|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความเชื่อและศรัทธาที่ลักลั่กยอกย้อนของคนไทยต่อ "พระผู้เป็นเจ้า" ในศาสนาฮินดู
//www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4633585/Y4633585.html
เมื่อวานซืนผมมีโอกาสได้ไปงานวันเกิดพระกฤษณะที่วันเทพมณเฑียร ติดกับโรงเรียนเบญจมราชาลัย ย่านศาลาว่าการกรุงเทพฯ โดยงานครั้งนี้มี "ตุล" เพื่อนผมซึ่งเป็นแฟนพันธ์แท้เทพเจ้าชวนไปครับ
ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องคร่าวๆ ของพระกฤษณะให้ทุกท่านฟังก่อน พระกฤษณะนี้เป็นหนึ่งในร่างอวตารของพระนารายณ์ (แต่บ้างก็เชื่อว่าพระกฤษณะเป็นเทพใหญ่สุดโดยมีพระนารายณ์อยู่ในร่างอีกที) เรื่องของพระกฤษณะที่รู้จักกันเป็นอย่างดีคือการที่ทรงเป็นสารถีให้แก่อรชุน หนึ่งในห้าแห่งพี่น้องปาณณพ ทำสงคราม ณ ทุ่งกุรุเกษตร ในสงครามมหาภารตะ
อรชุนหันไปมองสงครามเหล่านั้นพร้อมกับถอนหายใจว่า นั้นก็พี่ นั้นก็น้อง นั้นก็อาจารย์ ข้าพเจ้าฆ่าไม่ลง พระกฤษณะจึงปรากฎกายเป็นพระนารายณ์พันกร พร้อมกับกล่าวธรรมะ "ภัควัตคีตา" เพื่อให้อรชุนรู้ว่าทุกสิ่งล้วนคือมายา สิ่งที่มนุษย์พึงทำคือการทำหน้าที่ให้บรรลุผลสำเร็จต่างหาก
นี้ก็คือเรื่องคร่าว ๆ ของพระกฤษณะครับ
วันนั้นคนเยอะมาก แอร์ที่เปิดไว้อย่างเย็นช่ำในตอนแรกกลายเป็นร้อนจนแทบหายใจไม่ออก ผู้คนเบียดเสียดกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนสุดท้ายที่มีการทำพิธีประหนึ่งว่าพระกฤษณะลอยลงมาจากสวรรค์ ผู้คนก็พยายามยื้อยึดให้ตัวเองได้ไปสัมผัสตัวพระองค์ท่าน
ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น ก็จะมีการร้องเพลง อ่านบทโศลกสรรเสริญพระกฤษณะให้ฟัง ผมเองก็ได้ตุลช่วยอธิบายและแปละให้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่าภาษาฮินดีที่ตุลได้เรียนมายังอยู่ในขั้นใช้งานได้ดี
เราเลือกนั่งพิงผนังเพื่อรอเวลา ในระหว่างนั้นเราก็เห็นคนไทยมาร่วมพิธีปะปนอยู่มากพอสมควร และไม่นานก็มีชายสองคนเดินเข้ามาคุยกับพวกผม
ชายหนุ่มทั้งสองแต่งชุดอินเดียสีขาว จากการแนะนำตัวพบว่าทั้งสองเป็นศิษย์อาจารย์กัน โดยฝ่ายลูกศิษย์เป็นคนเอ่ยปากบอกพวกผมว่า
"พระองค์ท่านมาเข้าฝันผม บอกว่าให้ทำความดี แล้วสิ่งที่ปรารถนาจะเป็นจริง แต่ยังไงสิ่งที่เราปรารถนาก็ต้องมีความเป็นไปได้น่ะ ถ้าเราหวังอยากให้รวยล้นฟ้าแบบนี้พระองค์ก็คงให้ไม่ได้"
คุณลูกศิษย์ถามตุลเพิ่มเติมว่าได้มาปฎิบัติธรรมบ้างไหม แถมยังเสริมว่าให้รีบ ๆ ทำเขาน่ะ พระผู้เป็นเจ้าท่านจะได้ปราณีอวยพรชัยเรา
ตุล ผู้ซึ่งก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของฮินดูอย่างเต็มตัวโดยการได้รับการบวชเป็นพราหมณ์แล้วก็ตอบไปแบบไม่อยากให้ใครเสียหน้าว่าก็มาบ่อย ๆ และขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ก่อนจะหันมาคุยกับผมว่า เฮ้อ คนไทยส่วนใหญ่นี้มาวัดแขกเพื่ออธิษฐานขอพรอย่างเดียวเลยว่ะ
