|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
สัญญวิทยา (3) ว่าด้วยแนวคิดพื้นฐาน
เรื่องต่อไปที่ผมจะพูดถึงนะครับหลังจากไปรู้จักกับคุณทวดกันแล้วก็คือเรื่องแนวคิดเบื้องต้นของ Sign ครับ
ธรรมชาติของเจ้าพวกสัญลักษณ์ทั้งหลาย เจ้าพวกนี้ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวครับว่า สิ่ง ๆ หนึ่งต้องหมายถึงสิ่งเสมอ (Arbitrary) ประมาณว่าแหวนวงหนึ่งใช่จะมีความหมายเหมือนกันทั้งโลก แหวนในสังคมหนึ่งอาจเป็นของมีค่า แต่อีกกับสังคมหนึ่งกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องของธรรมชาติสร้างมาครับ มันจะไม่มีความหมายขึ้นมาเลยถ้าเราไม่ไปให้ความสำคัญและสร้างความหมายให้กับมัน เหมือนเพชรนะครับ มันเกิดมาเป็นก้อน ๆ ใส ๆ สีแวววาว มันอยู่เฉย ๆ ไม่มีใครไปยุ่งกับมัน มันก็ไม่มีค่าอะไร แต่พอเราไปให้ความหมายมันว่าเป็นของหายาก ทรงคุณค่า คราวนี้ไอ้เจ้าก้อนเพชรก็เลยมีความหมายขึ้นมาละครับ อันนี้จำไม่ได้ เดี๋ยวไปค้นก่อน
คำถามสำคัญเกี่ยวกับที่เขาศึกษากันครับ พวกนักสัญศาสตร์สนใจเรื่องที่ว่า ความหมาย (Meaning) ของสิ่งต่าง ๆ เนี๊ยะมันถูกประกอบสร้าง (construct) ถ่ายทอด (Distribute) ถูกบริโภค (Consumption) และ ถูกแปรเปลี่ยน (transfrom) กันไปได้อย่างไร
ผมคิดว่าพ่อแม่พี่น้องต้องเคยได้ยินหรือกินข้าวกล้องกันเป็นแน่ เมื่อก่อนนี้ข้าวกล้องนี้เขาให้คนคุกกินนะครับ แต่ทุกวันนี้กลายเป็นอาหารทรงคุณค่า ใคร ๆ ต่างก็หันมากินตามแนวคิดฮิตพวกชีวจิตที่ว่าข้าวกล้องมีกากใยสูง
ก็มีคนสนใจศึกษาเรื่องนี้เป็นวิทยานิพนธ์ทีเดียว เขาก็สนใจว่าความหมายของข้าวกล้องที่ว่าเป็นอาหารชีวจิตนี้ถูกประกอบสร้างขึ้นมาได้อย่างไร แล้วถูกถ่ายทอดออกไปยังคนทั่วไปยังไง แล้วคนทั่วไปบริโภคความหมายเหล่านี้อย่างไร จนมาลงท้ายที่ความหมายที่แปรเปลี่ยนจากข้าวคนคุกมาเป็นข้าวชีวจิตนี้ทำได้อย่างไรกัน คงพอเห็นภาพกันนะครับ
เรื่องของความสัมพันธ์กันของสัญญะ อันนี้ก็มีหลายประเด็นครับ พอสรุปมาเป็นแบบนี้
อันแรกเขาว่า เป็นความสัมพันธ์กันระหว่าง element กับ relation นักสัญญวิทยาบอกว่าหากมี element เดิมอยู่แต่เปลี่ยนแปลง relation ความหมายก็เปลี่ยนไป ยกตัวอย่าง ผมมีประโยคนี้
‘ฉันรักเธอฉันยังไม่บอกใคร’ คราวนี้ผมขอเปลี่ยนเป็น ------- ‘ฉันรักใครฉันยังไม่บอกเธฮ’
เห็นไหมครับว่าคำที่ใช้เหมือนกัน เพียงเปลี่ยนที่เปลี่ยนคำสัมพันธ์กันเท่านั้น ความหมายเปลี่ยนเลย……… เรื่องต่อมา เป็นแนวคิดเรื่องความแตกต่าง (Difference) โดยป๋าโซซูเป็นคนเสนอไว้ ป๋าบอกว่าการที่เราจะเรียนรู้คำต่าง ๆ ต้องมองที่ความแตกต่าง เราจะเข้าใจคำว่าเงินว่าแตกต่างจากคำว่าเดิน เพราะเห็นความแตกต่างของมัน รวมไปถึงการใช้คู่ตรงข้าม (Binary Opposition) เช่นขาวกับดำ ดีกับชั่ว สำเร็จกับล้มเหลว รวยกับจน เป็นต้น
เรื่องสุดท้ายคือแนวคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาสารกับบริบทสิ่งแวดล้อมของมัน แนวคิดนี้ง่าย ๆ ครับคือ เนื้อหาสารนี้พอเปลี่ยนที่อยู่ของมัน ความหมายของมันก็จะเปลี่ยนไปด้วย เหมือนที่ผมเล่าเรื่องขวดโค้กในเทวดาท่าจะบ๊องส์นั้นแหละครับ ขวดอันเดิม แต่กลายเป็นพระเจ้าของชนเผ่าหนึ่ง ในขณะที่เป็นขยะของอีกชนเผ่าหนึ่ง………
คราวหน้าสุดท้ายล่ะสำหรับเรื่องสัญญวิทยา เรามาดูกันครับว่าจะเอาไปวิเคราะห์กันได้อย่างไร โดยเฉพาะในงานด้านสื่อสารมวลชน พวกหนัง เพลง ที่ท่าน ๆ สนใจกันครับ
Create Date : 19 มิถุนายน 2548 |
Last Update : 19 มิถุนายน 2548 12:14:19 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1261 Pageviews. |
|
|
|
โดย: เด็กชายหัวหอม IP: 58.8.120.107 วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:10:09:59 น. |
|
|
|
โดย: rsloads IP: 117.26.223.7 วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:13:28:49 น. |
|
|
|
โดย: pimpika IP: 161.73.137.10 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:29:16 น. |
|
|
|
|
|
|
I will see U in the next life.
|
|
|
|
|
|