|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
แตกประเด็นจากบล็อกคุณพี่สาวไกด์ใจซื่อ -----------> คนรอบตัวส่งผลยิ่งให้รักการอ่านหนังสือ
จากบล็อกคุณพี่สาวไกด์ฯ เมื่อวาน //www.bloggang.com/viewblog.php?id=pakwan&date=20-02-2006&group=5&blog=1 ได้พูดคุยกันถึงเรื่องว่าทำไมถึงชอบการอ่านหนังสือ ซึ่งผมเองก็ได้ไปตอบไว้ แล้วยังมีประเด็นอะไรที่อยากเล่าขยายความเพิ่มเติม
หลาย ๆ คนในที่นี้ชอบอ่านหนังสือ และอีกหลาย ๆ คนก็ขอถอยห่างจากกิจกรรมเช่นนี้ ผมเองก็พึ่งได้รู้ความรู้สึกของคนที่ไม่อ่านหนังสือว่าเขารู้สึกกันอย่างไรเมื่อไม่นานมานี้
ก่อนหน้านี้ผมก็คิดว่าทุก ๆ คนคงมีทักษะการอ่านในระดับที่พอ ๆ กัน อาจจะมีอ่านเร็วอ่านช้ากว่าบ้าง แต่ก็ไม่ต่างกันสักเท่าใด ทว่าเมื่อได้คุยกันน้อง ๆ ที่รู้จักหลาย ๆ คน ไอ้ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของผมก็พังทลายเสียสิ้น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อสักปีที่แล้ว เหตุผลอันใดไม่ทราบผมได้กลับไปหยิบเอาเพชรพระอุมาภาคแรกกลับมาอ่านเป็นรอบที่สาม อาจด้วยความว่างไม่มีอะไรทำละมั้งครับ เลยทำให้เวลาให้ว่างเสียจนน่าเบื่อ เพชรพระอุมาเลยกลายเป็นยาลดความเบื่อได้อย่างชงัด อ่านวันสามเล่ม โอ้ย!!! มันมาก
กลางดึกคืนนั้น ผมนั่งแชท MSN กับน้องรู้จักกัน ก็คุยกันว่าผมอ่านเพชรพระอุมา ติดมาก (นี้ขนาดรอบที่สามนะ) อ่านได้วันละสามเล่ม ไอ้น้องผมมันก็ถามขึ้นมาว่า
"อ่านแบบนี้คงตาลายแย่เลยนะครับ"
ผมยอมรับว่าผมอ่านประโยคนี้แล้วผมงงครับ งงมากว่า ทำไมมันต้องตาลายว่ะ ก็คุย ๆ ไปเลยได้รู้ว่าน้องผมคนนี้ปกติไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเท่าใด ส่วนใหญ่ที่อ่านก็เป็นการ์ตูนและหนังสือเรียน (ที่ถูกบังคับให้อ่าน) ผมก็เลยถึงบางอ้อเสียทีว่า อ่อ คนเรามันมีทักษะการอ่านไม่เท่ากัน
จากในบล็อกของคุณพี่สาวไกด์ฯ หลาย ๆ ความเห็นบอกว่าได้รับอิทธิพลมาจากพ่อแม่ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ตัวผมเอง มีแม่ที่ชอบอ่านหนังสือมาก ๆ มีหนังสือเต็มบ้านพอที่จะทำเป็นห้องสมุดเล็ก ๆ ได้เลยล่ะ ทุก ๆ เดือนอย่างน้อยจะมีนิตยสารเข้าบ้านประมาณ 3 เล่ม ผมก็เลยได้อ่านไปด้วย กับพวกคอลัมน์เด็ก ๆ นิทานต่าง ๆ
ผมอ่านโชคดีกว่าเด็กส่วนใหญ่ตรงที่ที่บ้านมีหนังสือให้อ่านเยอะ ประกอบผมเป็นเด็กแรดชอบอ่านอะไรไปเรื่อย โดยเฉพาะพวกวรรณคดี ผมไม่ได้เก่งเวอร์ขนาดอ่านเป็นกลอนอะไรหรอกนะครับ เป็นเด็กก็ต้องอ่านที่เขา edit แล้วล่ะ ผมก็เลยเป็นแฟนหนังสือของ 'มาลัย' ในนิตยสารกุลสตรี ที่จะเขียนเรื่องเกี่ยวกับ นางในวรรณคดี (มีรวมเล่มขาย) ตำนานเทวดา ฯลฯ อะไรประมาณนี้
หลาย ๆ คนคงมีพื้นฐานอย่างผมเช่นกันคือที่บ้านอ่านหนังสือ เวลาที่ผ่านมาผมเคยลองถามกับเด็กข้างบ้านว่า ชอบอ่านหนังสือกันไหม ผลส่วนใหญ่ก็ชอบวิ่งเล่นมากกว่าตามประสาเด็ก จะมีอ่านบ้างก็พวกการ์ตูน นิทานง่าย ๆ ที่สำคัญอ่านในห้องสมุด ที่บ้านไม่ค่อยได้อ่าน
เห็นแบบนี้แล้ว พ่อแม่และคนรอบตัวนี้สำคัญจริง ๆ
ความสุขของคนที่ชอบอ่านหนังสือ คนที่ไม่ชอบอ่านคงนึกภาพตามไม่ค่อยออก ในความรู้สึกผม การได้อ่านหนังสือสักเรื่อง เหมือนการได้ผจญภัยไปในดินแดนต่าง ๆ ที่เราไม่รู้จัก ยิ่งหนังสือที่เขียนด้วยภาษายอดเยี่ยมยิ่งชวนให้เราถลำลึกไปหาทางกลับไม่เจอ อย่างงานของ น้าชาติ กอบจิตติ นี้ผมหลงทางบ่อยครับ อย่างตอนอ่านพันธ์หมาบ้าหรือคำพิพากษา นี้หลงไปลึกพอหาทางออกเจอนี้ได้แต่อึ้ง ทึ่ง และสมองหนักไปทั่วทั้งหัว