ตุลบ่นและระบายให้ผมฟังหลายครั้งก่อนหน้านี้ว่า ความเชื่อฮินดูได้เข้าไปผสมกับความเชื่อเรื่องผีและไสยศาสตร์ของไทยอย่างสมบูรณ์แล้ว คนไทยที่มาวัดแขกไม่ว่าจะเป็นที่นี้ ที่โบสถ์พราหมณ์เสาชิงช้า หรือที่สีลม ต่างมาเพื่อขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าให้ได้รับผลต่าง ๆ
ลักษณะของศาสนาฮินดูในไทยทุกวันนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากพุทธ ซึ่งผู้คนไม่ได้สนใจถึงหลักธรรมคำสั่งสอนของศาสนานั้น ๆ แต่สนใจในฐานะที่พักพิงทางใจแบบทุนนิยมสไตล์สำเร็จรูปเสียมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นขอหวย ขอนู้น ขอนี้ ให้ได้อย่างนั้นอย่างนี้ หนักไปกว่านั้นชักมีเข้าทรง พ่อนั้น แม่นี้มาประทับ ชักไปกันใหญ่
ตอนนี้อย่าว่าแต่พุทธและฮินดูเลย ตอนนี้เทพเจ้ากรีกก็โดนไปกับเขาแล้วด้วย
ผมว่าปรัชญาฮินดูลึกซึ้งนะครับ เป็นศาสนาที่มองโลกคล้ายคลึงกับพุทธ คือการมองโลกแบบว่าเป็นองค์รวม ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสัมพันธ์กัน ฮินดูมองว่าพระผู้เป็นเจ้าคือเรา และเราคือพระผู้เป็นเจ้า โลกใบนี้เป็นเพียงมายาจากการเต้นระบำของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น
มิได้มีอะไรจริงบนโลกใบนี้.....
ผมและตุลคุยกันว่าก็พอเข้าใจที่ผู้คนส่วนใหญ่จะสนใจแต่เพียงแค่เปลือก (ซึ่งก็มิต่างอะไรจากชาวพุทธเท่าใดนัก) การมาไหว้พระขอพรส่งผลให้เกิดความสบายใจได้ แต่สิ่งที่กังวลคือการอวดอ้าง ทำศาสนาไปใช้การหลอกลวงชาวบ้าน ซึ่งต้องบอกเลยครับว่าน่ากลัวจริง ๆ
Create Date : 18 สิงหาคม 2549 |
Last Update : 18 สิงหาคม 2549 17:08:31 น. |
|
14 comments
|
Counter : 1384 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:15:15:01 น. |
|
|
|
โดย: fonkoon วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:15:49:17 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:18:40:23 น. |
|
|
|
โดย: หน่อย SNC IP: 58.136.99.112 วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:21:07:09 น. |
|
|
|
โดย: keyzer วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:22:08:36 น. |
|
|
|
โดย: PADAPA--DOO วันที่: 19 สิงหาคม 2549 เวลา:1:02:19 น. |
|
|
|
โดย: BAYROCKU วันที่: 23 สิงหาคม 2549 เวลา:9:14:43 น. |
|
|
|
โดย: Spetsnaz IP: 192.127.94.7 วันที่: 1 กันยายน 2551 เวลา:15:42:42 น. |
|
|
|
โดย: 245545 IP: 125.27.186.158 วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:2:48:13 น. |
|
|
|
|
|
|
I will see U in the next life.
