ข้ออุปมาให้เห็นภัยที่น่ากลัวของสังสารวัฎ
พระพุทธองค์ ตรัสถึงการท่องเที่ยวในสังสารวัฏของบุคคลผู้ไม่รู้อริยสัจจว่า
“ภิกษุ ทั้งหลาย สงสารนี้มีเบื้องต้น และเบื้องปลายรู้ไม่ได้ ที่สุดเบื้องต้น
ที่สุดเบื้องปลายไม่ปรากฏ แก่เหล่าสัตว์ผู้ถูกอวิชชากีดขวาง ถูกตัณหาผูกไว้
วนเวียน ท่องเที่ยวไป” และได้ตรัสถึงการเกิดของภิกษุที่ไม่รู้อริยสัจ
ท่องเที่ยวในสังสารวัฏอันยาวนาน
การที่พระองค์ตรัสให้เห็นถึงโทษของสังสารวัฎนั้น อาจทำให้คนทั้งหลาย
ได้คิดพิจารณาด้วยตนเองว่า เมื่อท่องเที่ยวไปอย่างยาวนาน มีกองกระดูกเต็ม
ป่าช้า ได้รับความทุกข์มากมายเช่นนี้ เพียงพอแล้วหรือยัง ที่จะเบื่อหน่าย
คลายกำหนัด ในการเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่าง ๆ อันไม่มีที่สิ้นสุด แ
ล้วรีบเร่งทำความเพียรเพื่อให้พ้นจากสังสารวัฏ ภิกษุเมื่อรู้ถึงโทษเหล่านี้แล้ว
ย่อมสมัครใจที่จะประกอบความเพียร เพื่อให้พ้นจากภัยเหล่านี้ โดยความ
เต็มใจ นำมาฝากครับ
๑. เปรียบเทียบบุคคลที่เคยเป็นแม่ของภิกษุทั้งหลายว่า ถ้ามีคนตัด
หญ้า ท่อนไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ในชมพูทวีปนี้แล้วรวมเป็นกองเดียวกัน ครั้นรวม
กันแล้ว จึงมัด ๆ ละ ๔ นิ้ว วางไว้ สมมติว่า นี้เป็นมารดาของเรา นี้เป็นมารดา
ของมารดาของเรา มารดาของมารดาแห่งบุรุษนั้น ไม่พึงสิ้นสุด ส่วนหญ้า
ท่อนไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ในชมพูทวีปนี้พึงหมดสิ้นไปก่อน
๒. เปรียบเทียบบุคคลที่เคยเป็นพ่อของภิกษุทั้งหลายว่า ถ้ามีคน
ปั้นแผ่นดินนี้ให้เป็นก้อน แต่ละก้อนเท่าเมล็ดกระเบาแล้ว วางไว้ สมมติว่า
นี้เป็นบิดาของเรา นี้เป็นบิดาของบิดาของเรา บิดาของบิดาแห่งบุรุษนั้น
ไม่พึงสิ้นสุด ส่วนมหาปฐพีนี้ พึงหมดสิ้นไปก่อน
๓. เปรียบเทียบน้ำตากับมหาสมุทรทั้ง ๔ ว่า น้ำตาที่ไหลออก
เพราะร้องไห้เสียใจจากการตายของพี่สาว ของน้องสาว ของบุตร ของธิดา
ความเสื่อมของญาติ ความเสื่อมแห่งทรัพย์สินเงินทอง ความเสื่อมเพราะโรค
เพราะได้ประสบกับสิ่งที่ไม่พอใจ ของภิกษุทั้งหลาย โดยกาลนานนี้ มีจำนวน
มากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ เสียอีก ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากเท่าไร
๔. เปรียบเทียบน้ำนมกับมหาสมุทรทั้ง ๔ ว่า น้ำนมที่ภิกษุทั้งหลาย
ผู้วนเวียนท่องเที่ยวไปสิ้นกาลนานได้ดื่มจากมารดานี้ มีจำนวนมากกว่าน้ำใน
มหาสมุทรทั้ง ๔ เสียอีก ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากเท่าไร
๕. เปรียบเทียบการเกิดกับจำนวนกัปว่า การเกิดของภิกษุทั้งหลาย
นั้น มีจำนวนกัป ที่นับไม่ถ้วน ภิกษุแต่ละรูปได้ท่องเที่ยวไป มิใช่ ๑ กัป มิใช่
๑๐๐ กัป มิใช่ ๑,๐๐๐ กัป มิใช่ ๑๐๐,๐๐๐ กัป แต่มีจำนวนกัปที่นับประมาณ
ไม่ได้
ความยาวนาน ของกัป พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบว่า มีภูเขาศิลา
แท่งทึบลูกใหญ่ มีความยาว ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ไม่มีช่อง
ไม่มีโพรง บุรุษพึงเอาผ้าแคว้นกาสีลูบภูเขานั้น ๑๐๐ ปีต่อครั้ง ภูเขาศิลา
ลูกใหญ่นั้น พึงหมดสิ้นไป เพราะความพยายามนี้ แต่กัปยังเร็วกว่า
ส่วนกัปหนึ่งยังไม่หมดสิ้นไป
๖. เปรียบเทียบการระลึกชาติได้ของพระสาวก ๔ รูปกับการเกิดว่า
ถ้ามีพระสาวก ๔ รูป มีอายุ ๑๐๐ ปี มีชีวิตอยู่ ๑๐๐ ปี หากว่าเธอเหล่านั้น
สามารถระลึกชาติย้อนหลังไปได้ วันละ ๑๐๐,๐๐๐ กัป กัปที่เธอเหล่านั้น
ระลึกไปไม่ถึงยังมีอยู่ ต่อมาสาวก ๔ รูป มีอายุ ๑๐๐ ปี มีชีวิตอยู่ ๑๐๐ ปี
พึงมรณภาพไปก่อนที่จะระลึกชาติได้หมด
๗. เปรียบเทียบกองกระดูกกับการเกิด ๑ กัปว่า กองกระดูกของ
บุคคลคนหนึ่ง ผู้วนเวียนท่องเที่ยวไปตลอด ๑ กัป ถ้ามีผู้นำกองกระดูกนั้น
มากองรวมกันได้ และกระดูกที่กองรวมกันไว้ ไม่สูญหายไปจะใหญ่เท่ากับ
ภูเขาเวปุลละ แต่ถ้าเมื่อใด เห็นอริยสัจจ์ ๔ ก็สามารถพ้นทุกข์ได้ มีการเกิด
อย่างมากเพียง ๗ ชาติเท่านั้น
อ้างอิง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
นอก จากนี้ ยังทรงสอนให้เรามีเมตตาต่อกัน ทรงสอนว่า เมื่อเราพบ
คนที่มีมือ มีเท้าไม่สมประกอบ หรือพบคนที่มีความสุข มีบริวารคอยรับใช้
ก็ให้คิดว่า แม้เราเองก็เคยได้รับความทุกข์ความสุขเช่นนี้หมือนกัน พบใครใน
โลกนี้ ก็ให้คิดว่า ทุกคนล้วนแต่เคยเกิดเป็นแม่ เป็นพ่อ เป็นลูกชาย เป็นลูกสาว
ของเรามาแล้ว ในสังสารวัฎฎอันยาวนาน เราจึงควรมีเมตตาต่อกัน ไม่ทำร้ายกัน
......................................................
ขอบคุณภาพประกอบสวยๆจาก INTERNET ค่ะ
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2554 20:37:31 น. |
Counter : 899 Pageviews. |
|
|
|