อีกอย่างสำหรับข้อได้เปรียบของคนชอบอ่านหนังสือคือ เวลาเห็นความหนาแล้วมันไม่ท้อครับ 555 (เว้นพี่น้องคารามาซอฟไว้สักเล่ม ผมชอบนอนอ่านหนังสือ ถ้าอ่านเรื่องนี้สงสัยต้องไปซ้อมยกเวทก่อน) เพื่อนพี่น้องรอบตัวผมหลายคนแค่เห็นความหนาของแฮรี่ พอตเตอร์ก็อุทานออกมาว่า "เหี้ย กูอยากอ่าน แต่ชาตินี้กูจะอ่านจบไหมว่ะ หนาฉิบหาย" ในขณะที่ถ้าเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือต่างบอกว่านี้หนาแล้วหรอ โอ้ย!!! แค่นี้แป๊บ ๆ ก็จบ
ไอ้เรื่องความหนา หนาเท่าไรไม่เชื่อเรื่องสำคัญ สำคัญที่ว่ามันเขียนสนุกหรือเปล่าต่างหาก ถ้ายิ่งหนาและเขียนไปเรื่อยไม่สนุกนี้ คงมีหลายคนขอยอมแพ้
สุดท้าย ผมขอย้ำอีกทีว่าพ่อแม่และผู้ปกครองคือปัจจัยสำคัญเลยครับที่ทำให้เด็กคนหนึ่งรักการอ่าน ใครเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองอยากให้ลูกอ่านหนังสือก็ต้องย้อนมามองตัวท่านเองก่อนละกันครับว่าชอบอ่านหนังสือไหม ถ้าไม่ชอบแล้วยังไปเข็นให้ลูกอ่านแบบนี้ก็ไม่ไหว เดี๋ยวลูกมันจะบอกว่าดีแต่บังคับตัวเองยังไม่ทำเลย แล้วก็ให้อ่านไปเถอะ การ์ตูน ชอบบอกกันจังว่าการ์ตูนไร้สาระ มันมีคุณค่าทางวิชาการน้อย แต่สูงค่าในด้านการจินตนาการนะขอรับ
ฝากวันกันเท่านี้ เดี๋ยวจะไปอ่านหนังสือล่ะ 5555
ป.ล. วันนี้เอาเพลง ลั่นทม ของ goose มาให้ฟัง เพลงนี้มันค่อนข้างโหดอยู่นะครับ แต่ก็มีท่วงทำนองที่ไพเราะแฝงอยู่ เป็นเพลงที่ผมชอบที่สุดในอัลบั้มแล้วละครับ ความรู้สึกของคนไม่ชอบอ่านหนังสือเวลาเห็นหนังสือก็คงกลัว วิตก เหมือนเวลาฟังเพลงนี้แบบเผิน ๆ แต่ความจริงหนังสือมีความสนุกมากมายซ่อนเอาไว้ เหมือนกับเพลงนี้ที่ซ่อนเอาความงามเอาไว้เช่นกันครับ
ป.ล. 2 อยากรู้จริง ๆ ว่ามีใครฟังจนจบเพลงไหมหนอ
ป.ล. 3 ท่านต้องมี real player นะครับถึงจะฟังได้
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2549 |
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2549 10:18:35 น. |
|
23 comments
|
Counter : 1171 Pageviews. |
|
|
|
โดย: BAYROCKU วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:32:21 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:40:59 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:39:56 น. |
|
|
|
โดย: Mr.Vop วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:10:03 น. |
|
|
|
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:47:22 น. |
|
|
|
โดย: foneko (fonkoon ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:53:27 น. |
|
|
|
โดย: เดอะ กั้ง วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:42:59 น. |
|
|
|
โดย: rebel วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:52:48 น. |
|
|
|
โดย: keyzer วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:06:47 น. |
|
|
|
โดย: อนารยชนโรแมนติก IP: 61.91.96.79 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:51:22 น. |
|
|
|
โดย: NinG_CDC วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:20:21 น. |
|
|
|
โดย: joblovenuk วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:2:32:04 น. |
|
|
|
โดย: Malee30 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:3:10:36 น. |
|
|
|
|
|
|
I will see U in the next life.
|
|
|
|
|
|
แนะนำอีกเวบสำหรับใครที่ยังไม่รู้ต้องการหา source เพลง เวบนี้มีบริการ //www.bzro.net/getcode/ ลองเข้าไปใช้ดูนะครับ สะดวกดี มีเพลงจากคูลวอยซ์ให้ใช้ด้วย (แต่ใส่โค้ดยากนิดหนึ่งนะ)