำหนดชีวิตมนุษย์อยู่ เป็นเหมือนตัวนินจาที่คอยควบคุมอยู่ฉากหลัง

สมมติตัวละครแสดงอยู่ สักพัก ก็จะยืนหยุดนิ่งไปหมด พวกตัวเหล่านี้ก็จะเข้ามาจัดท่าทาง เปลี่ยนฉาก อะไรแบบนี้



รูปที่โม่งนินจา



ตอนสุดท้าย ตัวละครฆ่าตัวตาย (ตามชื่อเรื่อง) ไอ้ตัวพวกนี้ก็จัดการเตรียมขื่อและเชือกไว้ให้เสร็จ

โชคชะตาอยู่เหนือเราเสมอ เขาว่ากันอย่างนั้น

ไม่รู้จะไปหาดูอีกครั้งได้ที่ไหนก็ไม่รู้


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:12:48:18 น.  

 
ใครมีหนัง Surreal เรื่องไหนโดนใจก็แนะนำบ้างนะครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:13:55:12 น.  

 
ขอบคุณครับ เดี๋ยวต้องไปหามาดูมั่งละ... หนังสีสวยอ่ะ


โดย: simple things วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:22:15:12 น.  

 
โอโห้ชื่อหนังเรื่องนี้ดูซาดิสม์ดีค่ะ หนังญี่ปุ่นนี้มีเซอเรียลเยอะน่ะค่ะ ชอบภาพสวยดี

แล้วหนังของ Sun Ra นักร้องแจ็ส นี่เป็นเซอเรียลด้วยหรือเปล่านา Space Is The Place น่ะค่ะ คือมันออก Avant-Garde คือดูแล้วได้อารมณ์ฮิปปี้คนดำแถวเบริกลีย์มากๆเลย แต่ดูแล้วมึนตึบเหมือนกันค่ะ

แนะนำค่ะ

//www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0000CD5F5/qid=1126279041/sr=8-1/ref=pd_bbs_1/103-0808054-0351042?v=glance&s=dvd&n=507846


โดย: Special Ed. วันที่: 9 กันยายน 2548 เวลา:22:21:36 น.  

 
อ๋อฉากรถติดอันนั้นคนล่ะอันกันมั้งค่ะ ที่รถติดฝนตกๆ แล้วเค้าสื่ออารมณ์คนมองไปนอกรถ แล้วเห็นบ้างคนคนในรถคันข้างๆ ก็กระตืบๆๆ กระจกเหมือนเค้าอึดอัดๆ มองไปอีกด้านมีรถขนม้า 555 ดูแล้วก็ฮาไปอีกแบบ

แต่ แปดครึ่งนี่ชอบตอนสาวๆเค้าประโคมเอาใจเรียกพระเอกของเรื่อง Guido!! Guido!! ได้อารมณ์อิตาเลียนมากเลยค่ะ


โดย: Special Ed. วันที่: 9 กันยายน 2548 เวลา:22:26:14 น.  

 
ศุกร์นี้พี่สาวชวนไปดูเรื่องนี้ที่ลิโดล่ะ
เลยอ่านผ่านๆ ก่อนนะ
เดี๋ยวดูแล้วจะมาอ่านจริงจังค่า
ไม่รู้ออกรึยังน๊า


โดย: fakeplasticgirl วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:23:01:06 น.  

 
ยังไม่ออกครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 14 กันยายน 2548 เวลา:14:38:15 น.  

 
part 2 อยู่ไหนอ่าคะ


โดย: C IP: 180.183.116.230 วันที่: 2 มกราคม 2553 เวลา:20:43:45 น.  

 
I applaud your professionalism, dedication and integrity that we all were audience to for the past week. Linda C.
Wholesale Baseball Jerseys //www.fdlgroup.co.uk/images/mlbwholesale.asp


โดย: Wholesale Baseball Jerseys IP: 157.7.205.214 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2557 เวลา:2:56:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I will see U in the next life.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add I will see U in the next life.'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.