|
|
|
|
|
|
ตุลบอกผมว่า เห็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์มีสิ่งหนึ่งซึ่งไม่น่าที่คนธรรมดาจะมีได้ ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ สายยัชโญปวีต
ใครที่เคยเห็นรูปพระพิฆเนศ จะเป็นมีด้ายสีขาวคล้องจากไหล่ลงไปรอบตัว ซึ่งสายยัชโญปวีตนี้เป็นสายที่มีได้ใน 3 วรรณะ คือ พราหมณ์ กษัตริย์ และแพศย์ ผู้ที่จะมีสายนี้จะต้องผ่านพิธีที่เรียกว่า "อุปานยน สัมสการ" ซึ่งพิธีนี้ เป็นพิธีแรกที่จะเริ่มทำให้เด็กชาย อายุประมาณ 8 ปี โดยถือเป็นการเริ่มต้นเข้าสู้วัยพรหมจารี คือวัยนักเรียนนักศึกษาด้วย จนเมื่อสำเร็จการศึกษาก็จะเข้าสู่วัย คฤหัตถ์ต่อไป
ตุลได้ทำการสอบถามจากพราหมณ์(ชาวอินเดีย) ผู้เป็นอาจารย์ ว่าในไทยนอกจากสายพราหมณ์ไทย ณ เสาชิงช้าแล้ว เคยมีคนไทยคนใดผ่านพิธีนี้หรือไม่ คำตอบที่ได้รับก็คือ ไม่มี ซึ่งเท่ากับว่าตุลเป็นคนไทยคนแรกที่ผ่านพิธีนี้จากพราหมณ์ชาวอินเดีย
ตุลจึงตั้งขอสังเกตว่า แล้วคุณพี่พิพิธภัณฑ์นั้นไปเอาสายยัชโญปวีตมาจากไหน แล้วสวมได้อย่างไร เพราะตุลเองก็ต้องใช้เวลาร่วมสองปีในการแสดงตนให้เห็นว่าเขาศึกษาและสนใจหลักคำสอนของฮินดูมากขนาดนั้น จึงได้รับอนุญาต
ผมถามกลับไปว่าอาจจะได้มาจากสายพราหมณ์ไทยก็ได้ ตุลก็เล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง ถึงชายหนุ่มที่เกิดมาในตระกูลพราหมณ์ไทย แต่บังเอิญว่าคุณพ่อตายก่อน จึงไม่มีใครทำพิธีให้ ชายคนนี้ไปขอร้องให้พราหมณ์ท่านอื่นทำให้ ทว่าก็ไม่มีใครทำ นี้ขนาดมีเชื้อสายพราหมณ์แท้ ๆ ยังไม่ได้ทำ อย่างหวังเลยว่าคนไทยคนอื่นจะมีสิทธิ์
การที่ผู้นับถือฮินดูแต่ยังไม่ได้เข้าพิธี "อุปานยน สัมสการ" แล้วเอาสายยัญโชปวีตไปใส่เล่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องผิดมหันต์เลยนะครับ หากอยู่ในอินเดีย คนที่สวมสายนี้จะได้รับการเคารพทีเดียว ตุลเล่าว่าตอนไปอินเดียได้นั่งเรือไปกลางแม่น้ำ ขาไปคนแจวเรือก็ไม่ได้สนใจ แต่พอแค่เห็นสายยัชโญปวีตเท่านั้น ก็ยกมือขึ้นไหว้ทันที
ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนกับเอาคนไทยเอาจีวรพระมาใส่อย่างใดอย่างนั้น
ยังดีที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักสายยัชโญปวีตเสียเท่าใด คุณพี่จึงพอเนียนได้ แต่อยากฝากบอกนะครับว่าอย่าหาว่าไม่มีใครรู้น่ะ เพราะอย่างน้อยผมและเพื่อนก็รู้แล้วล่ะ
อาทิตย์นี้ตุลจะไปเล่าให้พราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์ฟัง ก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น.....